“SPRITE” จากเด็กขายข้าวโพดคั่ว สู่แร็ปเปอร์เสาหลักของครอบครัว | Sanook Music

“SPRITE” จากเด็กขายข้าวโพดคั่ว สู่แร็ปเปอร์เสาหลักของครอบครัว

“SPRITE” จากเด็กขายข้าวโพดคั่ว สู่แร็ปเปอร์เสาหลักของครอบครัว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Highlight

  • สไปร์ท - ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ” หรือ SPRITE แร็ปเปอร์วัย 17 ปี ที่โด่งดังมาจากเพลง “ทน” แต่กว่าจะมาถึงจุดที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก สไปร์ทต้องผ่านการทำงานหนักเพื่อช่วยเหลือครอบครัว
  • เริ่มต้นจากการร้องเพลงลูกทุ่ง สไปร์ทค่อย ๆ หันเหเข้าสู่วงการฮิปฮอปจากการไปปรากฏตัวในรายการทีวี เมื่อทีมงานของรายการค้นพบว่าสไปร์ทเป็นแฟนคลับตัวยงของ “ปู่จ๋าน ลองไมค์” นักร้องแนวแร็ปสไตล์กวี
  • สไปร์ทช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ ทั้งช่วยขายข้าวโพดคั่ว ช่วยเลี้ยงน้อง และตั้งใจเรียนเสมอ กระทั่งได้ก้าวเท้าเข้าสู่วงการดนตรี ทำให้มีรายได้เข้ามามากมาย และสไปร์ทก็กลายเป็น “เสาหลักของครอบครัว”
  • แม้จะมีรายได้จากการทำงานเพลงและได้โลดแล่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่สไปร์ทก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเสียดาย “ช่วงวัยรุ่น” ที่หายไป เช่นเดียวกับความสนุกสนานในวัย 17 ปีที่รายล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน 

วินาทีนี้คงไม่มีใครไม่รู้จัก “สไปร์ท - ศุกลวัฒน์ พวงสมบัติ” หรือ SPRITE แร็ปเปอร์วัย 17 ปี เจ้าของเพลงดังอย่างเพลง “ทน” ที่ดังไกลไปติดชาร์ต Billboard Global Exal. U.S. Chart ชาร์ตเพลงระดับโลก แต่เบื้องหลังความสำเร็จในวงการฮิปฮอปของสไปร์ท เด็กหนุ่มชาวฉะเชิงเทราคนนี้ยังทำหน้าที่ “เสาหลักของครอบครัว” หาเงินเลี้ยงดูครอบครัวให้ได้อยู่ดีกินดี ขณะที่เขาก็ยังสามารถไล่ตามความฝันของตัวเองได้ และนี่คือเรื่องราวของสไปร์ท ที่มาเปิดใจเล่าเรื่องชีวิตของเขาให้ Sanook ฟัง 

เด็กสู้ชีวิตที่ชอบร้องเพลง

“ครอบครัวผมทำข้าวโพดคั่ว ขายของ ขายข้าวโพดคั่วตามงานวัด ผมตื่นมาเช้าก็จะเห็นปู่กับพ่อแม่ กรอกข้าวโพดใส่ถุงแล้ว แล้วผมก็ไปช่วยเขาทำข้าวโพดตั้งแต่เด็ก แล้วก็ขายมาตั้งแต่จำความได้” สไปร์ทเริ่มต้นเล่า 

เด็กชายสไปร์ทตัวเล็กเดินขายข้าวโพดคั่วตามงานวัดและงานรื่นเริง กลายเป็นภาพชินตาของคนที่ผ่านไปมา ไม่เพียงแต่จะมีลีลาการขายที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่สไปร์ทยังมีพรสวรรค์เรื่องการร้องเพลงมาตั้งแต่ยังเล็ก โดยเฉพาะ “เพลงลูกทุ่ง” ที่ทำให้เขากลายเป็นนักร้องล่ารางวัลของโรงเรียน ก่อนจะกลายเด็กน้อยสู้ชีวิตบนหน้าจอโทรทัศน์ 

“ผมร้องเพลงเล่น ๆ มาตั้งนานแล้ว แต่ว่าผมไม่เคยร้องให้ใครฟัง แล้วมาวันหนึ่ง ผมอยู่ที่ค่ายลูกเสือ ก็ผัดกับข้าว ร้องเพลง แล้วมีคนดูคลิปนั้นในเฟสบุ๊กเยอะมาก ก็เลยมีรายการต่าง ๆ มาเห็น มีรายการหนึ่งชื่อ Super 10 ติดต่อมา ก็เลยได้ไปร้องในรายการ” สไปร์ทบอก 

จากคอลูกทุ่งสู่วงการฮิปฮอป

จากนักร้องเพลงลูกทุ่งของโรงเรียน สไปร์ทค่อย ๆ หันเหเข้าสู่วงการฮิปฮอปจากการไปปรากฏตัวในรายการ Super 10 เมื่อทีมงานของรายการค้นพบว่าสไปร์ทเป็นแฟนคลับตัวยงของ “ปู่จ๋าน ลองไมค์” นักร้องแนวแร็ปสไตล์กวี

“ผมชอบพี่ปู่จ๋านมาตั้งแต่แรก ผมเป็นเอฟซีของพี่เขาเลย ผมเลยบอกกับทางรายการว่าชอบเพลงพี่ปู่จ๋าน รายการก็เลยให้ร้องเพลงของพี่ปู้จ๋าน แล้วมันก็เป็นเพลงแร็ปด้วย คนก็เลยเริ่มเห็นมาจากตรงนั้น” สไปร์ทเล่า 

จากการปรากฏตัวในรายการ Super 10 มาจนถึงการร่วมแข่งขันในรายการ Show Me The Money ซึ่งสไปร์ทก็สามารถคว้ารางวัลรองแชมป์ไปครองได้ในวัยเพียง 15 ปีเท่านั้น ทำให้สไปร์ทเดินเข้าสู่วงการเพลงฮิปฮอปในที่สุด และได้เข้าสังกัดค่าย HYPE TRAIN ของโปรดิวเซอร์ NINO คนดัง 

“ผมได้เรียนรู้อะไรหลายอย่างเลย ทั้งเรื่องการเขียนเพลง การวางแผนชีวิต ว่าเราจะเอายังไงต่อ การบริหารเงินของตัวเอง เพราะผมก็เข้ามาทำงานรับเงิน หรืออย่างการไปเล่นคอนเสิร์ต เหมือนเราก็ฝึกตัวเองอยู่ตลอดว่าเรามาเอนเตอร์เทนคน” สไปร์ทสะท้อน 

เสาหลักของครอบครัว

เรื่องราวชีวิตของสไปร์ทถูกถ่ายทอดผ่านรายการดัง เด็กชายตัวเล็กผู้ช่วยเหลือครอบครัวทุกอย่างเท่าที่เขาจะทำได้ ทั้งช่วยขายข้าวโพดคั่ว ช่วยเลี้ยงน้อง และตั้งใจเรียนเสมอ กระทั่งได้ก้าวเท้าเข้าสู่วงการดนตรี ทำให้มีรายได้เข้ามามากมาย และสไปร์ทก็กลายเป็น “เสาหลักของครอบครัว” 

“ตอนนี้มันเป็นงานที่เราโอเค เราชอบด้วย ไม่ได้เหนื่อยมาก เหมือนเราไปทำในสิ่งที่เราชอบทำของเราอยู่แล้ว ให้คนได้ดู มันเลยรู้สึกว่ามันไม่ได้เหนื่อยมากจากตอนเด็ก ผมว่าตอนเด็กผมเหนื่อยกว่านี้ ตอนไปขายของ ขายข้าวโพดคั่วถึงดึก ตอนเช้าก็ไปโรงเรียนไม่ทัน เพราะตื่นสาย”

“ผมดีใจมากครับ เพราะครอบครัวของผมไม่เคยคิดมาก่อน ว่าเพลงมันจะสามารถสร้างเงินให้เราได้ ผมดีใจมาก ๆ ที่เราอยากจะเป็นแบบนี้ แล้วเราได้ทำมัน ได้เป็นอย่างที่เราหวังไว้” สไปร์ทบอก “ผมคิดว่าผมก็ทำดีเท่าที่ผมจะทำได้แล้ว ผมคิดว่าให้คะแนนตัวเองเต็มสิบเลย เพราะผมทำเต็มที่ตลอด” 

ชีวิตวัยรุ่นที่หายไป 

แม้จะมีรายได้จากการทำงานเพลงและได้โลดแล่นอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต แต่สไปร์ทก็ยอมรับว่าตัวเองรู้สึกเสียดาย “ช่วงวัยรุ่น” ที่หายไป เช่นเดียวกับความสนุกสนานในวัย 17 ปีที่รายล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ วัยเดียวกัน 

“เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ผมเซ็งอยู่นิดนึง แต่ไม่ได้เซ็งมาก เพราะว่าเราเลือกที่จะแลกกับมันมาแล้ว แต่มันหายไปอยู่แล้ว อย่างผมตอนนี้ อาจจะต้องไปดูหนังกับเพื่อน ๆ หรือไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่ แต่ตรงนี้ก็สามารถไปหาได้ ไปดูหนังได้ แต่ว่าผมไม่ค่อยมีเพื่อน เพราะเราออกมาก่อน แล้วเพื่อน ๆ เขายังเรียนอยู่ ก็เลยเศร้า ๆ นิดนึง” สไปร์ทกล่าว 

เพราะเข้าใจในจุดที่ตัวเองยืนอยู่ และมีความตั้งใจที่จะดูแลครอบครัวของตัวเองให้ดีที่สุด สไปร์ทจึงพยายามทำงานอย่างหนัก พร้อม ๆ กับสนุกสนานไปกับการร้องเพลงที่เขารัก และสไปร์ทก็ทิ้งท้ายถึงทุกคนที่กำลังสู้เพื่อครอบครัวให้ “สู้ไปด้วยกัน” 

“คนพวกนี้เขาแน่วแน่อยู่แล้ว เพราะเขาคิดจะช่วยเหลือครอบครัวแล้ว ก็สู้ ๆ ครับ เพราะเราก็ทำงานเพื่อคนข้างหลังเหมือนกัน เราเข้าใจ แต่สำหรับบางคนที่อยากช่วยเหลือพ่อแม่ แต่ยังอาจจะหาเงินไม่ได้ ก็ช่วยที่บ้านก็ได้ ล้างจาน ถูกพื้น กวาดบ้าน อะไรแบบนี้มันก็โอเค” สไปร์ทกล่าวทิ้งท้าย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook