Monster Music Festival กับ 5 เรื่องดีต่อใจที่ทำให้เราฟินยาวทั้งสุดสัปดาห์ | Sanook Music

Monster Music Festival กับ 5 เรื่องดีต่อใจที่ทำให้เราฟินยาวทั้งสุดสัปดาห์

Monster Music Festival กับ 5 เรื่องดีต่อใจที่ทำให้เราฟินยาวทั้งสุดสัปดาห์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากที่ทำให้หลายคนรู้จักงาน นั่งเล่น มิวสิคเฟสติวัล, Big Mountain Music Festival, เชียงใหญ่เฟส และ เฉียงเหนือเฟส ก่อนจบปี 2565 ทาง GMM SHOW ก็มากับเทศกาลดนตรีกลางกรุงเทพอย่าง Monster Music Festival ที่มากับสโลแกนเทศกาลดนตรีที่ให้ศิลปินคนดูเป็นตัวเองที่สุด ภายใต้ธีมสัตว์ประหลาดที่สร้างสีสันตลอดพื้นที่งานในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน ณ สนามกีฬาแห่งชาติ

และงานครั้งนี้เองก็ถือเป็นก้าวแรกที่เรามองว่าน่าจับตามากๆ กับการจัดเทศกาลดนตรีกลางกรุงเทพของ GMM Show จนเราขอยกเรื่องราวน่าสนใจของงานนี้มาให้ทุกคนได้ชมกัน เพราะล่าสุดก็มีข่าวแว่วมาแล้วว่านี่จะไม่ใช่ Monster Music Festival ครั้งเดียวแน่นอน 

การเดินทางที่ง่ายใจกลางเมืองสุดๆ 

ถ้าว่ากันตามตรง อุปสรรคใหญ่ของการชมคอนเสิร์ตของคนกรุงเทพ ก็คือตัวโลเคชั่นที่อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า จนการเดินทางเต็มไปด้วยความซับซ้อนสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว และอาจจะทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อของรถสาธารณะที่คิดไม่ซื่อ แต่งาน Monster Music Festival ได้ถูกจัดขึ้นใจกลางเมือง ณ สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งเป็นสถานที่ที่รถไฟฟ้าไปถึง ทำให้ผู้ชมคอนเสิร์ตสามารถเดินทางอย่างสะดวก และเรื่องที่เราประทับใจคืองานครั้งนี้มีคำแนะนำสำหรับคนที่คิดจะซื้อบัตรเพื่อกลับช่วงรถใกล้หมดเวลาเที่ยงคืนด้วย 

เทศกาลดนตรีที่มีความหลากหลาย 

งาน Monster Music Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่มีความหลากหลายทางดนตรี ไม่ว่าจะเป็นอินดี้ที่ยากจะหาคำจัดความแนวเพลงอย่าง Blackbeans, T_047, เขียนไขและวานิช, คณะขวัญใจ, จุลโหฬาร, ไปส่งกู บขส.ดู๊, ANATOMY RABBIT,  LANDOKMAI ไปจนถึงความสนุกสนานอย่างวงป็อปอย่าง Serious Bacon, TATTOO COLOUR, Three Man Down และศิลปินเดี่ยวที่แฟนเพลงเยอะมากอย่าง อิ้งค์-วรันธร เปานิล, นนท์-ธนนท์ จำเริญ, แสตมป์-อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข, โจอี้-ภูวศิษฐ์ อนันต์พรสิริ และตอนกลางคืนช่วงดึกก็ยังมี MILLI, YOUNGOHM, FIIXD ที่เปลี่ยนเวทีเป็นงานปาร์ตี้ และยังมีศิลปินร็อคอย่าง Cocktail, Potato, Tilly Birds ไปจนถึงโมเดิร์นเพื่อชีวิตอย่าง Taitosmith กับแร็ปเมทัล Bomb At Track เรียกได้ว่าทุกซาวด์ดนตรีมีหมดในงาน 

ในอนาคตถ้างาน Monster Music Festival มีครั้งต่อไป เรามองว่างานครั้งนี้ควรจะมีพื้นที่สำหรับวงทีป็อป ไม่ว่าจะ PERSES และ ALALA รวมถึงอีกหลายๆ วง เนื่องจากปัจจุบันเทรนด์ทีป็อปกำลังมาแรง และหลายๆ ศิลปินอาจจะเป็นสีสันในงานครั้งต่อไป และดึงดูดคนกลุ่มที่รักทีป็อปที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว หรือแม้อาจจะมีพื้นทีสำหรับศิลปินอินดี้อีสานหรือฟีลรถแห่ที่คนกรุงเทพอาจไม่ได้สัมผัส 

ศิลปินเยอะ = แจมเยอะ 

การที่หลายศิลปินต่างค่ายมาอยู่ในสถานที่เดียวกัน ก็ทำให้เกิดการแจมแบบพิเศษขึ้นได้ อย่างเช่นในโชว์ของ MILLI ที่ได้ BOWKYLION มาแจมในเพลง “บอยพาโบ้” และการแสดงของ โจอี้ ภูวศิษฐ์ ที่อยู่ดีๆ มี WOLFTONE (ต้น-กฤติน นกแก้ว) ปรากฎตัวขึ้นมาแจมในเพลง “เสี่ยว” พร้อมการแร็ปภาคใต้ที่แตกต่างจากต้นฉบับ ซึ่งเราเชื่อว่างานครั้งนี้ยังมีการแจมอีกหลายๆ คู่

นอกจากการแจมข้ามค่ายแล้ว หลายค่ายที่ศิลปินในสังกัดยังใหม่ และมีเพลงไม่มาก ยังได้รับโอกาสให้ขึ้นคอนเสิร์ตเวทีใหญ่กับเพื่อนร่วมค่าย อย่างเช่นศิลปิน Boxx Music, genie records, Gene Lab, YUPP, High Cloud Entertainment ที่บางกลุ่มมีการมัดรวมขึ้นโชว์ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งนี่ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ทำให้ศิลปินใหม่กลุ่มนี้มีประสบการณ์บนเวทีที่จะทำให้พวกเขาเติบโต รวมถึงเป็นไฟให้พวกเขาสร้างงานต่อไป และทำให้คนฟังอย่างเรามีศิลปินใหม่ในเพลย์ลิสต์ด้วย 

ทีมศิลปิน Gene Labทีมศิลปิน Gene Lab

เวทีใหญ่ก็อลังการ เวทีเล็กก็ใกล้ชิด

งาน Monster Music Festival เป็นเทศกาลดนตรีที่มีเวทีหลากหลายแบบภายใต้การตกแต่งธีมสัตว์ประหลาด โดยเวทีใหญ่ของงานที่บริเวณสนามฟุตบอลเทพหัสดิน Stage 1 ก็มาพร้อมจอใหญ่และพื้นที่สำหรับแฟนๆ และอีกเวทีใหญ่ก็คือเวที 2 ในสนาม สนามจินดารักษ์

ส่วนในสนามศุภชลาศัยก็มี Stage 3 กับ 4 ที่อยู่คนละฝั่ง และเปิดโอกาสให้ศิลปินโชว์ 30 นาที ซึ่งโซนมีพื้นที่อัฒจันทร์ให้นั่งชม กับพื้นที่บนลู่วิ่งให้คนดูที่อยากยืน โดยสำหรับเราแล้ว เรื่องน่าทึ่ง 2 เวทีนี้คือการที่แม้จะอยู่บริเวณใกล้กัน แต่เสียงกลับแทบไม่ตีกันเลยเวลาศิลปินแสดง ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับทีมที่ดูแลเรื่องการวางลำโพงและเทคนิค โดยถึงแม้ว่าภาพรวมแล้วซาวด์อาจไม่สมบูรณ์เท่างานที่อยู่ในฮอลล์ หรืองานกลางแจ้งที่มีเวทีเดียว แต่สำหรับเรามันไม่ได้เป็นอุปสรรคกับความสนุกเลย

และในงานครั้งนี้ก็มีเวทีเล็กอย่าง Stage 5 และ 6 ที่เหมาะสำหรับศิลปินใหม่ไฟแรงที่พร้อมสำหรับโชว์ยาว 20 นาทีของตัวเอง ซึ่งความกันเองของเวที Stage 5 นั้นทำให้ตัวผู้ชมอยู่ใกล้ศิลปินจนปฎิสัมพันธ์ได้สนุกสนาน หรือวงไหนที่อยากถ่ายภาพกับแฟนๆ หน้าเวที ก็ถ่ายกันใกล้ชิดเลย แต่ทว่าเวทีนี้ก็มีวงที่มีผู้ชมเยอะเกินคาดอย่าง ASIA7 ที่คนดูแน่นทั้งแผงและยาวไปจนถึงทางเดินที่อยู่ระหว่างเวทีกับฮอลล์ จนเรามองว่ารอบหน้าวงนี้ควรเข้าไปอยู่ Stage 3 กับ 4 ได้แล้ว เพื่อรองรับคนดูมากขึ้น

กิจกรรมเพียบๆ ที่ไม่ได้มีแค่การฟังเพลงแบบสดๆ 

ใครที่เหนื่อยจากการฟังเพลงและอยากเปลี่ยนบรรยากาศ บริเวณงานโซนสนามเทพหัสดิน ก็มีโซนสำหรับซื้อของ Merchandise ต่างๆ จากศิลปิน ที่บางทีศิลปินก็มาเป็นพ่อค้าแม่ค้าที่รอมีตติ้งกับแฟนเพลงด้วย และในโซนด้านนอกสนามศุภชลาศัย ก็มีโซนร้านอาหารหลากหลายแนว และบางร้านก็เป็นการจัดของศิลปินด้วย อย่างเช่นร้านข้าวเหนียวมะม่วงที่สนับสนุนโดย MILLI 

และนอกจากโซนช็อปปิ้งและอาหารแล้ว งานนี้ยังมีพื้นที่ชาร์จโทรศัพท์และห้องน้ำที่รองรับงานครั้งนี้ด้วย ส่วนตัวเรามองว่างาน Monster Music Festival มีการเตรียมการค่อนข้างครอบคลุมจนหลายคนแทบไม่จำเป็นต้องออกไปนอกบริเวณงานเลย แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนเข้าใจผิดกับงานก็คือการที่ริสแบนด์เป็นสิ่งที่ต้องเก็บไว้สำหรับคนที่เข้างาน 2 วัน แต่บางคนเผลอถอดออก หรือรัดแน่นตอนที่ใส่วันแรก ทำให้เรามองว่าอาจจะมีการตั้งป้ายเตือนหน้างาน เพื่อเตือนผู้ชมเรื่องนี้ก่อนใส่ริสแบนด์ 

และนี่คือเรื่องราวประทับใจและสิ่งที่เราอยากเห็นในงาน Monster Music Festival ครั้งต่อไป และเราเองหวังว่าในครั้งต่อไปทาง GMM Show จะมีการเซอร์ไพรส์หรือสร้างสีสันใหม่ๆ เพื่อให้งานแต่ละปีมีความต่างกัน ในขณะเดียวกันก็รับกับพฤติกรรมการฟังเพลงคนยุคนี้ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ด้วย 

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ Monster Music Festival กับ 5 เรื่องดีต่อใจที่ทำให้เราฟินยาวทั้งสุดสัปดาห์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook