20Hz จาก "คู่หู" คนว่างงาน สู่วงสำเร็จรูปที่ Gene Lab ไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือ
ปัจจุบันนี้ค่าย Gene Lab ในเครือ GMM Grammy ภายใต้การดูแลของ โอม-ปัณฑพล ประสารราชกิจ นักร้องนำวง Cocktail เป็นบ้านของหลายศิลปินที่เต็มไปด้วย “ความต่าง” และมี “พรสวรรค์” กับ “พรแสวง” ที่เปี่ยมล้น จนวันนี้เราอยากแนะนำให้หลายคนได้รู้จัก 20Hz วงดนตรีที่มีแนวคิดการทำงานที่แตกต่าง จนเรารู้สึกดีใจที่พวกเขามาเป็นความสดใหม่ให้กับวงการ
วง 20Hz (ทเวนตี้-เฮิรตซ์) ที่มากับ 2 สมาชิกดูโอ ต้าร์ (ร้องนำ) และ ชู่ (มือกีตาร์) ถือเป็นดูโอหนึ่งเดียวในค่าย Gene Lab ที่มากับแนวเพลงที่มีพื้นฐานความป็อป แต่จะมีการผสมผสานแนวดนตรีต่างๆ อย่างฟังค์ และฮิปฮอปเข้ามาจนพวกเขาเป็นอีกรสชาติทีแตกต่างในบ้าน Gene Lab ผ่านการออดิชั่น GMM Audition ในปี 2020
และอีกสิ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยเกี่ยวกับวงก็คือการที่พวกเขาเน้นทำเพลงที่เกี่ยวกับชีวิตคนทั่วไปทั้ง “เต้นทิ้งไป”, “สายฟ้าฟาด”, “ศุกร์หรรษา” และมีซิงเกิล “ขอเธอ” เป็นผลงานเดียวที่พูดถึงความรัก (แถมยังมากับมุมมองที่แตกต่างด้วย) และนี่ทำให้เรากระหายที่อยากจะคุยกับวงเพราะอยากรู้ทัศนคติการทำงานพวกเขา ซึ่งสิ่งที่พวกเราได้รับรู้นั้น มันมีอะไรที่เซอร์ไพรส์เราเยอะมาก นอกเหนือจากเรื่องซาวด์และเนื้อหาที่เราอยากรู้ในตอนแรก จนเรากล้าสรุปเลยว่า “20Hz นั้นเต็มไปด้วยความต่างแทบทุกกระเบียดนิ้วจริงๆ”
การว่างงานที่นำพาสู่การเป็นศิลปินบ้าน Gene Lab
สิ่งแรกที่เราเซอร์ไพรส์เกี่ยวกับ 20Hz ก็คือการเริ่มต้นของวง เพราะหลังจากที่ได้ทักทายและพูดคุย ชู่ มือกีตาร์ เล่าว่าทั้งหมดมาจากความเป็นจริงที่ 2 สมาชิกเล่นดนตรีมานาน แต่เพิ่งว่างงานประจำเลยตัดสินใจลุกขึ้นมาทำเพลง
“ผมกับ ต้าร์ เป็นเพื่อนตั้งแต่มัธยม ก็เป็นเพื่อนเล่นดนตรีกันตั้งแต่มัธยม พอเข้ามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ก็เล่นดนตรีและซ้อมกัน พอจบและว่างงานกัน ก็หาอะไรทำกัน เพราะงานไม่มี พอเห็นว่าเราชอบดนตรีอยู่แล้วก็ทำลงช่องเรื่อยๆ ช่องของตัวเอง ก็ปล่อยเดือนละ 1 เอ็มวี ก็ตรงกับ GMM Audition ก็เลยส่งและได้เข้ามาอยู่ที่ Gene Lab ครับ”
ซึ่งชู่ได้เล่าถึงการเข้ามาอยู่ในค่ายว่า “ตอนออดิชั่นก็แลกคอนแทค ส่งเพลงให้ฟัง เขาก็เรียกเราเข้ามาคุย เขาบอกโควต้ามันเต็มแล้ว แต่เขาเสียดายถ้าจะไม่ได้พวกผม เขาบอกเหตุผลว่าชอบมาก เลยเซ็นสัญญา” และ ต้าร์ได้เล่าต่อว่า “เหมือนวงเรามีความสำเร็จรูป คือส่งผลงานเข้ามาสำเร็จรูป แต่งเนื้อร้อง ดนตรี และทำเอ็มวีมาด้วย เรื่องความครีเอทีฟ การเล่าเรื่องภาพและเสียง คือเราจัดการได้หมด เขาเลยมันอาจจะลดความยุ่งยากในการทำงานของค่าย และศิลปินมี Freedom ในการทำงานครับ”
ส่วนชื่อของวงพวกเขาก็เล่าให้เราฟังว่า “ที่มาของชื่อวง 20Hz ตอนแรกวงก็นั่งคิดนั่งหากันมาหลายชื่อ จนเราได้คำว่า hertz (Hz) ที่แปลว่าคลื่นความถี่เป็นชื่อที่เราชอบแล้ว เราเลยต้องการหาคำมาเติมข้างหน้า คำว่าhertz จนไปอ่านเจอความหมาย ของ '20Hz' ว่ามันคือคลื่นความถี่ที่คนเราเริ่มรู้สึกได้แม้อาจจะไม่ได้ยินครับ”
วงสำเร็จรูปที่จบงานเองได้จนค่ายให้อิสระ
ถึงแม้จะดูเป็นน้องใหม่ในวงการ แต่ 20Hz ก็เผยว่าพวกเขาเป็นวงที่สามารถทำได้แทบทุกอย่างในพาร์ทเพลงและเอ็มวี แต่พวกเขาได้รับการสนับสนุนหลักๆ จากวง Cocktail โดยเฉพาะ เชา ชวรัตน์ หรรษคุณาฒัย มือกีตาร์ในพาร์ททำเพลง
“คือวงเรามันสำเร็จรูป และเหมือนทางค่ายชอบการทำงานของเรา ก็จะไม่มีพี่เลี้ยง แต่จะมีทำเพลงแล้วให้เขาสกรีนว่าต้องเพิ่ม หรือลดตรงไหน แต่ถ้าถามจริงๆ ก็มี Cocktail มีพี่โอมที่ให้คำแนะนำตอนทำเดโม่ และพี่เชาว์ คือตอนใช้ห้องอัดที่เป็นคอนแท็กของ Cocktail พี่เชาว์ก็จะมาดู และตอนเล่นงาน GeneLab+ GeneLab Online Streaming Concert ก็มีพี่เชาว์มาแจมตอนเพลง “ขอเธอ” ครับ"
และทางวงก็ได้เล่าถึงโมเมนต์การทำเพลงแรกที่มีเชามาช่วยอีกว่า “เพลงแรกคือ “เต้นทิ้งไป” จริงๆ มันเสร็จมาประมาณนึง ก็ได้พี่เชามาเป็นโคโปรดิวซ์ เพราะพวกเราใหม่มากในห้องอัด น่าจะเป็นเพลงแรกที่เข้าห้องอัด ก็เป็นเพลงที่ทำไม่นาน เพราะตอนนั้นเหมือนเป็นเพลงแรกๆ ของกลุ่ม New Gen ของ Gene Lab ที่ปล่อยออกมาเลยครับ”
นอกจากเรื่องการทำเพลงแล้ว ค่ายช่วยเรื่องคอนเน็คชั่นต่างๆ ในการติดต่อคนมาซัพพอร์ตการแสดงสดซึ่งเป็นสิ่งที่ต้าร์กับชู่ ไม่มี ทั้ง 2 หนุ่มเผยว่าค่ายก็ได้ทำให้ปัญหานี้หายไปจนพวกเขาไปโฟกัสกับการทำเพลงได้จริงจังแบบไม่ต้องห่วง
“วงเรามันจะเริ่มจากการทำเพลงที่บ้านเพื่อนในห้องนอน คือเราจะทำเพลงของเรา เราเข้ามาในวงการคือเราไม่รู้จักใครเลย คือแบบจะได้มีงานเล่นสด เราก็จะต้องมีตำแหน่งต่างๆ ในการช่วยทำโชว์ ก็ได้ค่ายมาช่วย คือเราไม่ค่อยมีพรรคพวก ซึ่งเราก็อาจจะไม่ชอบเรื่องนี้จริงๆ เพราะเราไม่ได้ออกไปหาไปชวนใคร ก็ได้ค่ายมาช่วยครับ”
การไม่โฟกัสที่เพลงรัก แต่โฟกัสกับสิ่งที่ตัวเองอยากเล่า
สิ่งที่น่าสังเกตของ 20Hz คือการที่ใน 4 ซิงเกิลที่ผ่านมา เพลง “ขอเธอ” คือเพลงเดียวที่พูดถึงความรัก ซึ่งทำให้เราอดถามเรื่องนี้กับวงไม่ได้ จนต้าร์ได้อธิบายมุมมองในการทำเพลงของเขา ที่ครอบคลุมทั้ง 4 ซิงเกิลที่ปล่อย
"เรามองว่าถ้าเราทำเพลงรักอีกเพลง ก็เหมือนหยดน้ำในแม่น้ำ มันก็อยู่ผืนเดียวกัน แต่เราหยดน้ำปลาลงไปมันก็จะลอยเด่นสีดำอยู่ มันก็มาจากการที่พูดกันว่าเพลงไทยเพลงรักมันมีเยอะ และเราอยากทำเพลงที่เราอยากฟังด้วย เราคิดว่าในตลาดอยากฟังแบบไหน เราก็จะทำ ถ้าจะพูดเรื่องความรัก เราจะทำแบบเพลง “ขอเธอ” ที่พูดถึงความรักคนที่โตแล้ว พูดเรื่องความต้องการไม่ใช่ความโหยหา คิดถึง อย่างผมชอบฟังเพลง Marvin Gaye อยากเป็น Anthem (เพลงชาติ) ความเซ็กซี่ เหมือน “Careless Whisper” ก็เลยพูดถึงความคนที่โตขึ้นแบบ 18+ ถ้าเป็นเพลงรักจะทำแบบนี้ และจะเป็นเพลงที่พูดถึงคนทั่วไป อย่างเพลง “สายฟ้าฟาด” ก็เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว เพลง “เต้นทิ้งไป” ก็เป็นสลัดความเครียดออกไป เพลง “ศุกร์หรรษา” ก็เป็นอารมณ์เครียดทั้งอาทิตย์และปลดปล่อยครับ"
และต้าร์ได้เล่าถึงเพลง “ศุกร์หรรษา” ว่า “เพลงนี้จะเป็นการทำงานที่เริ่มจากเดโม่ ก็ทำดนตรีเป็นเพลงที่ออกฟังค์ เบสดึบๆ และพูดถึงปาร์ตี้ และผมทำงานประจำด้วย มันก็มีวัฒนธรรมบริษัทที่เป็น Happy Friday ที่เลิกงานบ่ายสอง บ่ายสาม ก็จะออกมานั่งกินเบียร์กัน ก็ชอบวัฒนธรรมนี้ และรู้สึกการทำงานทุกวันนี้ ก็เลยคิดว่าอย่างน้อยเราไปเจอความเครียดก็ออกมาสนุกกันครับ”
ส่วนชู่ก็เล่าถึงการทำงานกับ Gunner แร็ปเปอร์ซึ่งเป็นศิลปินรับเชิญวงแรกที่วง “การทำงานกับ Gunner เขามีคาแร็คเตอร์ คือทรงมันได้แต่แรก แต่ก็มีการปรับให้แมสขึ้น คือเพลงของ Gunner มันอาจมีบางคำใช้กับเราไม่ได้ การทำงานกับเขาในห้องอัดเขาก็ตื่นเต้น เพราะเขาไม่เคยทำเพลงในห้องอัด และคือเวลาทำงานออกสื่อเป็นยังไง อยู่กับพวกเราก็เป็นอย่างนั้นครับ”
การรับมือก้อนหินและดอกไม้ในฐานะวงที่เต็มไปด้วย “ความต่าง”
ที่ผ่านมาหลายๆ ศิลปินที่มีซาวด์แตกต่างมักจะเจอกับการบูลลี่ หรือคอมเมนต์ที่ไม่ประสงค์ขณะทำเพลง โดยถึงแม้ว่าจะเป็นศิลปินใหม่ แต่ชู่ได้เผยวิธีรับมือที่ทำให้เราชื่นชมวุฒิภาวะและภูมิคุ้มกันกับความคิดแง่ลบของพวกเขาเช่นกัน
“คอมเมนต์แบบนั้นมันมี สำหรับผมมันคือส่วนน้อย อาจจะ 1 ใน 50 คอมเมนต์ และบางทีเอามาล้อกันเอง แต่บางทีเราเอามาล้อ แบบเพลงต่อไปทำแบบนี้นะ เหมือนเราไม่ซีเรียส คือมีคนชอบ ก็ต้องมีคนไม่ชอบ เราโฟกัสคอมเมนต์แนวบวก แต่มันคอมเมนต์ที่แบบลองทำแบบนี้นะ อันนี้มันไอนั่นนี่ไป เราก็อ่านครับ”
ส่วนต้าร์ก็เสริมความรู้สึกตัวเอง ในวันที่ผลงานเขาเป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าตอนเป็นอิสระว่า “แนวเพลงเราเป็นแนวที่แปลก กระแสตอบรับก็ดี คือเราทำงานสำเร็จรูป แต่ฐานแฟนไม่มี เราได้เซ็นอย่างไรก็ไม่รู้ คือเราทำเพลงตัวเองและลงเองเลย ทุกคนที่เข้ามาในค่ายคือดูเป็นศิลปินมากๆ ยอดวิวเพลงที่ทำก่อนเข้าค่ายก็ไม่ถึงหมื่น แต่พอมาตอนนี้เห็น 4-5 หมื่นก็ว้าวครับ”
การแสดงสดและผลงานปี 2023 = ความท้าทายต่อไปของ 20Hz
แม้จะเป็นวงที่ทำงานได้หลายขั้นตอน แต่ 20Hz ก็ยังมีสิ่งที่พวกเขาต้องทำการบ้าน คือการแสดงสด เพราะก่อนจะมาถึงวันสัมภาษณ์ พวกเขามีประสบการณ์ขึ้นโชว์แค่ 3 งาน แต่พวกเขาก็เริ่มเรียนรู้ที่จะสร้างโชว์ และต้าร์ได้เล่าถึงการทำงานของ Gene Lab Con ให้เราฟัง หลังได้ตกผลึกเรื่องการแสดงจากเวทีดังกล่าวและได้แนวคิดที่จะนำไปใช้ในงานต่อไป
“งานหนักนะครับ งาน Gene Lab Con เป็นเวทีที่ 3 เวทีแรกก็ GMM Audition ที่ GMM Live House เล่นสดครั้งแรก และเปิดแทรคเล่น 3 คน เราก็พยายามดีไซน์โชว์ให้สนุกที่สุดในความคิด คือตั้งแต่แต่ก่อนเราไม่ค่อยมีความคิด เราก็แบบอยากสัมผัสฟีลความเป็นไลฟ์ เลยดีไซน์โชว์เล่นกับคนดู อย่างตอน “เต้นทิ้งไป” ก็ชวนเต้น ยกมือ ยกแขน ก็รับพลังงานจากคนดูและส่งกลับไป มาสนุกๆ กันครับ”
และก่อนเราจะลาจากกัน ต้าร์ก็ได้ฝากเกี่ยวกับปี 2023 ไว้กับเราแบบสั้นๆ แต่ชวนตื่นเต้นว่า “คือเราไม่ได้คิดเลยว่าปีต่อไปจะทำอะไร แต่คนจะได้ฟังเพลงที่แตกต่างจากเราอีกแน่นอน เนื้อหาอยากให้ติดตาม เพราะคงน่าสนใจเหมือนเดิมครับ” ซึ่งหลังจากที่กล่าวไม่กี่วัน พวกเขาก็มากับเพลง "ส่งยิ้ม" ที่เซอร์ไพรส์แฟนๆ ทันที และก็มากับความตั้งใจที่อยากส่งความฟีลกู้ดให้กับทุกคนผ่านดนตรีซินธ์ป็อป
Photo by Thanapol W.
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ