รีวิว Maroon 5 World Tour 2022 กลับมาแก้ตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีราชมังฯ
คอนเสิร์ตของ Maroon 5 กลับมารอบนี้ ทรงพลัง จัดเต็ม เรียกว่าแก้ตัวจากคราวที่แล้วได้อย่างสมศักดิ์ศรีพี่อดัมจริงๆ
แค่ชื่อวง Maroon 5 ก็น่าจะไม่ต้องอธิบายอะไรกันมากมาย เพราะชื่อเสียงของวงที่มาพร้อมในทุกรูปแบบ นักร้องนำหน้าตาดี นักดนตรีในวงก็เล่นได้อย่างยอดเยี่ยม เพลงก็ฮิต วงก็ดัง ทำให้ใครหลายๆ คนน่าจะได้ดู Maroon 5 ไม่ต่ำกว่า 2 ครั้งแล้ว และเราก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ดูคอนเสิร์ตของ Maroon 5 ทุกครั้งที่พวกเขามาไทย ถ้านับไม่ผิดก็น่าจะครั้งที่ 6 แล้ว
เท่าที่จำได้ Red Pill Blues Tour ที่ไทยจัดที่ Impact Challenger Hall 1 เมื่อปี 2019 นอกจากจะได้ยืนดู ชะโงกหัวเขย่งปลายเท้าเพื่อมองข้ามหัวชาวต่างชาติร่างยักษ์เพื่อมองศิลปินบนเวทีตลอดโชว์แล้ว สิ่งที่ทำให้ผิดหวังมากที่สุดคือฟอร์มการแสดงของพี่อดัม Adam Levine นักร้องนำที่ขึ้นชื่อว่าเป็นนักร้องเสียงดีมากคนหนึ่งในวงการเพลงสากล แต่วันนั้นพี่อดัมฮิตโน้ตสูงไม่ถึงเลย และกำลังวังชาก็ไม่ค่อยจะไหว เอนเตอร์เทนไปนิดเดียวก็เหนื่อย จะร้องท่อนพีคๆ ก็ไม่ถึงจุดพีคสักท่อน จนเรารู้สึกไม่ค่อยฟิน
…การกลับมาของ Maroon 5 ในครั้งนี้ หลังจากโควิด-19 จึงทำให้เราคาดหวังกับพี่อดัมมากขึ้น เพราะพวกเขากลับมาในสเกลที่ใหญ่ขึ้น เรียกว่าใหญ่ที่สุดเท่าที่เมืองไทยจะจัดคอนเสิร์ตได้ นั่นคือที่ราชมังฯ
Live Nation Tero
Maroon 5 World Tour 2022 วันที่ 10 ธันวาคม 2022 ตรงกับวันเสาร์ เรารีบเดินทางไปที่ราชมังฯ สถานที่ที่ขึ้นชื่อว่ารถติดสุดๆ โดยรีบไปตั้งแต่ช่วง 17.00 น. ปรากฏว่ารถไม่ติดอย่างที่คิด และผู้คนก็บางตากว่าที่คิดด้วย ทำเอาใจแป้วไปเล็กน้อยว่าที่นั่งจะเหลือเยอะเกินไปหรือไม่ แต่เมื่อใกล้เวลาแสดงมากขึ้น คนก็เริ่มทยอยกันเข้ามาหนาตามากขึ้น ที่นั่งถูกเติมเต็มจนหนาตาและไม่โหรงเหรงอย่างที่คิด เราก็ใจชื้นว่าวันนี้เสียงคนดูน่าจะกระหึ่มฮอลล์เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา
เราได้นั่งโซนด้านล่าง มีเวที B Stage อยู่ด้านขวามือ ดีใจที่ในมุมนั้นน่าจะมองเห็นศิลปินในระยะใกล้ที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแบบไม่ต้องมองจอได้ แต่โชคไม่ดีนักที่หลังจากดีเจ Mr. Mailbox เปิดแผ่นรอจนจบ Maroon 5 ก็ยังไม่ขึ้นเวที จนเลทไป 20.25 น. ถึงจะเริ่มการแสดง และยังคงเห็นคนทยอยเดินไปที่ที่นั่งของตัวเองกันอยู่เช่นกัน เริ่มรู้สึกไม่ชอบมาพากลเล็กๆ แต่การแสดงก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากดื่มด่ำกับเพลงสนุกๆ เปิดโชว์อย่าง “Move Like Jagger” ไปได้ไม่ถึงครึ่งเพลง ฝูงมหาชนจากด้านหลังที่ไม่ทราบว่ามาจากไหนก็วิ่งกรูกันมาที่ทางเดินระหว่างแถว บดบังทัศนวิสัยของคนที่ซื้อตั๋วนั่งด้านล่างในทันที พี่อดัมวิ่งมาที่สเตจ B แทนที่เราจะสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า กลับถูกบดบังด้วยมนุษย์ชาวไทยและต่างชาติร่างสูงที่ทำให้เราต้องหันไปมองจอด้านขวามือสุด (จอด้านซ้ายก็ถูกคนข้างหนายืนบังอีกที) บอกตรงๆ ว่าครึ่งเพลงหลังไม่ได้ฟังเพลงเลยเพราะกำลังหงุดหงิดกับฝูงชนที่มายืนเบียดจนทำให้บัตรนั่งของเรากลายเป็นบัตรยืนภายในไม่กี่นาที
Live Nation Tero
เพลงดังเล่นผ่านไปแบบที่เราพยายามโฟกัสการแสดงของพี่อดัมมากๆ ว่าคราวนี้เขาร้องเพลงดีขึ้นไหม “This Love”, “Stereo Hearts”, “One More Night”, “Animals”, “Love Somebody”, “What Lovers Do”, “Makes Me Wonder”, “Wait” มาจนถึง “Maps” เราเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการโฟกัสที่พี่อดัมและนักดนตรีของวงให้ได้มากที่สุด ซึ่งพี่อดัมทำได้ดีมาก ร้องเพลงดี พลังเสียงมาเต็ม แม้ว่าจะไม่ใสกิ๊งเหมือนสมัยก่อน แต่อยู่เกณฑ์รับได้และทำได้ดีกว่าที่คาดไว้ เสียงสูงเสียงต่ำเก็บได้หมดไม่หลบเสียงเหมือนคราวที่แล้ว น่าจะฟิตหุ่นฟิตร่างกายมาดีด้วย
แต่ถึงกระนั้นแฟนเพลงที่เริ่มเบียดเรา ก็ทำให้อารมณ์ในการดูคอนเสิร์ตของเราเริ่มลดลงเรื่อยๆ เช่นกัน อากาศเริ่มร้อนอบอ้าว ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ถึงจะร้อนก็ยังมีลมมีสเปซให้หายใจ จากนี้ถ้าต้องอยู่กับโชว์ไปตลอดทั้งแบบนี้น่าจะรำคาญใจอยู่ไม่น้อย
แต่ในที่สุดช่วงก่อนเข้าเพลง “Harder to Breathe” (สถานการณ์เข้ากับเพลงมาก เริ่มร้อนและแออัดจนกำลังจะไม่จอย) เหมือนจะรู้ว่าเป็นเพลงโปรด เจ้าหน้าที่โกยแฟนคลับให้กลับเข้าไปนั่ง (หรือยืน) ที่เก้าอี้ของตัวเองเหมือนเดิม หลายคนอาจมองว่าไม่ค่อยสนุก ไม่ได้กรูกันไปข้างหน้าให้คนแน่นๆ แต่สำหรับเรามองว่าการยืนเชียร์ตะโกนร้องเพลงอยู่ที่เก้าอี้ตัวเองก็สนุกได้โดยไม่ต้องทำให้คนอื่นเดือดร้อน ถ้ามองในอีกมุมหนึ่ง การจ่ายเงินบัตรถูกแต่มายืนสนุกที่โซนบัตรแพงก็อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีนัก
การทำงานของเจ้าหน้าที่ที่ช่วยเคลียร์คนให้โล่ง ทำให้ทัศนวิสัยของเรากลับมาเป็นปกติ เรามองพี่อดัมและทุกๆ คนในวงที่มาจอยสเตจ B ได้ด้วยตาเปล่า ยิ่งกรี๊ดเสียงดัง พี่อดัมยิ่งเห็น ยิ่งใส่พลังมาให้แฟนๆ ได้เต็มที่มากยิ่งขึ้น เราคิดว่าแบบนี้ก็ม่วนจอยได้ไม่แพ้กัน
Live Nation Tero
จบ “Harder to Breathe” ไปแบบมันๆ สาแก่ใจมากๆ เพลงต่อไปเป็น “Payphone” อีก คุณพระคุณเจ้าจะไม่ให้แฟนๆ ได้พักกันเลย กรี๊ดต่อสิคะรออะไร พี่อดัมเองก็ไม่พูดพล่ามทำเพลงเช่นกัน เล่นต่อร้องต่อกันรัวๆ เดินไปทั่วเวทีเดินหน้าถอยหลังเลี้ยวซ้ายเลี้ยงขวา ใช้พื้นที่บนเวทีคุ้มมาก และร้องเสียงเต็มครบแทบจะทุกท่อน พี่อดัมคนเดิมกลับมาแล้วจริงๆ
“Beautiful Mistakes”, “Don’t Wanna Know”, “Cold” จังหวะกลางๆ พอหอมปากหอมคอถนอมแรงกรี๊ดได้บ้าง แต่สุดท้ายเราก็ต้องลุกขึ้นยืนอีกครั้งเพราะเพลงต่อไปคือ “Sunday Morning” สำหรับเรา เรามาคอนเสิร์ตนี้เพราะอยากฟังเพลงนี้จริงๆ แล้วพี่อดัมก็ร้องให้ฟังแล้ว! ปลาบปลื้มปิติล้นใจยิ่งนัก ก่อนจะจบด้วย “Girls Like You” ที่บนเวทีมีภาพในมิวสิควิดีโอให้ชมด้วย แอบขำที่น้อง Millie Bobby Brown ในเอ็มวีตัวกะเปี๊ยกเดียว ปัจจุบันเป็นสาวสะพรั่ง ก็เพลงนี้ปล่อยมาตั้งแต่ปี 2017 ผ่านมา 5 ปีแล้วนี่เนาะ
เผลอแปบเดียวก็อังกอร์แล้ว ทบทวนแต่ละเพลงที่ร้องไป ไม่มีเพลงไหนไม่ดังเลย ไม่มีเพลงไหนที่ร้องตามไม่ได้เลย แทบจะไม่มีเพลงใหม่ๆ ปรากฏให้เห็น มันคือทัวร์ The Greatest Hits ใช่ไหม รอไปได้ไม่นานเพลงดังมากๆ อีกเพลงก็มาทันที “Daylight” ส่งพลังและอารมณ์มาให้ได้ดีทีเดียว ต่อด้วย “Memories” เพลงซึ้งๆ และเพลงที่ทุกคนรอคอย save the best for last อย่าง “She Will Be Loved” ที่มาทั้งแบบอะคูสติกและแบบปกติ จบด้วย “Sugar” ที่ร้องกันทั้งฮอลล์ว่า “Sugar, yes please” กันกระหึ่มฮอลล์ จบโชว์แบบแฮปปี้เอนดิ้ง เดินกลับบ้าด้วยความรู้สึกว่า พี่อดัมทำได้ พี่อดัมกับนัดล้างตาในครั้งนี้ เขาแก้ตัวได้อย่างสมศักดิ์ศรีราชมังฯ จริงๆ
Live Nation Tero
อย่างไรก็ตาม ในด้านของระบบเสียงก็ยังไม่ได้ถึงกับว่าเพอร์เฟกต์ โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ เหมือนเสียงดนตรีดังจนกลบเสียงร้องไปพอสมควร นอกจากนี้หากใครได้เข้าทวิตเตอร์ #Maroon5Thailand คงจะทราบดีว่ามีปัญหามากพอสมควรกับการจัดการที่นั่งของแฟนๆ ที่หน้างาน มีการย้ายโซนที่นั่งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้ากันเกิดขึ้น อ้างว่าที่นั่งโดนเสาบัง แต่ที่จริงแล้วที่นั่งไม่ควรมีเสาบังตั้งแต่แรกหรือไม่ โซนไหนที่เสาบังไม่ควรขายตั้งแต่แรกหรือเปล่า หลายคนที่โดนย้ายโซนที่หน้างานก็บอกว่าที่นั่งใหม่ก็โดนเสาบังเหมือนเดิม หรือเผลอๆ ที่นั่งเดิมอาจจะดีกว่า แถมยังไม่ยุติธรรมกับคนที่ซื้อบัตรแพงกว่า แต่คนซื้อบัตรถูกกว่ากลับได้มานั่งข้างหน้าในโซนบัตรที่แพงกว่าไปอีก หนำซ้ำบัตรที่ให้กับคนที่ต้องย้ายโซนอย่างเสียไม่ได้ก็มาในรูปแบบกระดาษเปล่าเขียนเลขที่นั่งด้วยปากกาลูกลื่น ปั้มตรายางสัญลักษณ์ Live Nation Tero เฉยๆ บัตรกระดาษแข็งๆ ก็ไม่มีให้เหมือนโซนอื่นๆ ยังไม่รวมถึงปัญหาบัตรเติมเงินเพื่อซื้ออาหารหน้างานที่ระบบล่มจนเติมเงินไม่ได้ไปพักหนึ่ง เปลี่ยนกลับมาจ่ายด้วยเงินสดสักพัก ระบบกลับมาใช้ได้
คนที่ต่อคิวซื้อเงินสดโดนไล่กลับไปแลกบัตรเติมเงินใหม่ แถวตอนรีฟันด์ก็เป็นแถวขาย Official Merchandise ที่ไม่ประกาศให้แฟนๆ ต่างชาติทราบ ฝรั่งต่อแถวมาหลายคนก็เดินคอตกกลับบ้านมือเปล่าเพราะซื้อของกลับบ้านไม่ได้แบบงงๆ เรียกได้ว่าเป็นระบบที่สร้างความเดือดร้อนมากกว่าอำนวยความสะดวก
Live Nation Tero
แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังขอชื่นชมในการทำงานของทีมรปภ. ที่โซนบัตรนั่งด้านหลังที่ช่วยเคลียร์คนที่กรูกันมาข้างหน้าให้กลับไปที่นั่งของตัวเองให้ บอกตรงๆ ว่าถ้าไม่เคลียร์พื้นที่ให้จากบัตรนั่งกลายเป็นบัตรยืนอย่างที่เป็นในช่วงแรก เราก็คงกลับมาเขียนรีวิวได้แย่กว่านี้ แต่เป็นเพราะทีมรปภ.ที่ช่วยเคลียร์คนให้ เราถึงกลับมาเอนจอยกับโชว์ได้ 100% เหมือนเดิม ตรงนี้ถือว่าทำงานได้ดีและเร็วอยู่เหมือนกัน (แต่ถ้าครั้งหน้าเร็วกว่านี้ได้ก็ดีมากๆ)
ส่วนพี่อดัมและชาวคณะ Maroon 5 เล่นได้ดีทั้งเสียงร้องและดนตรี แม้อากาศจะร้อนจนขวดน้ำบนเวทีกลายเป็นน้ำอุ่น แต่เราก็สัมผัสได้ถึงความเต็มที่ของทุกๆ คนบนเวทีจริงๆ พี่อดัมยังอุตส่าห์เซ็นลายเซ็นให้กบแฟนคลับที่ B Stage ด้วย ถือเป็น fan service ที่น่ารักมากจริงๆ
เป็นโชว์ที่อิ่มเอมท่ามกลางดราม่าการจัดการที่นั่ง แต่ก็เป็นคอนเสิร์ตที่ดีกว่าที่คิดและคุ้มค่ากับการรอคอย (ในแง่ของเพอร์ฟอร์มานซ์) และจะขอตั้งหน้าตั้งตารอคอยการกลับมาของ Maroon 5 ในไทยครั้งที่ 7 อย่างใจจดใจจ่ออีกแน่นอน
อัลบั้มภาพ 22 ภาพ