คุยกับ MATCHA ถึงการเดบิวต์ปังในเวลาน่าประหลาด และอัลบั้มที่เล่ามุมสวยงามของรัก

2 ปีที่ผ่านมา วงการเพลงไทยได้เจอสถานการณ์โควิด-19 ที่ทำให้หลายคนต้องหยุดการแสดงคอนเสิร์ต แต่นั่นไม่ได้หยุดดาวรุ่งพุ่งแรงหลายคนในการที่จะแจ้งเกิด อย่างเช่น MATCHA (มัจฉา โมซิมันน์) ที่เปิดตัว EP แรก DREAMING ที่มีเพลงหลัก 10 ล้านวิวอย่าง “So What” และ “Run To You” 

และการกลับมากับอัลบั้ม 2 ที่มีเพลง “Complicated” และ “Just One Night” ที่เป็นปฐมบทของอัลบั้มใหม่ ทำให้เราได้มีโอกาสพูดคุยกับ MATCHA เรื่องการทำงาน และได้เห็นมุมมองการทำงานของเธอ รวมถึงการเดบิวต์ในช่วงเวลาที่ประหลาด จนทำให้เวทีแรกๆ ที่เธอขึ้นแสดงคืองาน OCTOPOP เทศกาลดนตรีใหญ่จาก 4NOLOGUE ที่จัดในราชมังคลากีฬาสถาน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ท้าทายเธอมาก

ความสำเร็จที่นำพาสู่อัลบั้มใหม่ และการทำงานที่หนักขึ้น 

เริ่มแรกเราได้พูดคุยกับ MATCHA ถึงความสำเร็จของอัลบั้ม ซึ่งทำให้เราเซอร์ไพรส์จริงๆ ว่าแม้จะมีความสำเร็จมาแล้ว แต่ MATCHA ยังคงตั้งใจจะพัฒนา เป็นน้ำไม่เต็มแก้วที่พร้อมเรียนรู้ จนทำให้การสนทนาเริ่มด้วยความประทับใจทันที

“ไม่คิดว่าจะมีคนดูเยอะขนาดนั้น กับเพลง “So What” ก็ได้ 10 ล้านวิว ก็แบบทำไมคนดูเยอะมาก กระแสตอบรับอัลบั้มแรกดี  แต่มันติดช่วงโควิด-19 พอดี ก็เลยไม่ได้ทำ Live Show เลยน่าเสียดาย แต่อัลบั้ม 2 กลับมาก็โควิด-19 เริ่มหายไป ก็พร้อมขึ้นสเตจ อัลบั้ม 2 ต้องดีกว่าอัลบั้มแรก ตอนนี้เพลงกับวิชวลมันก็ดีมากกว่าแล้ว อัลบั้มแรกผ่านมา 1 ปี เราก็ฝึกซ้อมทุกวัน และรู้ตัวเองว่าอยากทำเพลงแนวไหน อยากให้ภาพแนวไหน” 

และ MATCHA ได้เล่าถึงการทำงานกับ Daboyway (เวย์ ปริญญา อินทชัย) ในอัลบั้มแรกว่า “ได้พี่เวย์ เป็น Executive Producer ฉาก็ดีใจเพราะทำงานกับพี่เวย์มาตั้งแต่เด็ก และมาช่วยไกด์เราทุกเพลง ว่าต้องทำอย่างไร ใส่ Attitude แบบไหน” 

อัลบั้มแรก และ อัลบั้มสอง ที่ดูเผินๆ อาจเหมือนเดิม แต่จริงๆ แล้วเปลี่ยนไปมาก 

แม้ว่าทุกอย่างจะอยู่ภายใต้ความเป็นเพลงป็อปแดนซ์ อาร์แอนด์บี แต่ MATCHA ได้เผยว่าโปรดักชั่นเพลงได้มีการพัฒนา และที่สำคัญคอนเทนต์เพลงที่ทำก็มากับธีมเนื้อหาใหม่ จากการโฟกัสความโสด สู่การเล่าสิ่งสวยงามของความรัก 

“ส่วนอัลบั้มนี้ก็อยากก็ได้ร่วมงานกับโปรดักชั่นเฮาซ์ The Kennel AB มาแต่งเพลงให้ เราและได้พี่แอ้ม-อัจฉริยา ดุลยไพบูลย์ ช่วยในการเขียนเนิ้อภาษาไทย และอัลบั้มนี้เราได้ฟังเดโม่หลายเพลง แต่เพลง “Complicated” เป็นเพลงที่เหมาะกับทิศทาง เพลงนี้ก็เปิดความเฟียซ เป็นตัวตนเรา ส่วน “Just One Night” จะเหมือน “Swipe” น่ารัก สนุก สดใส” 

และพอเล่าถึงเพลงที่ปล่อย MATCHA ก็สรุปเกี่ยวกับอัลบั้ม 2 ไว้ว่า “เพลงก่อนหน้าอย่าง “So What”, “Waste My Time”, “So Over You” จะเป็นฟีลแบบฉันไม่ต้องการผู้ชาย ส่วนเพลงอัลบั้มนี้เราจะพูดถึงแง่มุมสวยงามของความรักมากขึ้น เรื่องโปรดักชั่นเพลง บีทก็จะมีความซับซ้อนมากขึ้น การร้อง 1 ปีที่ผ่านมาก็มีการซ้อม อัลบั้มนี้จะเป็น Better Version ของฉา”  

การเติบโตในช่วงโควิด = การทำการบ้านโชว์ที่หนักขึ้น

การเติบโตในช่วงโควิด-19 นั้น แม้ MATCHA ประสบความสำเร็จเร็ว แต่มันทำให้เธอขาดการเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไปในฐานะศิลปิน เพราะในวันที่สถานการณ์คลี่คลาย เธอมีผลงานมากพอที่จะจัดคอนเสิร์ตหรือโชว์เดี่ยวในเทศกาลดนตรีได้ จนเธอยอมรับว่าเวทีแรกๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

“เวทีที่ฉาขึ้นมาก็มี TOTY MUSIC AWARDS 2021 (T-POP OF THE YEAR) ก็มีแค่คนในวงการดู คนไม่เยอะมาก และงานแรกที่ขึ้นแบบคนดูเยอะๆ คือ OCTOPOP ที่มันใหญ่มาก มันราชมังฯ ก็ประทับใจ เพราะมันเป็นครั้งแรกและเราซ้อมหนักมาก ตื่นเต้นมาก และก็ลนว่าทำได้ไหม แต่พอขึ้นก็ไม่กังวล แค่ทำไป ทำการบ้านหลักๆ คือกำลัง เพราะการร้องและเต้น กำลังมันเหนื่อยมาก เราก็คาร์ดิโอวิ่ง 20 นาทีต่อเนื่อง เพราะร้องและเต้นมันเหนื่อยมาก หายใจไม่ทัน คือกำลังต้องซ้อมหนักที่สุด”

มุมมองคนที่ฟังเพลงสากลมาตลอด ในวันที่มาทำเพลงไทย

สิ่งที่เรามองว่าน่าสนใจในการคุยกับ MATCHA คือเธอเป็นคนที่แทบไม่ได้ฟังเพลงไทยมาก่อน แต่พอเริ่มฟังเพื่อทำผลงาน ก็ได้เห็นแง่มุมสวยงามของเพลงไทยยุคนี้ ที่เรามองว่าคนที่ฟังเพลงไทยตลอดอาจไม่สังเกต

“ฉารู้สึกว่าเพลงไทยมันเปลี่ยนไป เพราะเมื่อก่อนไม่ได้ฟังเพลงไทยเยอะ ส่วนมากฟังเพลงสากล ปกติจะฟังที่เป็นไอดอลอย่าง Rihanna, Beyonce, Rosalía และก็ Travis Scott หรือ The Weeknd อะไรแบบนี้ พอเข้ามาในวงการเราก็ต้องฟังเพลงมากขึ้น ต้องรู้จักเพลงไทยมากขึ้น ก็รู้สึกว่าทีป็อปมีความอินเตอร์มากขึ้น มีความหลากหลายมากขึ้น เพลงไทยฟังก็มี MILLI, Wonderframe และ อะตอม ชนกันต์ หลายคนก็ฟังมาสักพักแล้ว บางทีก็มีบางคนที่เราไม่รู้จัก แต่รู้สึกว่าเพลงมันดี” 

และ MATCHA ได้ขยายความต่อเกี่ยวกับเพลงไทยในมุมมองว่า “มันอินเตอร์ไม่ได้เป็น Pattern เหมือนเมื่อก่อน ฉารู้สึกว่าสมัยก่อนเพลงไทยมันจะเพลงช้า เพลงเศร้าเยอะสำหรับฉานะ ดนตรี เมโลดี้ แต่ฉาคิดว่าตอนนี้มีความหลากหลายสไตล์มาก ทุกคนเก่งมาก”  

ก่อนจะจบการพูดคุย เราได้ถามถึงเป้าหมายเรื่องการโกอินเตอร์ ที่เธอเปิดใจเล่าถึงการโกอินเตอร์ว่า “แน่นอนมีโอกาสก็อยากไป ก็แน่นอนว่ามีคนโกอินเตอร์สร้างเส้นทางให้เราแล้ว ก็หวังว่าวันหนึ่งทีป็อปจะใหญ่แบบเคป็อปได้ อยากให้ต่างชาติฟังทีป็อปมากขึ้น ถ้าเคป็อปทำได้ ทีป็อปก็ต้องทำได้ ทีป็อปเราเก่งมาก เราอยากให้คนต่างชาติสนใจเรามากขึ้น และได้ไปเวทีโลก”