สัมภาษณ์ Eric Nam กับอัลบั้มภาษาอังกฤษครั้งแรกในชีวิต และความประทับใจที่มีต่อแฟนๆ ชาวไทย
Eric Nam มีโอกาสได้แวะมาแสดงคอนเสิร์ตให้แฟนๆ ชาวไทยได้หายคิดถึงที่งานเทศกาลดนตรีนานาชาติ River Fest Music Festival เมื่อวันเสาร์ที่ 12 และวันอาทิตย์ที่ 13 พฤศจิกายนนี้ ณ ชื่นฤดีแลนด์ ใจกลางจังหวัดกาญจนบุรี ที่ผ่านมา หลังจากที่เคยมาสร้างความประทับใจในแฟนมีตติ้งสุดอบอุ่น Eric Nam 1st Fan Meeting in Bangkok < I COLOR U > ในปี 2019 เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาหาแฟนๆ ชาวไทยในรอบ 3 ปีเลยทีเดียว
Eric Nam ไม่ได้เป็นเพียงศิลปิน K-POP ที่พูดภาษาอังกฤษได้คล่องจากการมีสัญชาติอเมริกันเพียงอย่างเดียว แต่ ณ ตอนนี้เขาเป็นเจ้าของอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษล้วนครั้งแรกในชีวิตที่มีชื่อว่า There And Back Again ที่เขาทำในฐานะศิลปินอิสระ Sanook ได้พูดคุยกับเขาถึงการเปลี่ยนแปลงของเขาจากศิลปินในค่ายใหญ่กับการเป็นศิลปินอิสระ การเดินทางของอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษชุดแรก ความประทับใจระหว่างการสัมภาษณ์กับศิลปินมากมายในฐานะพิธีกร และความทรงจำอันล้ำค่ากับแฟนๆ ชาวไทยที่ Eric Nam จำได้ไม่มีวันลืม
อัลบั้ม There And Back Again เป็นอัลบั้มแรกของคุณหลังจากที่คุณออกมาเป็นศิลปินอิสระ ทำเพลงกับค่าย กับทำเพลงเอง แตกต่างกันอย่างไรบ้าง
Eric Nam: ผมว่าหลักๆ เลยคือ “ความกดดัน” ครับ พอออกมาทำอะไรเองทั้งหมดมันก็มีความหวั่นใจอยู่หลายๆ เรื่อง หลายครั้งที่ผมย้อนมาถามตัวเองว่า “นี่คือดนตรีในแบบที่อยากทำจริงๆ หรือเปล่า” รวมถึงทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับงานครีเอทีฟ ตอนอยู่กับค่ายผมมีทีมที่คอยช่วยเรื่องครีเอทีฟต่างๆ แล้วสามารถทำงานไปตามไทม์ไลน์ได้ ผมก็มีเวลาค่อยๆ ปั้นเพลงของผมให้สมบูรณ์ไปเรื่อยๆ จริงๆ ก็น่าจะมีแค่เรื่องนี้แหละครับที่แตกต่างจากเดิม นอกนั้นก็คล้ายๆ กัน
จากการเปิดตัวในฐานะศิลปิน K-POP สู่การเป็นศิลปินซูเปอร์สตาร์ระดับโลกที่มาพร้อมกับอัลบั้มเพลงภาษาอังกฤษล้วน เล่าถึงการเดินทางของอัลบั้มนี้ให้ฟังหน่อย
Eric Nam: ขอบคุณมากนะครับที่เรียกผมว่าเป็นศิลปิน “ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก” ผมอยากทำอัลบั้มภาษาอังกฤษมานานแล้วครับ แล้วก็เตรียมทำมาเรื่อยๆ หลายปีแล้ว ระหว่างที่ทำอัลบั้มนี้มันไม่ง่ายเลยครับ แต่ผมก็ตื่นเต้นที่ได้เห็นมันค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทีละเล็กละน้อย มันท้าทายมากแต่ก็สนุกมากครับ
ระหว่างที่กำลังทำอัลบั้มอยู่อย่างช้าๆ เพลงอะไรในอัลบั้มนี้ที่คุณรู้สึกว่าเป็นเพลงที่พิเศษกับคุณมากกว่าเพลงอื่นๆ
Eric Nam: น่าจะเป็นเพลง “I Don’t Know You Anymore” นะครับ เพราะว่ามันเป็นเพลงที่ค่อนข้างออกมาจากใจของผมอย่างแท้จริงเลย ไม่ว่าจะเป็นข้อความที่สื่อออกมาจากเพลง หรือการแสดงเพลงนี้บนเวที มันแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ผมเจอมาในชีวิตจริงๆ การเอาประสบการณ์และความรู้สึกของตัวเองถ่ายทอดออกมาเป็นเพลงป็อปที่คนทั่วไปได้ฟังกัน น่าจะเป็นเป้าหมายของศิลปินหลายๆ คน รวมถึงคนสร้างภาพยนตร์ด้วย ที่ทำให้ผลงานของเราที่เล่าจากประสบการณ์จริงของตัวเอง แต่สามารถเชื่อมโยงกับคนหลายๆ คนได้ ผมว่า “I Don’t Know You Anymore” ทำตรงนี้ได้อย่างดีเลยครับ
อีกเพลงคือ “Wildfire” อาจจะเพราะว่าผมชอบแสดงสดเพลงนี้บนเวที จริงๆ มันเป็นเพลงที่ยากมากเลย ตั้งแต่ตอนอัดเพลงนี้ในสตูดิโอ ไปจนถึงตอนร้องสดบนเวที ผมเลยคิดว่าการที่ได้เล่นเพลงจริงๆ มันดีมากครับ
นอกจากจะเป็นศิลปินแล้ว คุณยังทำหน้าที่เป็นพิธีกรได้อย่างดีเยี่ยม เห็นได้จากการสัมภาษณ์ศิลปินมากมายผ่านรายการต่างๆ ของ DIVE Studios คุณพอจะจำได้บ้างไหมว่ามีศิลปินคนไหนที่คุณคุยด้วยแลวรู้สึกประทับใจมากเป็นพิเศษบ้าง
Eric Nam: ที่ผมนึกออกตอนนี้เลยคือ Jessi ครับ เพราะมันเป็นการสัมภาษณ์ที่เธอตอบออกมาจากมาจากใจจริงโดยไม่มีการปรุงแต่งใดๆ เลย ผมคิดว่าไม่ค่อยมีใครได้เห็นเธอคุยอะไรแบบนี้ที่ไหนมาก่อนในพอดแคสต์ นอกนั้นก็มี Stray Kids, NCT DREAM รวมถึง Jay Park ที่ผมไม่ได้นับถือเขาแค่การเ)็นศิลปิน แต่รวมถึงการเป็นผู้ประกอบการ นักธุรกิจด้วย
การได้สัมภาษณ์ใครหลายๆ คนทำให้ผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับคนๆ นั้นในแง่มุมที่แตกต่างไปมากขึ้น ผมชอบที่จะได้คุยในประเด็นลึกๆ กับพวกเขาเพื่อเรียนรู้ชีวิตของซูเปอร์สตาร์ต่างๆ มากขึ้นครับ
คุณได้กลับมาที่ประเทศไทยอีกครั้งหลังจากปี 2019 ที่เคยมาจัดงานแฟนมีตติ้ง ในครั้งนี้คุณมีแพลนที่อยากทำหรืออยากไปในกรุงเทพ ที่คุณไม่ได้ทำในคราวที่แล้วบ้างไหม
Eric Nam: จริงๆ ผมไม่ได้มีแพลนอะไรชัดเจนเป็นพิเศษนะครับ อย่างคราวที่แล้วผมก็ได้กินข้าวเหนียวมะม่วง ปูผัดผงกะหรี่ และได้กินอาหารสตรีทฟู้ดหลายอย่าง รอบนี้ก็คงอยากลองอาหารสตรีทฟู้ดอีก อาจจะเพิ่มนวดแผนไทยด้วย (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ผมอยากทำที่สุดเลย นอกนั้นผมก็ยังไม่รู้เท่าไรว่าต้องทำอะไรหรือไปที่ไหน แนะนำผมกันเข้ามาได้นะครับ ผมอาจจะไปทำงานเลยมีเวลาค่อนข้างจำกัด แต่จะพยายามหาเวลาลองให้ได้ครับ
ถ้าให้เลือกมา 1 เพลงที่อธิบายภาพจำของคุณที่มีต่อประเทศไทย และแฟนๆ ชาวไทย จะเลือกเพลงอะไร
Eric Nam: ขอคิดแปบนึงนะครับ… น่าจะเป็นเพลง “Any Other Way” เพราะว่ามันเป็นเพลงรักฟังสบายๆ ผมรู้สึกดี และรู้สึกสมองโล่งทุกครั้งที่ผมได้ฟังเพลงนี้ น่าจะเพราะแบบนี้ผมเลยคิดว่าเพลงนี้เหมาะกับประเทศไทย และแฟนๆ ชาวไทยครับ
มีช่วงเวลาที่น่าจดจำกับแฟนๆ ชาวไทยที่คุณจำได้บ้างไหม แฟนๆ ชาวไทยต่างจากแฟนๆ ประเทศอื่นๆ อย่างไรบ้าง
Eric Nam: ทุกครั้งที่ผมไปประเทศไทย แฟนๆ ชาวไทยเอาใจผมสุดๆ เลยครับ อย่างคราวที่แล้วก็ซื้อป้ายโฆษณาต่างๆ ทั้งบนถนนและในรถไฟใต้ดิน ส่งอาหารมาให้เยอะมาก และช่วยโปรโมตให้ผมในรูปแบบที่ช่างคิดและครีเอทีฟสุดๆ ทั้งป้ายโปรโมตอัลบั้มที่รถตุ๊กตุ๊ก สลักชื่อผมลงบนมะพร้าว ผมชอบและซาบซึ้งใจมากๆ เลยครับ
นอกจากนี้ ไม่ใช่แค่แฟนๆ ชาวไทย แฟนๆ ทุกคนต่างทำให้ผมรู้สึกว่าพวกเขาใส่ใจผมทั้งในฐานะศิลปินและผู้ชายคนหนึ่ง แม้ว่าผมจะไม่ได้เจอพวกเขาบ่อยเท่าที่อยากเจอ แต่ทุกครั้งที่เจอกัน ผมสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ที่อบอุ่นของ Nam Nation ชาวไทยของผมครับ
คุณมีแพลนอะไรบ้างในปี 2023
Eric Nam: เอ่อ ขอดูก่อนนะ (หัวเราะ) ผมกำลังอยู่ในช่วงเตรียมอัลบั้มใหม่ครับ หวังว่าจะได้เจอกันในทัวร์คอนเสิร์ตมากขึ้นในปี 2023 อาจจะได้ถ่ายรายการทีวีมากขึ้น และหนังของผมก็จะได้ฉายด้วย นอกจากนี้ยังมีโปรเจกต์เพลงพิเศษที่จะปล่อยในช่วงต้นปี 2023 มีอะไรให้ทำในปี 2023 เยอะเลยครับ
ฝากอะไรถึงแฟนๆ ชาวไทย
Eric Nam: ถึงแฟนๆ ชาวไทยที่เจ๋งสุดๆ ของผม ขอบคุณสำหรับความรักและการสนับสนุนที่มอบให้มาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมตื่นเต้นมากที่ได้เจอพวกคุณ หวังว่าทุกคนจะสนุกกับคอนเสิร์ตที่ผมตั้งใจเตรียมมาให้ทุกคนนะครับ ผมอาจจะไม่ได้มาเจอทุกคนบ่อยๆ แต่ผมจะคิดถึงพวกคุณบ่อยๆ แทน รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ รักทุกคนครับ ขอบคุณมากครับ
อัลบั้มภาพ 60 ภาพ