สมหวังตอนแก่ "จ่อย ไมค์ทองคำ" พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้

"จ่อย ไมค์ทองคำ" แชมป์ไมค์ทองคำ ซีซั่น 1 เปิดบ้าน ทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น ใน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี ให้สัมภาษณ์ทีมข่าว Sanook.com เจ้าตัวบอกว่า ซื้อบ้านหลังนี้ หลังจากสมหวังได้เป็นนักร้อง ตอนมีอายุได้ 48 ปี

นักร้องรุ่นใหญ่ เจ้าของเสียงร้องเพลง "กระเป๋าสมปอง" บทเพลงที่ช่วยหนุนให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง บอกว่า พื้นเพเป็นคน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี เรียนจบชั้น ป.4 เข้ากรุงมาเป็น "จับกัง" หรือ "กรรมกร"

"โกยหินโกยทราย ยกปูนผสมปูน ได้ประมาณ 25 บาทต่อวัน ทำก่อสร้างมาเป็นสิบๆ ปี อายุ 20 กว่า ก็เริ่มเป็นช่างปูกระเบื้อง โอ้โหค่าแรงขึ้นมาเป็นวันละ 110 บาท ดีใจมาก กระทั่งเริ่มรับเหมาเองบ้าง" เขาเล่าชีวิตต้องสู้

จ่อย บอกต่อว่า เขาหลงใหลเสียงเพลงลูกทุ่ง โดยเฉพาะบทเพลงของ ยอดรัก สลักใจ และ สายัณห์ สัญญา ซึมซับมาจากการที่ปู่ย่าตายาย เปิดวิทยุทรานซิสเตอร์ให้ฟังมาตั้งแต่เด็ก จึงมีความฝันอยากเป็นนักร้อง

ระหว่างทำงานก่อสร้าง พอถึงวันหยุดได้ไปประกวดร้องเพลง ที่ฟาร์มจระเข้ บ้าง แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งอายุ 27 ปีได้พบรักกับภรรยา ที่ครองรักกันมาถึงปัจจุบัน

"ช่วงพักเที่ยงไปกินก๋วยเตี๋ยว บังเอิญไปเจอกับแฟนที่อยู่กินกันมาถึงปัจจุบันนี่แหละ เขาเป็นลูกน้องอยู่หน้าเตา ผมลืมกุญแจห้องไว้ที่โต๊ะ กลับไปเขาเก็บไว้ให้ ก็เป็นจุดเริ่มต้นรู้สึกดีๆ ต่อๆ กัน และก็เริ่มใช้ชีวิตครอบครัวด้วยกัน เช่าบ้านอยู่เดือนละพันกว่าบาท ตู้เย็นก็ไม่มี ลูก 3 คนก็ผู้หญิงทั้งหมดเลยครับ"

จ่อย บอกต่อว่า เขาตั้งหน้าตั้งตาทำหน้าที่ผู้นำครอบครัวจนแทบจะทิ้งความฝันไปแล้ว กระทั่งมีเพื่อนสะกิดให้สู้อีกสักครั้งกับการประกวดไมค์ทองคำ ก่อนประสบความสำเร็จสูงบนเวทีประกวด สมหวังได้เป็นนักร้องมีผลงานเพลงเป็นของตนเองสมใจ

"ไมค์ทองคำนี่ โอ้โหผมอายุ 48 แล้วนะ คนเริ่มรู้จักมาก จากเพลงกระเป๋าสมปอง แบบนี้จะเรียกว่าดังตอนแก่ก็ได้นะ"

เขาบอกว่า ลำบากตอนหนุ่ม มีความเป็นอยู่ขึ้นตอนแก่ นับว่าดีเหมือนกัน

"คิดดูแล้ว อายุ 20 กว่า ถ้าเราดังแล้ว พอแก่เราอาจจะไม่เหลืออะไรแล้วก็ได้ เหมือนกับนักร้องที่ดังๆ สมัยก่อน บางคนที่เขาร่วงโรยไป คิดแล้วก็หดหู่นะ สงสารด้วย ทำไมเขาไม่เหลืออะไรเลย"

"เออดีแล้วที่เราดังตอนนี้ เราลำบากมาตอนหนุ่ม จากที่อยู่ห้องเช่าเล็กๆ พอมาตอนแก่ปุ๊บเราพอมีเงินให้ลูกเรียน มีรถขี่ มีบ้านอยู่แบบที่เราเคยหวังไว้"

จ่อย ยอมรับว่า หลังจากได้แชมป์ไมค์ทองคำ ชีวิตเปลี่ยนไป แต่การใช้ชีวิตของเขายังเรียบง่ายเหมือนเดิม ไม่เคยคิดทะเยอทะยาน หน้าใหญ่เกินตัว ตามคติประจำใจ "พอใจเท่าที่มี ยินดีเท่าที่ได้"

หลังจากนำเงินรางวัลที่ไปใช้หนี้ และซื้อตู้เย็นที่อยากได้มานาน ได้เริ่มสะสมเงินใหม่ จากค่าตัว และมาลัยน้ำใจที่ได้รับจากแฟนคลับ จนพอมีเงินก้อนหนึ่งนำมาซื้อบ้าน ทาวน์เฮ้าส์หลังนี้ แม้จะเป็นบ้านหลังเล็กแต่ส่วนตัวถือว่าพอเพียงแล้ว

"แบบทาวน์เฮ้าส์นี่จ่อยว่าโอเคแล้วนะ ตั้งแต่เป็นนักร้องมา ค่าตัวไม่เคยเกิน 4-5 หมื่น ซื้อบ้านหลังโตๆ ราคา 5-6 ล้าน มันเยอะไป ผมว่าผมเก็บเงินไว้เลี้ยงดูลูกเมีย ให้กินอิ่มนอนอุ่นในบ้านหลังเล็กดีกว่า ใช้เงินหมดไปกับวัตกุที่มันใหญ่เกินตัว"

"ไม่เป็นหนี้เป็นสินเขา เลี้ยงครอบครัวได้อะไรได้ ให้ลูกมีการศึกษา มันเป็นความรู้สึกที่พอเพียงกับชีวิตเราแล้ว เอาแค่นี้แหละ แค่พอตัวเรา พอใจเท่าที่มียินดีเท่าที่ได้ นี่แหละคติประจำใจของจ่อย เราทะเยอทะยานมากไปมันเหนื่อย"

จ่อย บอกทิ้งท้ายการพูดคุยครั้งนี้ ด้วยการบอกว่า ไม่ว่าจะบ้านหลังเล็กหรือหลังใหญ่ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความรักความอบอุ่น ความสุขของคนในครอบครัว ต่อให้มีบ้านใหญ่โต หรูหราโอ่อ่า ดุจดังปราสาท พ่อแม่ไปทางลูกไปทาง บ้านหลังใหญ่เหงาหงอย กลายป็นบ้านที่ไม่มีความหมาย