คุยกับ The Mousses ในวันที่ถูกนักจิตวิทยาปลดล็อค และข้อความถึงคนที่ไม่อยากให้วงเปลี่ยน
หลังจากคัมแบ็กในปี 2020 วง The Mousses ศิลปินกลุ่มดังที่ทำผลงานมา 10 กว่าปีและผลงาน 3 อัลบั้มและรวมถึงเพลงดังอย่าง "ลัก", "จูบสุดท้าย", "น้ำตาที่หาย" รวมไปถึงเพลงร้อยล้านวิวอย่าง "เจ็บที่ต้องรู้" ที่ปล่อยออกมาในปี 2558 ได้ห่างหายจากการทำงานไปถึง 2 ปีก่อนที่คัมแบ็กพร้อมเพลง "พี่คิดถึงหนู" ภายใต้การดูแลของ อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล และ กบ-ขจรเดช พรมรักษา 2 สมาชิก Big Ass ที่เป็นหัวเรือใหญ่ของค่าย genie records
การคัมแบ็กรอบนี้ The Mousses มากับการเปลี่ยนแปลงหลายมุมทั้งลุค และตัวตนที่ทำให้เราอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งสิ่งที่พวกเราได้รับรู้จากแอร์ ต๋า และ จ๊ะ ที่เป็นตัวแทนพูดคุย ทำให้พวกเขารู้สึกทึ่งถึงการทำงานของ genie records ที่หาวิธีคาดไม่ถึง มาช่วยให้วงที่อยู่วงการตัวเองได้ค้นพบตัวตนใหม่ๆ
การเปลี่ยนแปลงของ The Mousses จากนักจิตวิทยาที่ปลดล็อคเมมเบอร์
การกลับมาครั้งนี้ของ The Mousses มากับการเปลี่ยนแปลงแนวทางที่ทำให้เราเต็มไปด้วยคำถามในหัว ซึ่งทางวงได้เผยว่าจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงไม่ใช่แค่การอยากทดลองของวง แต่ The Mousses ได้นักจิตวิทยามาพูดคุยช่วยค้นหา DNA วง
"ก่อนหน้านี้เราประชุมกับที่ค่ายว่าทำงานอย่างไร พอดีในบริษัทเราได้มาทำกับพี่กบพี่อ๊อฟ Big Ass กับ Mango Team (ทีมนักแต่งเพลง) ก็ได้มาลองทำอะไรใหม่ที่เคยทำ ทางพี่กบก็คิดว่าอยากให้นักจิตวิทยามาคุยกับวง ค้นหา DNA บางอย่างที่เรามองไม่เห็น ซึ่งมันเวิร์คมาก และเขาใช้วิธีนี้กับหลายๆ วง ก็ทำให้เห็นคาแรคเตอร์อะไรบางอย่างชัดเจนขึ้น ฐานแฟนที่ชัดเจนขึ้น ประมาณนี้ครับ"
และแอร์ได้ลงลึกถึงการเวิร์คช็อปทางจิตวิทยาว่า เขาจะให้เรามองว่า The Mousses เป็นสีอะไร เป็นสัตว์อะไร มีแฟนเพลงเป็นแบบไหน ซึ่งพอนั่งคุยรู้สึกว่าสัตว์เป็น เสือชีตาห์ คือเป็นเสือไม่ได้ดุร้าย ปราดเปรียว น่ารัก ส่วนสีเป็นสีเลือดหมู ให้อารมณ์ไม่ได้เหมือน The Mousses ยุค 10 ปีที่แล้ว ไม่ได้เปรี้ยวแบบนั้น ถ้าเป็นหนัง ก็เป็นแวมไพร์ Twilight ซึ่งแต่ละคาแรคเตอร์วงจะต่างกัน และพอเรารู้ว่าจากคาแรคเตอร์เราต้องมาทำเพลงที่เพราะและเมโลดี้สวยงาม เราต้องมาจับจุดจากตรงนี้ ก็ค่อยๆ ตกตะกอนจนเป็นเพลง “พี่คิดถึงหนู”
"พี่คิดถึงหนู" ซิงเกิลแรกที่มาจากการรู้จักตัวตน
เมื่อได้ค้นพบตัวตนในปัจจุบัน วง The Mousses ก็ได้เดินหน้าเพื่อทำอัลบั้มใหม่ และได้ "พี่คิดถึงหนู" มาเป็นซิงเกิลแรก ซึ่งแอร์ได้เล่าถึงว่า การค้นหาตัวตนของวง ทำให้พวกเขารู้ว่าตัวเองต้องโฟกัสปัจจุบันของตัวเอง และถึงขั้นโละเพลงที่เคยทำ
"มันเป็นปัจจุบันของเรา คำว่าพี่คิดถึงหนู เป็นคำที่เราใช้อยู่แล้ว แต่แค่อยากพูดคำนี้ในเพลงแทนคำว่าฉันและเธอบ้าง จริงๆ มันคือบุคคลเดียวกัน มันเป็นสรรพนามปกติ แค่ผมไม่ได้เรียกตัวเองว่าฉัน เราคุยกับคนเด็กกว่า น้องจะแทนตัวเองว่าหนู และเรียกเราว่าพี่ ก็คิดว่าเป็นคำที่น่าสนใจและเอามาใช่
และแอร์ได้เล่าถึงการทำงานอีกว่า "เราขึ้นงานเองเหมือนเดิม แต่มีพี่กบ Big Ass เป็น Executive Producer พี่กบกับพี่อ๊อฟมาดู มันมีเพลงก่อนหน้านี้ และมีนักจิตวิทยามาในวง ซึ่งเพลงก่อนหน้ามันจะเป็นอีกแบบหนึ่ง พอเราได้คุยมาชัดว่าเราเป็นอะไร ณ ปัจจุบัน เพลงที่ทำมาคือพับหมดเลย เพราะมันไม่ใช่คาแรคเตอร์ที่เราเป็น ณ ปัจจุบัน"
ส่วนลุคใหม่ที่วงปล่อยออกมาในโทนสีครีมพวกเขาอธิบายว่า "อยากให้ดูอุ่นขึ้นครับ ดูแบบโตขึ้นตามวัยครับ มันเหมาะกับคอนเซ็ปต์เพลงนี้ด้วย และคอนเซ็ปต์โดยรวม เรื่องสี เรื่องสัตว์ ถ้าไปขาวดำมันอาจแย่ลง ทางทีมเขาคิดมาแล้วเราเห็นด้วย ก็ให้เขาทำ และออกมาดีมากๆ"
การกลับมาของ The Mousses พร้อมทัวร์และดราม่าสุดแปลกของนักร้องนำ
ช่วงก่อนการคัมแบ็กครั้งนี้ วง The Mousses ได้พักวงไปทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งทำให้การกลับมาช่วงแรกเต็มไปด้วยความเหนื่อย และในขณะเดียวกัน แอร์ นักร้องนำก็เจอดราม่าผู้หญิงที่แอบอ้างว่าแต่งงานกับเขา และเขาได้พูดถึงทั้งสองเรื่อง
ซึ่งแอร์ได้เล่าถึงการกลับมารับงานว่า "กลับมาทัวร์งานแรกโคตรเหนื่อยเลยอะ (หัวเราะ) เหมือนไม่ได้เล่นกันนาน เรียกว่าหอบดีกว่า สคริปต์ที่เคยเล่นคือไม่ไหว ก็ต้องซ้อมและมันจะค่อยๆ กลับมา"
ส่วนเรื่องการถูกติดตามและแอบอ้าง แอร์ก็เล่าอย่างติดตลกว่า "ลืมไปแล้วนะเนี่ยถ้าพี่ไม่พูด (หัวเราะ) ก็ปกติครับ เป็นคดีความไป พอดูหลักฐานไม่จริงก็ไม่ซีเรียส เพราะผมไม่ได้ทำ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตำรวจสอบปากคำครับ แต่ใช้ชีวิตปกติ" พร้อมยืนยันว่าเขายังคงใช้ชีวิตปกติ
The Mousses ถึงแฟนๆ ที่ไม่อยากให้พวกเขาเปลี่ยนแปลง
ทุกครั้งที่วงดนตรีมีการเปลี่ยนแปลง หลายๆ ครั้งก็จะเจอคำวิจารณ์ที่แรงจากคนที่รักผลงาน ซึ่งวงที่รักการทดลองใหม่ๆ อย่าง The Mousses ก็เป็นอีกวงที่เจอสถานการณ์แบบนี้ และจ๊ะ อธิศ ได้เป็นตัวแทนของวงที่บอกมุมมองนี้และขอบคุณคนที่เปิดรับวง
"เราอ่านคอมเมนต์ก็มีคนอยากให้กลับไปเหมือนอัลบั้มแรก ซึ่งมัน 10 กว่าปีแล้ว ทุกคนมันมีการเติบโต เราวันนี้กับเมื่อวานก็ไม่เหมือนกันแล้ว ถ้าออกไปเจออะไร ความชอบปรับเปลี่ยนไป เรายังเป็นตัวเรา แต่เป็นเวอร์ชั่นที่พัฒนาขึ้นมา ประมาณนั้นเลยครับ เข้าใจคนที่รักเพลงเก่าๆ นะ แต่วงก็เดินทางมาไกลแล้ว ก็มีการปรับเปลี่ยนกาลเวลา ทุกวงก็เหมือนกันเนอะ จะเล่าเรื่องเดิม 20 ปีก็ไม่ได้ ก็ขอบคุณคนที่เปิดรับสิ่งที่เราอยากร้องให้ฟัง"
และแอร์ได้เล่าถึงผลงานปัจจุบันว่า "เราภูมิใจกับสิ่งนี้ ผมว่าผมภูมิใจกับงานนี้ เพลงต่อไปก็ไม่แน่ใจจะเป็นแบบไหน แต่พื้นฐานเราชอบป็อปร็อคผสมๆ กันอยู่แล้ว คือความชอบจะมีเกาะกันแต่มีดีเทล ก็เอามายำๆ กันตอนซ้อม ความเป็นตัวเองจะออกมาตามธรรมชาติ ส่วนดนตรีจะมาจากสิ่งที่เราอยากพูดมากกว่า"
ก่อนจะอำลากัน ทาง Sanook ได้ถามว่าพวกเขารู้สึกอย่างไรที่ได้เห็นศิลปินใหม่ๆ เข้ามาใน genie records และอยากแจมกับใคร โดยแอร์ตอบกลับว่า "ผมตามดูเด็กๆ เดี๋ยวนี้เก่งมาก ถ้าตอนอายุเท่ากัน เขาเก่งกว่าเราเยอะมาก ผมยังไม่มีโปรเจกต์ที่คิดว่าอยากแจมกับใคร แต่พูดมาแบบนี้ก็ไม่แน่ (หัวเราะ)"
Photo >> Ditsapong K.
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ