ชีวิตบนวีลแชร์ “สาวมาด เมกะแดนซ์” ยิ้มสู้อยู่กับความจริง
สาวมาด เมกะแดนซ์ นักร้องลูกทุ่งอีสานชื่อดังในอดีต มีผลงานเพลงโด่งดังเมื่อหลายปีก่อน อาทิ "คุณอีปึก", "สาวลาดพร้าว", "ดาวมหาลัย" เปิดบ้าน ใน อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ต้อนรับทีมข่าว Sanook.com อัปเดตความเป็นอยู่ชีวิตพลิกผันกลายเป็นคนพิการ ใช้ชีวิตส่วนใหญ่บนวีลแชร์มาเป็นเวลา 8 ปี
ใต้ร่มไม้ หน้าบ้านไม้ชั้นเดียวยกใต้ถุน สาวมาด เริ่มต้นพูดคุย ด้วยการเล่าย้อนไปว่า เธอเป็นคนหนองบัวลำภู เส้นทางนักร้องเริ่มต้นจากการไปเป็นนักร้องวงดนตรีอีเล็กโทน อาจารย์ ส.สัญญาลักษณ์ ดอนศรี นักแต่งเพลงชื่อดังเห็นแวว ชักชวนมาทำเพลงกับค่าย ท็อปไลน์ ไดมอนด์ (ท็อปไลน์ มิวสิค ในปัจจุบัน) ของ นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม กลายเป็นนักร้องมีชื่อเสียง เมื่อเพลงแนวลูกทุ่งอีสานที่เธอขับร้อง อย่าง "คุณอีปึก", "สาวลาดพร้าว" และ "ดาวมหาลัย" ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง
เดินสายคอนเสิร์ตตัวเป็นเกลียวอยู่พักหนึ่ง มีเงินเก็บประมาณ 15-16 ล้านบาท ได้นำไปปลูกบ้านบานปลายไปกว่า 10 ล้านบาท
จุดพลิกผันหน้าของชีวิตเกิดขึ้น เมื่อเธอตั้งครรภ์ และทรุดหนักครรภ์เป็นพิษ คลอดลูกสาวขณะมีอายุครรภ์ได้เพียง 5 เดือน และตัวเธอเองก็นอนไม่ได้สติในโรงพยาบาลนานกว่า 4 เดือน
“ฟื้นขึ้นมาถามหาลูกเลย ลูกๆ ลูกอยู่ไหน หมอบอกว่าอยู่ในตู้อบ เพราะเขาคลอดก่อนกำหนด ต่อมารู้สึกว่า แขนและขา ข้างซ้ายไม่มีแรงก็ตกใจ แต่ก็ยังเป็นห่วงลูกมากกว่า เพราะเขาตัวเล็กมาก ภาวนาให้เขาผ่านวิกฤต เติบโตแข็งแรง ตอนนี้น้องแก้มใส (ลูกสาว) อายุ 8 ขวบแล้ว เขาสูงขาวสวย ร่าเริง ร้องเพลงเก่ง” เธอย้อนอดีต
สาวมาด เล่าความเป็นอยู่ปัจจุบัน หลังจากแยกทางกับสามี พร้อมสูญเสียบ้านหลัง 10 ล้าน ไปเธอเหลือก้อนสุดท้าย 2 ล้านบาท นำมาซื้อบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ในวัย 46 ปี เธอมีพี่สาวเป็นผู้ดูแล ช่วยพาเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ หุงหาอาหารให้รับประทาน พาออกมาสูดอากาศรอบบ้าน เป็นต้น
สาวมาด เล่าต่อว่า ช่วงที่กลายเป็นคนพิการแรกๆ รู้สึกรับไม่ได้ ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ไม่สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนเดิม เคยมีความคิดจะฆ่าตัวตาย แต่พอเห็นหน้าลูกสาว ทำให้เปลี่ยนแปลงทัศนคติ และมีสติมากขึ้น
“ใช้ชีวิตบนวีลแชร์ มา 8 ปี แล้วค่ะ แรกๆ รับตัวเองไม่ได้ แทบจะฆ่าตัวตาย พอเห็นหน้าลูก ไม่ได้นะ เราจะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ กว่าจะมีชีวิตได้อย่างนี้ เราจะมาฆ่าตัวตายได้ยังไง”
อีกทั้งลูกสาวยังเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้มีพลัง ยิ้มสู้อยู่กับความจริง พอยอมรับได้ว่า บนโลกใบนี้ไม่มีอะไรแน่นอน มีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียดไม่วิตกกังวลกับชีวิตมาก เหมือนช่วงแรกชีวิตพลิกผัน
“หลักสำคัญ คือ เราไม่หลอกตัวเองว่า เราเป็นนักร้องดังนะ เราถ่อมตัวเองลงไม่ได้ เราลดตัวเองไม่ได้ เราไม่หลอก เรายอมรับว่าเราอยู่สภาพนี้แล้ว เราอยู่กับความจริง ชีวิตมันก็เบาสบายขึ้น อยู่ได้ตามอัตภาพ”
ท้ายการพูดคุยครั้งนี้ สาวมาด บอกว่า ปัจจุบันเธอหันมานับถือศาสนาคริสต์ แทบทุกวัน ในช่วงกลางวันมีเพื่อนบ้านมาพูดคุยให้กำลังใจ และมีคริสตชนมาเยี่ยมเยียน ทำกิจกรรมร่วมกัน ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย และมีการทำกายภาพบำบัด รักษาอาการขาและมือมีกระดูกผิดรูป เนื่องจากป่วยมาเป็นเวลานาน
ส่วนเงินที่ใช้เลี้ยงดูตนเองและครอบครัว นับตั้งแต่ชีวิตพลิกผัน หลักๆ มาจาก นายห้างทวีชัย จริยะเอี่ยมอุดม เจ้าของค่ายท็อปไลน์ฯ ต้องขอบคุณท่านที่ไม่ทอดทิ้ง
นอกจากนี้ยังมีแฟนเพลงที่ยังรักกันเหนียวแน่น เมตตาให้ความช่วยเหลือ และยังมีรายได้จากการลงทุนให้พี่สาวขายของเล็กๆ น้อยๆ ที่บ้านในจังหวัดหนองบัวลำภูอีกทางหนึ่ง
“ต้องขอบคุณนายห้างทวีชัยที่ท่านไม่ทอดทิ้ง เมตตาเรามาตลอด ท่านดูแลค่าใช้จ่ายตั้งแต่เรื่องค่ารักษาพยาบาล ตอนรักษาตัว และดูแลมาถึงทุกวันนี้”
“มีคนที่รักเราตั้งแต่สมัยโด่งดังเมตตาช่วยเหลือ ส่งเงินให้ ให้พี่สาวขายของที่หนองบัวลำภู ขายปลาร้า ขายกาแฟ ขายไปสารพัด เขาก็ส่งเงินมาให้ พอได้อยู่ได้กิน”
“คิดถึงเวทีคอนเสิร์ตไหม ก็คิดถึงแต่อย่างที่บอก เราต้องยอมรับความจริง ไปร้องเพลงไม่ได้แล้ว ใจมันต้องสู้อยู่กับความจริงให้ได้ ทุกอย่างอยู่ที่ใจแล้วตอนนี้” สาวมาดกล่าวในที่สุด
อัลบั้มภาพ 14 ภาพ