คุยกับ BKC ถึงเชื้อเพลิงความรักที่ทำให้พวกเขาไม่ใช่ “นักแสดงที่ร้องเพลง” | Sanook Music

คุยกับ BKC ถึงเชื้อเพลิงความรักที่ทำให้พวกเขาไม่ใช่ “นักแสดงที่ร้องเพลง”

คุยกับ BKC ถึงเชื้อเพลิงความรักที่ทำให้พวกเขาไม่ใช่ “นักแสดงที่ร้องเพลง”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นเวลาเกือบ 7 ปีที่แล้ว ที่เราได้สัมผัส 3 หนุ่ม บาส-สุรเดช พินิวัตร์, คิมม่อน-วโรดม เข็มมณฑา, คอปเตอร์-ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี ที่รวมตัวในฐานะ BKC ซึ่งแม้จะมีภาพจำแรกในฐานะนักแสดง แต่ความรักทางเสียงเพลงก็ทำให้ Sanook Music คว้าตัวพวกเขามาเป็น Artist of The Month ของเดือนแห่งความรัก 

และในโอกาสที่พวกเขามาหาเรา นอกจากเพลง “มีเขาเหงาได้ไง” ผลงานการคัมแบ็กไซด์โปรเจกต์ ที่ได้วง Paper Planes และ ข้าว-ปณิธิ เลิศอุดมธนา จากวง Fellow Fellow มาร่วมงาน เราได้พูดคุยถึงความรักทางดนตรีพวกเขา จากอดีต ปัจจุบัน และเป้าหมายที่พวกเขาอยากถูกจดจำ ซึ่งทำให้เราสัมผัสความเติบโตและแพชชั่นอันล้นเหลือที่ทำให้พวกเขายังยืนอยู่ในฐานะศิลปินที่มีงานวง งานเดี่ยว และ โปรเจกต์พิเศษให้ตามแบบจุกๆ 

ซิงเกิลล่าสุด “มีเขาเหงาได้ไง” มีที่มาอย่างไร? 

คอปเตอร์ : ที่มาของ “มีเขาเหงาได้ไง” เกิดจาก SBFIVE ช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมาได้แยกย้ายไปทำงาน ก็มีการพูดคุยว่าเรายังไม่หมดแพชชั่นการทำเพลง และการเป็นบอยกรุ๊ป ก็คุยกันว่าแนวเพลงไหนเป็นเราที่สุด เพราะ SBFIVE ก่อนหน้านี้พูดถึงความสามัคคี การร้องการเต้นที่ไม่ได้เป็นตัวเรา 100% เรามองว่าการเป็นตัวเรา 100% คือการเป็นเอนเตอร์เนอร์ส่งความสุขให้แฟนๆ เราเลยคุยว่า ไอเดียของ BKC ที่เป็นไซด์โปรเจกต์ เราจะขายตัวเพลงและความน่ารักสดใส ก็เป็นโปรเจกต์นี้ขึ้นมา หลังจากนั้นเราหาไอเดีย ซึ่งพี่คิมก็เจอไอเดีย 

คิมม่อน : ก่อนที่เราจะไปคุยกับพี่ๆ Paper Planes ที่ทำเพลงให้พวกเรา เราเห็นข้อความช่วงโควิด-19 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว ที่แบบคิดถึงๆ ไม่ได้เจอเลย เราก็อยากรู้ว่าแฟนๆ ทำอะไรอยู่ ก็เลยคลิกดูหน้าทวิตเตอร์ก็เห็นเขาหวีดคนอื่นอยู่ แต่มีพิมพ์หาเราแท็กชื่อเราว่าไม่ได้เจอเลย ก็มีความแหมในใจ ‘แหมทำเป็นคิดถึงเรา’ แต่หวีดคนอื่นอยู่ ก็แบบเอามาทำเป็นเพลงอารมณ์ทำเป็นคิดถึงเรา ก็ทำเป็นเนื้อเพลง แต่ไม่ได้พูดถึงแฟนคลับ พูดถึงคนที่มีแฟนแล้วเข้ามาจีบ เข้ามาหาเราว่าหมายความว่าอย่างไร เหตุการณ์นั้นทำให้เราได้คอนเซ็ปต์ หลังจากนั้นพี่ข้าว และพี่ๆ Paper Planes ก็มาพัฒนาต่อจนเป็นเพลง “มีเขาเหงาได้ไง” ที่ทุกคนได้ฟังกัน

การทำงานกับทีม Paper Planes และ ข้าว Fellow Fellow เป็นอย่างไรบ้าง? 

คอปเตอร์ : มืออาชีพจริงๆ ครับ คือสื่อสารอย่างไร ระบุความต้องการอย่างไร คือเรา 3 คนมีแนวคิดว่าอยากให้ผลงานออกมาแนวไหน ด้วยความที่เราทำงานกับพี่ๆ Paper Planes ตั้งแต่เพลง “Spark” และเพลงเดี่ยว พอเราระบุความต้องการมันก็สั้นมากๆ ก็ได้เกิดเพลง “มีเขาเหงาได้ไง” ซึ่งจากโครงแรกถึงปัจจุบันก็แทบไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย มันเข้าปากเรา ก็บันทึกเพลงก็มีสองรอบ เพราะรอบแรกรู้สึกว่าไม่ดีเท่าที่ควร ก็เลยขออัดใหม่ครับ 

กระแสตอบรับเพลงเป็นอย่างไร ?

บาส : ทุกคนแฮปปี้ที่เรากลับมาทำเพลงกันอีกครั้งครับ เขาก็เฝ้ารอ พอเราปล่อยออกมาเขาก็ดีใจและได้รับการตอบรับที่ดีตั้งแต่วันแรก กับความคิดถึงที่อัดอั้นมานาน 

และในโอกาสที่เดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนแห่งความรัก เราได้มีโอกาสสอบถาม บาส คิมม่อน และ คอปเตอร์ เรื่องความรักทางดนตรี ซึ่งแนวคิดพวกเขาได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าแม้จะมีภาพจำในสายตาหลายคนเป็นนักแสดง แต่ความฝันและความรักทางดนตรีพวกเขาไม่เป็นรองใคร

ความรักเสียงเพลงของหนุ่มๆ เริ่มเมื่อไหร่ ?

บาส : ผมชอบร้องเพลงแต่เด็ก เพราะที่บ้านตาชอบคาราโอเกะ แม่ก็ชอบร้อง แม่ชอบร้องเพลงจีน เติ้งลี่จวิน เรารับแต่เด็ก น้าชอบ LOSO เราก็ร้องแต่เด็ก

คิมม่อน : เพลงมันอยู่ทุกช่วงวัยอยู่แล้วครับ ตั้งแต่เด็ก เรามีความรัก ก็ได้ใช้เพลงแทนคนแทนความทรงจำ เราชอบใช้เพลงแทนความรู้สึก แบบอกหักก็ใช้เพลงนี้ มีความรักครั้งแรกก็มีเพลงนี้ เราจะมีเพลงในความทรงจำสำหรับสถานการณ์นั้นๆ เสมอ

คอปเตอร์ : ผมต้องขอบคุณพี่ อู๋-ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา เพลง “หัวใจกระดาษ” ตอนนั้นก็นั่งอยู่ในรถคันเก่าของคุณพ่อคุณแม่ เพลงก็มาจากวิทยุครั้งแรก และพอวนมาอีกครั้ง ผมก็ร้องได้เลย แม่ก็บอกว่าจะสนับสนุนผมด้านนี้แบบผมยังไม่ได้พูดอะไร ก็ให้ผมไปเรียนตั้งแต่เด็กๆ เลย 9-10 ขวบก็เรียนร้องเรียนเต้นเลย 

ใครคือไอดอลและเพลงแบบไหนที่ 3 หนุ่มรัก ?

บาส : พอผมฟังเยอะๆ ผมเลือกแนวไม่ได้เลย ผมชอบเพลงดีมากกว่า เพราะทุกแนวดีหมด ถ้ามันทำถึง ศิลปินที่ชอบก็ QUEEN วง QUEEN เขาเป็นมากกว่าศิลปิน เป็นลัทธิอะไรบางอย่างครับ เพราะแต่ละคนมากความสามารถ มี 4 คนแต่เล่นแน่นมาก และทำให้วงอลังการมาก ส่วนวงไทยก็ Polycat ก็ฟังมาตั้งแต่อัลบั้มแรก ตั้งแต่ไม่รู้จัก ฟังมาเรื่อยๆ จนชอบไปเลย ตอนนี้ก็ชอบ Polycat 

คอปเตอร์ : ผมที่ทำโปรดิวเซอร์ก็มีพี่ ฮาย-ธันวา เกตุสุวรรณ เป็นไอดอลนี่แหละครับ พี่ เอฟู (ณรงค์ศักดิ์ ศรีบรรฎาศักดิ์วัชรากรณ์) ที่ทำสมัย Kamikaze เราตามผลงานเขามาตลอด ถ้าพูดถึงรสนิยมเพลง เราจะชอบเพลงสากลที่เป็นเพลงป็อปยุค 2000 ที่อลังการหน่อยๆ ที่จะมีแร็ปและตามด้วยฮุคอลังการ แบบ “Irreplaceble” Beyoncé  สไตล์เพลงที่ชอบจะมีความอาร์แอนด์บี

คิมม่อน : ส่วนของคิมชอบวง Paradox คิมชอบเวลาเขาโชว์ มีความเอนเตอร์เทนสูงมากๆ คิมก็เอามาตรฐานวง Paradox มาใช้กับน้องๆ วง SBFIVE ต้องมีความเอนเตอร์เทนนะ ต้องมีความสุข คือเขามีมาสคอต แจกของกัน ชอบมากสนุกมากๆ ก็ไอดอลของคิมเรื่องเพลงมากๆ 

BKCBKC

พอเริ่มทำเพลง เรารักอะไรเกี่ยวกับการทำเพลง ?

คอปเตอร์ : สิ่งที่สนุกของการเป็น SBFIVE คือการที่ได้แชร์ ได้อยู่กับเพื่อนๆ เพลงที่ออกมาไม่ได้ตรงใจเรา 100% แต่ตอนที่พวกเราอยู่ด้วยกัน ฟังเพลงด้วยกัน และวิจารณ์ไปด้วยกัน เป็นความสุขที่สุดในการเป็นบอยกรุ๊ป 

คิมม่อน : ผมเห็นด้วยกับคอป ในขณะที่ศิลปินอื่นชอบทำเพลงเพราะมีแนวอื่นขึ้นมาอะไรแบบนี้ แต่สิ่งที่ผมชอบสุดของการมี SBFIVE คือมิตรภาพที่มีให้กัน ทำงานด้วยกันแล้วมีความสุข บางทีทำงานมาเหนื่อยๆ แต่พอเหนื่อยมากับเพื่อนๆ มันก็สนุกและอยากทำอีกเรื่อยๆ เลย เหมือนพวกเรามันอยู่ด้วยกันและไปด้วยกันได้ ช่วยกันได้ ทั้ง SBFIVE และ BKC ส่วนงานโซโล่เป็นตัวตนของแต่ละคนเลยครับ แบบว่ามันคือตัวตนแต่ละคน ดูได้เลยว่าแต่ละคนชอบอะไร 

ที่ผ่านมาเราได้เห็น BKC ขึ้นแสดงหลายๆ งาน อย่าง FANTOPIA 2020 เราชอบอะไรเกี่ยวกับการโชว์ที่สุด ?

คอปเตอร์ : เราต้องทำสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดีที่สุด เราไม่รู้ว่าเทสคนดูชอบแบบไหนอยากดูอะไร อย่าง FANTOPIA วันนั้นมีศิลปินเยอะมาก แต่ละคนมีฐานแฟนคลับ เราไม่รู้ว่ารสนิยมเขาเป็นแบบไหน สิ่งที่เราทำได้คือจริงใจกับสิ่งที่เราทำ แค่นั้นเลย แล้วก็ขอให้อย่างน้อย 80-90% ของสิ่งที่เราซ่อม อันนั้นคือแพชชั่น เรื่องกระแสตอบรับคืออีกเรื่องเลย คือเราไม่ได้คาดหวังกับตรงนั้น ถ้าเราโฟกัสกับตรงนั้นมันจะกระวนกระวายและทำอะไรไม่ถูก 

คิมม่อน : เราแค่ทำให้ดีที่สุด เอาความสุขให้คนที่เสียเงินมาดู ผลตอบรับจะเป็นอย่างไรก็เป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งที่เราดูเขาก็ชื่นชอบและเราได้แฟนคลับใหม่ๆ จาก FANTOPIA มาเยอะมากเลย เราจะเน้นความสนุกสนาน คือคาแรคเตอร์เป็นเอนเตอร์เทน อย่างเพลงที่เต้นกัน ก็จะมีความสนุกในนั้น เราทำเพราะความสนุกในแต่ละงาน 

คอปเตอร์ BKCคอปเตอร์ BKC

ปัจจุบันนี้ BKC รักอะไรเกี่ยวกับวงการเพลงไทยและทีป็อปบ้าง ?

คอปเตอร์ : มันก็ดีใจกับเด็กรุ่นใหม่ จริงๆ ก็ไม่เด็กเพราะบางคนก็อายุเยอะกว่าเรา มันเป็นยุคที่ทุกคนสนใจทีป็อป ทุกคนให้ความสนใจกับการเติบโตของบอยแบนด์ไทย วัยรุ่นไทย มันเป็นช่วงที่ดีสำหรับคนที่อยากตามฝัน ตามหาตัวเอง มันเป็นช่วงที่คนเปิดใจรับมากเลย ตอน SBFIVE คือคนยังไม่ได้อินกับคำว่าทีป็อป เราทำเพราะใจเรารักจริงๆ เราไม่รู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร ในยุคนั้นเราหาเอกลักษณ์ไม่เจอว่าทีป็อปคืออะไร คือมันยังไม่มีเอกลักษณ์ เราเคยเจอคอมเมนต์ว่า ถ้าจะเสพเพลงไทย เราตามเกาหลีก็ได้ เพราะเอาตามตรงเกาหลีเขายกระดับจริงๆ ทั้งโปรดักชั่นอะไรต่างๆ มันไม่ค้านสายตา เราแค่คิดว่าจะทำอย่างไรให้วงการเพลงไทยมันยกระดับเหมือนเกาหลี

คิมม่อน : สมัยนั้นคนจะด่า ก๊อปเกรดเอเกาหลี ถ้าจะชมก็แบบว่า เหมือนเกาหลีเลย อะไรๆ ก็เกาหลี ยุคนี้มันเปลี่ยนไป ยุคนี้มันชัดเจนขึ้น มีอะไรมากขึ้น มีคนกล้าพูดว่านี่แหละป็อปแบบเรา แต่ละวงก็มีเอกลักษณ์มากขึ้น ก็ยินดีกับน้องๆ ที่ทำเพลงมาในยุคนี้ ขอให้สร้างสรรค์ รับไม้ต่อจากเรา 

คอปเตอร์ : เราไม่ได้เหยียดหรือเกลียดความเป็นเกาหลี เอาจริงๆ เราชื่นชมผลงานเขา  คนทั้งโลกยกย่องความเป็นเคป็อป แต่อุตสาหกรรมบ้านเราเองมันต้องพัฒนา แล้วการที่เรามีเขาเป็นต้นแบบมันก็ดี มีการเปรียบเทียบมันก็ดี ก็ขอบคุณน้องๆ ทุกวงในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ทีป็อปครึกครื้น ก็ขอใช้อานิสงค์ฝากเพลง “มีเขาเหงาได้ไง” ช่วงนี้ที่ทีป็อปครึกครื้น 

แล้วปัจจุบันนี้ BKC ไม่รักอะไรเกี่ยวกับวงการเพลงไทยและอยากให้ปรับปรุง ?

คิมม่อน : ผมไม่ใช้คำว่าปรับปรุง อยากให้ใช้คำว่าพัฒนามากขึ้น การฝึกซ้อมมากขึ้น การปล่อยเพลงแต่ละอันอยากให้ซ้อมให้แน่น ให้มันดีและอัประดับมาตรฐาน อยากให้ผู้ใหญ่สนับสนุนแล้วกันมีงบประมาณ อยากให้มีเวทีเยอะๆ เกี่ยวกับทีป็อป เราขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ 

คอปเตอร์ : ตามตรงคือถ้าเราอยู่ในการเปรียบเทียบกับเคป็อป เรารู้ดีว่าทางรัฐบาลเขาสนับสนุนชัดเจน ให้มีการตามรอยและกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งประเทศไทยซีรีส์วายมันช่วยเยอะมาก ปัจจุบันนี้มันเริ่มลามเป็นทีป็อปผมว่ามันน่าจะดี แบบมันทำอะไรมากขึ้น วงการเรารอเงินทุนจากเอกชนอย่างเดียว เรายังไม่มีเงินทุนที่ทำถึงระดับประเทศได้ ส่งออกชิ้นงานไม่ได้เท่าที่ควร 

บาส BKCบาส BKC

ที่ผ่านมาแฟนคลับเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต BKC ไปแล้ว เล่าถึงแฟนๆ หน่อย? 

คอปเตอร์ : เป็นเรื่องคลาสสิคมากครับ อยู่กันมานาน แฟนคลับที่ตามๆ ก็อยู่มานาน ขอบคุณที่ซัพพอร์ตเรา การทำงานแต่ละอย่าง ผลงานใหม่ๆ คือคาดหวังให้แฟนๆ ประทับใจ แต่สิ่งที่เราคาดหวังตามมาคือผลงานมันจะแมสในคนหมู่มาก เป็นที่รู้จักในคนหมู่มาก คือไปถึงจุดนั้นจะดีใจมาก แต่ตอนนี้เอาให้แฟนคลับเราชอบก่อน 

บาส : มันเป็นเป้าหมายทุกคนแหละครับที่อยากให้ผลงานมีคนเข้ามาดู มาเชียร์ แต่เรามีแม่ๆ ครอบครัวที่ผลักดัน ก็อยากไปถึงคนภายนอก คือเราไม่ได้ไม่ตั้งใจ เราตั้งใจ เราไม่ได้มาเล่นๆ อยากให้ทุกคนเปิดใจกับ “มีเขาเหงาได้ไง” 

เวลาศิลปินอยู่ในวงการมานาน ก็จะมีเปลี่ยนแปลงในผลงานและแนวทาง แต่หลายๆ คนจะเจอเหตุการณ์ที่แฟนๆ อยากให้ทำเพลงเหมือนเดิม ทางวงคิดอย่างไร ?

บาส : การที่เราทำเพลงอะ มันเหมือนการใช้ชีวิตอะ ถ้าวาดตอนเด็กลายเส้นอาจไม่เยอะเท่าตอนโต เพราะตอนโตเราผ่านประสบการณ์มากกว่า การเขียนเพลงก็เหมือนกัน เราชอบอะไรเราทำ 

คอปเตอร์ : การฟังเพลงเราเปลี่ยนไปมากมาย 2 ปีที่แล้วผมยังฟังแร็ปฮิปฮอปอยู่เลย มาปัจจุบันนั่งฟังแต่เพลงป็อป คนเรามันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราไม่ได้กำหนดว่าตัวเองจะเป็นอย่างไร เรายืดหยุ่น เราทำงานที่เราพอใจกับมันแล้ว และรู้สึกว่ามันควรค่ากับการส่งต่อ เราก็พอใจแล้ว

คิมม่อน BKCคิมม่อน BKC

แล้วความรักในเสียงเพลง ทำให้หนุ่มๆ ตั้งเป้าหมายอะไรในฐานะศิลปิน ?

บาส : ตอนนี้ผมทำวงด้วย วงดนตรีอัลเทอร์เนทีฟ ก็ไม่เรียกว่าอัลเทอร์เนทีฟหรอกเพราะเหมือนที่พี่คอปพูดว่าสุดท้ายเราชอบทำอะไร เราก็จะทำออกมา ถ้าเราโอเคก็จะปล่อยออกมา มันก็แล้วแต่แนว เพลงนี้เหมาะกับอะไรมากกว่า ปลายทางผมอยากเป็นศิลปินที่ถูกยอมรับ เราได้มองว่าจริงๆ เราผ่านอะไรมาเยอะ เราฝึกฝน ฝึกซ้อม แบบบางทีจะมีคำว่านักแสดงที่มาร้องเพลง แต่วันนี้เราขึ้นเวทีไป เราไปในฐานะศิลปิน ความรู้สึกมันต่างกันเลย บางทีเรามีความตั้งใจ แต่บางครั้งคนข้างล่างมองเราเป็นนักแสดง เขาไม่เห็นความตั้งใจของเรา อยากให้เปิดการมองเห็น และตัวเราเองก็ต้องพิสูจน์ให้เขาดู แบบผมก็ทำวงเอง เขียนเพลงเอง ทำทุกอย่างเอง ก็หวังว่าจุดสูงสุดแบบ Bodyslam ครับ 

คอปเตอร์ : ปลายทางผมอยากให้คนจำผมในฐานะโปรดิวเซอร์คนหนึ่ง ผมชอบทำงานเบื้องหลังมากกว่าเบื้องหน้ามากๆ เลย และทำเรื่อยๆ ทำอยู่เรื่อยๆ ถ้าได้จุดนั้นก็ดี 

คิมม่อน : ผมอยากทำอะไรก็ได้ที่มีความสุข ผมไม่ได้มีอะไรตายตัว ขอให้มีคนฟัง อยากฟังผลงานเราอยู่ ขอให้ได้ทำงานกับคนที่เรารัก ก็มีความสุขแล้ว ไม่ได้มีเป้าหมายอะไร แต่ที่สำคัญสุดต้องมีตังค์ครับ (หัวเราะ)

PHOTO By Thanapol W.

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ

อัลบั้มภาพ 27 ภาพ ของ คุยกับ BKC ถึงเชื้อเพลิงความรักที่ทำให้พวกเขาไม่ใช่ “นักแสดงที่ร้องเพลง”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook