“อีซองซู” CEO SM ยัน “อีซูมาน” เลี่ยงภาษี-ยัดเยียดเนื้อเพลงให้ aespa จนต้องเลื่อนคัมแบ็ค | Sanook Music

“อีซองซู” CEO SM ยัน “อีซูมาน” เลี่ยงภาษี-ยัดเยียดเนื้อเพลงให้ aespa จนต้องเลื่อนคัมแบ็ค

“อีซองซู” CEO SM ยัน “อีซูมาน” เลี่ยงภาษี-ยัดเยียดเนื้อเพลงให้ aespa จนต้องเลื่อนคัมแบ็ค
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในวิดีโอความยาว 28 นาทีของ อีซองซู (Lee Sung Su) ซีอีโอของ SM และหลานของอีซูมาน (Lee Soo Man) อดีตผู้ก่อตั้ง เล่าหมดเปลือกถึงการได้ส่วนแบ่งกำไร ชักจูงคนในบริษัทให้สนับสนุนตัวเอง และยัดเยียนคำที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนลงไปในเพลงของ aespa จนสุดท้ายต้องเลื่อนวันคัมแบ็ค

หลังจากที่มีข่าว HYBE เข้าซื้อหุ้นของอีซูมานจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ SM โดยที่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายๆ สำนักต่างคาดเดาว่าเป็นการตอบโต้หลานชาย อีซองซู ที่เตรียมยึดอำนาจของอีซูมานเบ็ดเสร็จและตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างอีซูมานและ SM ด้วยการดึง Kakao เข้ามาร่วมถือหุ้นจน Kakao กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสอง

การตอบโต้ของ อีซองซู ในครั้งนี้ คือการโพสต์วิดีโอความยาวกว่า 28 นาทีลง YouTube ของตัวเอง บางประเด็นที่มีการพูดถึงคือ

  • ส่วนแบ่งกำไร และตั้งข้อสงสัยว่าหลีกเลี่ยงภาษี

อีซองซูเล่าว่า อีซูมานเป็นเจ้าของบริษัท Like Planning บริษัทโปรดักชั่นในเกาหลี และก่อตั้ง CT Planning ที่เป็นบริษัทในลักษณะเดียวกันที่ฮ่องกง อีซูมานเปลี่ยนโครงสร้างสัญญาตัวแทนในการจัดจำหน่ายเพลงไปยังร้านค้าในรูปแบบต่างๆ ของ WayV, SuperM และ aespa โดยให้บริษัทในจีนและอเมริกา รวมถึงบริษัท CT Planning ของตัวเองได้เข้าไปดูแลใรธุรกิจนี้ด้วย

ตามปกติเมื่อได้กำไรมา ทาง SM และทุกบริษัทจะสรุปตัวเลขกันก่อนที่จะแบ่งสันปันส่วนกำไรให้กับทุกบริษัทตามความเหมาะสม ซึ่งบริษัท Like Planning ของอีซูมานควรได้รับกำไรในสัดส่วน 6% หลัง

จากมีการสรุปตัวเลขเป็นที่แน่นอนแล้ว แต่อีซองซูเล่าว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือ อีซูมานรับกำไรจาก Like Planning จำนวน 6% ก่อนที่ทาง SM และบริษัทต่างๆ จะสรุปตัวเลขเสร็จ

อีซองซู ตั้งข้อสงสัยว่า การที่อีซูมานทำอย่างนี้ อาจเกี่ยวข้องกับการพยายามเลี่ยงภาษี

และแม้ว่าอีซองซูจะประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับอีซูมานทั้งหมดแล้ว (SM กับ Like Planning ไม่ได้ทำงานด้วยกันแล้ว) แต่บริษัทต่างประเทศของอีซูมานอย่าง CT Planning ยังคงอยู่และทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้าต่างๆ ในต่างประเทศอยู่ดี โดยอีซองซูตั้งข้อสงสัยว่า ไม่แน่ใจว่า HYBE รู้เรื่องราวในส่วนนี้หรือไม่


  • ทิ้งคำสั่งหลังออกจาก SM

อีซองซูเล่าว่า แม้ว่าอีซูมานจะหมดสัญญากับ SM ไปนานแล้วตั้งแต่ปลายปี 2022 แต่ก็ยังไม่ถึงยุคใหม่ของ SM เสียทีเดียว เพราะอีซูมานยังฝากฝังให้อีซองซูทำตามคำสั่งบางอย่างจากเขาอยู่ (มีบางส่วนของคลิปเสียงของอีซูมานในคลิปด้วย) เช่น

  • ให้สื่อประโคมข่าวว่าศิลปินในค่ายต้องการอีซูมาน
  • ปลุกปั่นให้พนักงานเชื่อว่าค่าย SM ยังต้องการอีซูมานอยู่
  • อัลบั้มและศิลปินที่ไปโปรโมตที่ต่างประเทศ ต้องเซ็นสัญญากับบริษัท CT Planning ของอีซูมาน
  • ทำให้คนในบริษัทเชื่อว่า หากไม่มีอีซูมาน บริษัทก็ทำกำไรไม่ได้ จึงให้พยายามหาทางลดกำไรให้น้อยลงให้ได้ในช่วง 3 เดือนแรกของปี
  • หลังจากผลงานที่เตรียมเอาไว้เสร็จแล้วในเดือนธันวาคม 2022 ได้ปล่อยออกมาหมดแล้ว ให้ชะลอการปล่อยผลงานใหม่ที่เตรียมจะปล่อยในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม เป็นเดือนเมษายนแทน
  • ฯลฯ

อีซองซูเล่าว่า อีซูมานมีโปรเจกต์ส่วนตัว เช่น การก่อสร้าง “เมืองสื่อบันเทิงอัจฉริยะ” หรือ “เมืองดนตรี” และมีแผนจะสร้างเทศกาลดนตรี K-POP ที่โปรโมตความยั่งยืนและการปลูกต้นไม้ อีซองซูกล่าวว่า อีซูมานอยากให้ศิลปินในค่ายช่วยโปรโมต “โลกของอีซูมาน” ในหลายๆ ประเทศทั่วโลก

นอกจากนี้ อีซองซูยังเล่าถึงการคัมแบ็คของ aespa ด้วยว่า แผนแรกตั้งใจให้ aespa คัมแบ็ควันที่ 20 ก.พ. ก่อนคอนเสิร์ตแรกของพวกเธอในวันที่ 25-26 ก.พ. แต่การคัมแบ็คถูกเลื่อนเพราะอีซูมานดื้อดึงที่จะขอให้ทีม A&R และโปรดิวเซอร์ยูยองจินใส่เนื้อเพลงที่เกี่ยวกับความยั่งยืน และการปลูกต้นไม้ เช่น “แค่เพียงความยั่งยืน”, “ลดลงอย่างน้อย 1 องศา”, “ดำรงอยู่ร่วมกัน”, “ทฤษฎีสีเขียว” และ “ปลูกต้นไม้” ซึ่งเป็นคำที่ไม่เกี่ยวข้องกับ K-POP เลย และไม่เข้ากับคอนเซ็ปต์ของ aespa ทีมคอนเทนต์ทำงานต่อลำบาก และอีซองซูยังบอกอีกว่าจากเรื่องนี้ทำให้สาวๆ aespa ร้องไห้ด้วยความโกรธอีกด้วย สุดท้ายอีซองซูและ COO จึงตัดสินใจเลื่อนคัมแบ็คของ aespa ออกไปก่อน และตอนนี้กำลังเตรียมเพลงใหม่กันอยู่

ทั้งนี้ อีซองซูยังกล่าวอีกว่า จะมีการโพสต์วิดีโอตัวที่ 2 ที่เป็นคลิปเสียงการสนทนาระหว่างอีซองซูกับบังชีฮยอกจาก HYBE ที่คุยกันเมื่อวันที่ 10 ก.พ. 2023 ที่ผ่านมา

หลังจากที่วิดีโอของอีซองซูปล่อยออกมา แหล่งข่าววงในวงการดนตรีเผยว่า อีซูมานได้เห็นบทความที่พูดถึงวิดีโอตัวนี้แล้ว และเขาพูดออกมาว่าเขาหัวใจสลาย “ผมเฝ้ามองเขามาตั้งแต่เขาอายุ 4 ขวบเพราะเขาเป็นหลานของภรรยาผู้ล่วงลับของผม เขาเข้ามาใน SM ตอนอายุ 19 และเริ่มจากการจัดการแฟนคลับ เขาเป็นหลานที่มีจิตใจดีที่เติบโตมาในครอบครัวที่มีพ่อเป็นบาทหลวง สิ่งนี้ทำผมเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน”

คอมเมนต์บางส่วนจากชาวเน็ตที่มีต่อเรื่องนี้ ระบุว่า

  • ศิลปินและทีมงานไม่ควรต้องมาเจอกับเรื่องอะไรแบบนี้
  • ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ขออย่าให้ศิลปินใน SM ต้องสูญเสียตัวตนของตัวเองไปเลย
  • ฉันไม่ได้อยู่ข้างใครทั้งนั้น ฉันอยู่ข้าง SM ขอให้ SM ผ่านเรื่องนี้ไปได้ด้วยดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook