พนักงาน SM กว่า 208 คนแสดงจุดยืนหลัง “อีซูมาน” ขายหุ้นให้ HYBE
วันที่ 17 ก.พ. พนักงาน SM กว่า 208 คนประกาศคำแถลงการณ์ เพื่อแสดงความคิดเห็นและจุดยืนต่อบริษัทหลังข่าว “อีซูมาน” ขายหุ้นของ SM ให้ HYBE
จดหมายแถลงการณ์จากพนักงาน SM ระบุว่า
“หลังจากที่อดีตหัวหน้าโปรดิวเซอร์อีซูมานอยู่ในช่วงอันตรายจากการถูกเปิดโปงว่ามีการเลี่ยงภาษีเกิดขึ้น แล้วเขาก็ขายหุ้นให้กับบริษัทคู่แข่งที่เขาเคยวิพากษ์วิจารณ์ถึง ก่อนจะหนีไป
พวกเราสมาชิกของ SM ถูกใช้ให้มีส่วนร่วมไปกับการกระทำของอดีตหัวหน้าโปรดิวเซอร์อีซูมานในการทำสิ่งผิดกฎหมายอย่างการฉ้อโกงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของเขาและการเลี่ยงภาษี พวกเราจึงไม่อาจถูกใช้ให้เข้าไปมีส่วนร่วมกับการกระทำอันผิดกฏหมายและการเอาผลประโยชน์ของ HYBE ได้อีก แม้ว่าจะเป็นช่วงก่อนที่เราจะเริ่มโปรเจกต์ SM 3.0 ก็ตาม
ดังนั้น พวกเราพนักงานประจำของ SM Entertainment จำนวน 208 คนจึงเผยแพร่แถลงการณ์ฉบับนี้เพราะเราไม่สามารถข่มความโกรธต่อการสมรู้ร่วมคิดอันผิดกฎหมายของอดีตหัวหน้าโปรดิวเซอร์อีซูมาน และ HYBE ได้
- เราจะปกป้องความหลากหลายของวัฒนธรรม K-POP และตัวตนที่แตกต่างของ SM เอาไว้ เราขอประกาศว่าวัฒนธรรมของ SM ไม่ควรอยู่ภายใต้บริษัท HYBE
- เราสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นและอยู่เคียงข้างซีอีโออีซองซู และซีโอโอทัคยองจุน ทั้งการประเมินและแผนงานการผลิตอันหลากหลายของโปรเจกต์ SM 3.0 เรายังต้องการการปกป้องที่หนาแน่นมากขึ้นต่อศิลปินและแฟนๆ ของพวกเราไม่ให้ถูกทำร้าย
- เราขอต่อต้านการเป็นถูกควบรวมเข้ากับ HYBE รวมถึงการพยายามเข้ามาอยู่ในบอร์ดบริหารของ HYBE เราขอต่อต้านการพยายามเข้ามาควบคุม SM ของ HYBE ด้วยการกระทำที่ผิดปกติ
‘อีซูมานทอดทิ้ง SM และชาว Pink Blood และหนีไป แต่เราจะยังคงอยู่ที่ Seoul Forest เพื่อปกป้อง SM และชาว Pink Blood เอง’
จาก พนักงานประจำ จำนวน 208 คนของ SM Entertainment”
โดยก่อนหน้านี้ HYBE เข้าซื้อหุ้นของอีซูมานจนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ที่สุดของ SM โดยที่ผู้เชี่ยวชาญจากหลายๆ สำนักต่างคาดเดาว่าเป็นการตอบโต้หลานชาย อีซองซู ที่เตรียมยึดอำนาจของอีซูมานเบ็ดเสร็จและตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างอีซูมานและ SM ด้วยการดึง Kakao เข้ามาร่วมถือหุ้นจน Kakao กลายเป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่เป็นอันดับสอง
อีซองซูออกมาตอบโต้อีซูมานและ HYBE ด้วยการปล่อยคลิปวิดีโอความยาว 28 นาที พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าอีซูมานพยายามเลี่ยงภาษี ชักจูงคนในบริษัทให้สนับสนุนตัวเอง และยัดเยียดคำที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนลงไปในเพลงของ aespa จนสุดท้ายต้องเลื่อนวันคัมแบ็ค