คุยกับ ROOFTOP ถึงจุดเริ่มต้นที่ถูกเมิน สู่การเดินทางเกิน 10 ปีจนกล้าเรียกตัวเองว่า "ศิลปิน"

ท่ามกลางวงดนตรีรุ่นใหม่ที่เกิดในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ROOFTOP ถือเป็นวงดนตรีที่มีเส้นทางชีวิตที่สมบุกสมบันสุดๆ เพราะหลังจากที่ฟอร์มวงหลังเรียนจบจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนมีเพลง "บิน" กับค่าย Spicydisc 2 สมาชิกก็ได้ลาออก จน  บี๊บ-ศิรสัณห์ หอวิจิตร (ร้องนำ) โก้-วศิน อัศวนฤนาท (กีตาร์) ต้องใช้เวลาตั้งหลักถึง 2 ปี และใช้เวลา 6 ปีถึงมีเพลงฮิตอย่าง “คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน” และหลังจากฟอร์มวง 12 ปี และปล่อยซิงเกิลแรกกับ Spicydisc 9 ปี ถึงมีคอนเสิร์ตใหญ่ ROOFTOP How Long Concert ซึ่งจัดขึ้นวันที่ 19 มีนาคม 2023 ณ Lido Conncet Hall 2

เนื่องด้วยโอกาสที่พวกเขามีคอนเสิร์ตใหญ่ ทำให้ Sanook Entertainment ขอคว้าตัวพวกเขามาเป็น Artist of The Month ประจำเดือนมีนาคม เพื่อพูดคุยเรื่องราวการปรับแนวคิดผ่านวันที่ต้องแยกตัวเพื่อนร่วมวง การร่วมงานกับ 3 โปรดิวเซอร์อย่าง เป้ MVL (บดินทร์ เจริญราษฎร์), ก้อ-ณฐพล ศรีจอมขวัญ และ แทน Lipta (ธารณ ลิปตพัลลภ) มาจนถึงการเปลี่ยนแนวจากป็อปร็อคสู่ป็อปที่มีจังหวะ ไปจนถึงเป้าหมายและประเด็นอย่างการมองข้ามความสามารถเพราะหน้าตา หรือ Beauty Privilege ซึ่งนอกจากเรื่องราวเข้มข้นแล้ว ทั้ง 2 ยังแฝงความอารมณ์ดีในคำตอบ 

ROOFTOP

ROOFTOP เป็นวงที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงสมาชิกทันทีหลังปล่อยเพลงแรก เราปรับ Mindset อย่างไรก่อนกลับมาทำงานต่อ ?

ROOFTOP : ตอนที่รู้ 2 คนจะไป คือปีแรกเลย ก็ตัดสินใจคุยกัน แต่แนวคิดในการเดินต่อคือเรารักดนตรี เราขาดสิ่งนี้ไม่ได้ เรายังรักอยู่เลยไปต่อ ตอนปล่อยเพลง “บิน” ก็มีทัวร์ แต่ 2 คนบอกจะออก ตอนจบทัวร์ยังตลกกันอยู่เลย ตอนทำเพลง “เครื่องช่วยหายใจ” (ซิงเกิล 2) หาโปรดิวเซอร์ไม่ได้ เพราะไม่มีใครอยากร่วมงานด้วย คนก็แบบ "Rooftop ใคร? โก้ วศิน ที่เป็นดารา?" เลยได้พี่เป้ MVL มารับเหมาเป็นโปรดิวเซอร์ และตอนทำ “เครื่องช่วยหายใจ” คือบี๊บอัดร้องไม่ผ่าน เป็นครั้งแรกที่อัดไม่ผ่าน พี่เป้ก็บอกเป็นครั้งแรกที่อัดร้อง 3 ครั้งไม่ผ่าน และแกก็เครียดเดินออกจากห้องอัดไปเลย เศร้ามาก ก็ไปเรียนร้องเพลงปรับตัวเองเยอะมากครับ 

วง ROOFTOP เป็นวงที่ได้ทำงานกับโปรดิวเซอร์ตัวท็อปถึง 3 คน การทำงานแตกต่างอย่างไร ? 

ROOFTOP : แต่ละคนเป็นอาจารย์ครับ มีวิธีสอนตัวรูปแบบตัวเอง พี่เป้เป็นคนมุ่งมั่นกับงาน เป็นผู้นำ เป็นตัวอย่างให้ดู ได้จากพี่เป้เยอะมาก ดนตรีพวกเราจะเป็นการอินตามยุค พอยุคพี่ก้อ ก็มีความพิเศษพอปล่อยเพลงออกมาแล้วเหงากว่าเดิม พอเหงาก็ไม่มีใครร่วมงานด้วย ก็เลยแต่งกันเอง พี่โก้ก็แต่งได้ เราก็แบบเอาวะ ก็มีเพลง “แวะ” และ “แค่เพียงบอก” ส่งให้ค่ายก็ผ่าน ก็ได้พี่ก้อและ บี Funky Wah Wah (วิรัตน์ถิรภัทธ์ ชินนภาแสน) เพลงก็เป็นตัวตนเราตอนนั้น วิชาจากพี่ 2 คนนี้ คือวิชาศิลปิน เขาให้พื้นที่เราเยอะมาก เพราะเพลงนี้เราแต่งเองด้วย จะไม่บังคับ ให้เป็นตัวเองเต็มที่ ให้เป็นตัวเองตอนร้อง พวกเราก็มีความสุข อย่างเพลง “แวะ” เสียงทรัมเปตเราก็เป็นคนบอกว่าอยากได้ และเขาก็ทำให้ เป็นตัวเองกันเต็มที่ และมาถึงพี่แทน พี่โก้ก็ไปเล่นเอ็มวีให้พี่เขาไว้ แต่บอกว่าไม่เอาค่าตัวนะ แต่ขอให้ทำเพลงให้เพลงหนึ่ง ซึ่งพี่แทนก็เป็นคนจัดระเบียบวงต่อยอดในสิ่งที่เราทำและตลาดตอนนั้น รวมถึงวางคาแรคเตอร์ อย่าง “แค่เพียงบอก” กับ “แวะ” จะมีความสองแง่สองง่ามอยู่ มีความทะลึ่ง เขาก็บอกว่า “หน้าตาแบบพวกแก ไปพูดแบบนั้นคนจะมองว่าคิดจริง ต้องหน่อมแน้มและแอบรัก ต้องหน่อมแน้มหน่อย” พี่แทนก็วางคาแรคเตอร์จนได้เพลง  “คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน” 

ROOFTOP

หลายๆ ศิลปินที่ลุคโดดเด่น มักโดนมองข้ามความสามารถ ทั้ง 2 รับมือด้วยมุมมองแบบไหน ? 

โก้ : ไม่ค่อยเจอเพราะเพลงไม่ดัง (หัวเราะ) คนเลยไม่รู้ว่าทำเพลงด้วยเหรอ แต่พอเริ่มมีคนรู้จัก อย่างของผมคนที่ดูละครและฟังเพลงก็คนละกลุ่ม เลยไม่เคยเจอ

บี๊บ : โก้เขามาในฐานะมือกีตาร์ ไม่ได้จับไมค์ร้อง เขาออกไปเล่นจริงๆ แล้วเขาแต่งเพลงเองด้วย เขามาทำด้วยอินเนอร์ตัวเอง และเพลงไม่ดัง (หัวเราะ) ของบี๊บก็เจอเรื่องหน้าตาเรื่อยๆ แต่ไม่เยอะเพราะเพลงไม่ดัง (หัวเราะ) เราเข้าใจว่า Beauty Privilege มันมี แต่เรามองเป็นข้อดีแล้วกัน ไม่มองว่าเสีย เพราะวงการนี้อะพิสูจน์ด้วยเพลง จะหล่อแค่ไหนแต่เพลงไม่มา ก็ไม่ดัง สุดท้ายวงการนี้พิสูจน์กันด้วยเพลงครับ 

วิธีการทำงานของวง ROOFTOP เป็นอย่างไร ในแต่ละเพลงอย่างไร ?

บี๊บ : มีหลายแบบมากครับ แต่หลังๆ เนื้อเรื่องที่อยากสื่อมาจากบี๊บ และโก้จะทำงานกับโปรดิวเซอร์ ทำเพลงให้เป็นเมโลดี้เนื้อร้อง ขึ้นฮุคด้วยกันและแต่งเวิร์สต่อ และมาวางดนตรีท่อนๆ ต่างๆ ด้วยกัน ก่อนหน้าคือเละเทะเพราะพวกเราไม่ได้แต่งกันเองจริงๆ ตอนพี่เป้ไม่ได้แต่งเอง ตอน “แค่เพียงบอก” กับ “แวะ” ก็แต่งเองแต่ยังไม่รู้ดนตรี จนมาพี่แทนก็ค่อยเซ็ตรูปแบบ เราดีใจมากที่ได้พี่ๆ มาร่วมงาน เพลงล่าสุดก็ได้พี่ แม็ค-ศรัณย์ วงศ์น้อย มาช่วย และพี่ หนึ่ง ETC. (อภิวัฒน์ พงษ์วาท) มาร้องคอรัสแต่ไม่ได้เจอตัวนะครับ แต่ดีใจที่ผลงานที่ชื่อพี่เขาอยู่ แค่นี้ก็ดูพรีเมี่ยมมาก 

ยังมีศิลปินคนไหนที่อยากทำงานด้วยไหม ? 

โก้ : พี่ รัฐ Tattoo Colour (รัฐ พิฆาตไพรี) กับพี่ แมว-จิรศักดิ์ ปานพุ่ม ฝากบอกผ่านสื่อก็อยากให้ไปถึงพี่เขาสักที 

บี๊บ ROOFTOP

วง ROOFTOP เป็นวงที่มีการเปลี่ยนแปลงเยอะมาก เรานิยามแต่ละยุคของวงอย่างไร ทำไมช่วงหลังๆ เราเห็นความเป็นฮิปฮอปเยอะขึ้น ?

โก้ : แนวเพลงเรี่ยราดครับ (หัวเราะ) ถ้าพูดดีๆ คือหลากหลายแนว แต่เอาจริงๆ ก็เรี่ยราดครับ (หัวเราะ) 

บี๊บ : มันเป็นความชอบของเรา เป็นคำถามที่งงทุกครั้งว่าจะตอบอย่างไร เพราะไม่รู้เหมือนกัน มันเป็นความอินตอนนั้น ก็จะเป็นความอินและคำนวนจากตลาด เราจะต้องทำสองอย่าง ต้องเสิร์ฟผู้ฟังและตัวเอง ซื่อสัตย์กับมัน ส่วนเรื่องฮิปฮอป คือสีสันที่เข้ามามันเหมาะกับเรา กับความเป็นป็อปที่มีจังหวะ พอใส่ฮิปฮอปไปมันก็ไม่เลี่ยน และพี่โก้ก็แต่งฮิปฮอปเก่ง เขาอินกับสิ่งนี้ 

โก้ : เวลาจะฟีทเจอริ่ง ศิลปินที่ต่างแนว มันก็ควรจะเพิ่มความพิเศษ ถ้าเอานักร้องนำที่เสียงคล้ายบี๊บ อาจจะไม่ได้ต่างอะไร

เมื่อปี 2020 ROOFTOP มีเพลง “คนเราจะแอบรักใครสักคนได้นานแค่ไหน” ซึ่งเป็นเพลงที่ถูกรู้จักในวงกว้าง การมีเพลงฮิตมันปลดล็อคอะไรเราบ้าง ? 

โก้ : ปลดล็อคคุณเลย ชีวิตคุณดีมากเลย 

บี๊บ : มันเยอะมากเลย ผมว่าหลายๆ ศิลปินจะเข้าใจว่าถ้ามีเพลงที่ Break Through เป็นที่รู้จัก มันจะต่อยอดได้ง่ายแบบเป็นประตูบานแรก รู้สึกว่าเข้าวงการดนตรีจริงๆ คือก่อนหน้าเป็นเด็กทำเพลง งานก็ไม่มี แต่ตอนนี้มันมีแล้ว มันก็เป็นก้าวแรกในวงการดนตรี ได้เรียกตัวเองเป็นศิลปินจริงๆ คือรอมา 8 ปี คือจริงๆ นานกว่านั้นเพราะมีความฝันตั้งแต่มัธยม ก็เป็น 10 ปีกว่าจะรู้สึกว่าเป็นศิลปินจริงๆ 

การมีเพลงฮิต ทำให้เรามีงานมากขึ้น เราเตรียมตัวการโชว์อย่างไร ในแต่ละงาน ? 

บี๊บ : จริงๆ เราก็ยังไม่ได้ทัวร์เยอะแบบวงที่ดังสมัยนี้ เพราะโควิด-19 มันเหมือนจะมีงานแล้ว แต่ก็โควิด-19 ก็ยังไม่ได้ทัวร์เก่งเหมือนวงน้องๆ สมัยนี้ที่อาจจะมาดังช่วงนี้แล้วมี 20 งานต่อเดือน แต่ก็มีข้อดีที่เราไม่ได้เล่นแล้วไม่มีจุดพักหายใจ เราได้พัฒนาโชว์ เราไปเล่นก็มีโควิด-19 เราก็จะพัฒนาโชว์ใหม่ หาเพลงมาเพิ่ม เราอยากเล่นทุกงาน ความฝันคือเราอยากเล่นได้ทุกที่ เป็นวิธีคิดคืออยากเล่นได้ทุกที่ ผับแบบนี้ก็เล่นได้ ที่ห้างเราก็เล่นได้ เฟสติวัลก็เล่นได้ อยากเล่นให้ทุกที่คนสนุกได้ ตอนไปแสดงที่อังกฤษเราก็เปลี่ยนร้านให้เป็นผับ เราก็ทำเซ็ทลิสต์ให้เป็นเพลงโยกอย่างเดียว เอนเตอร์เทน 100% ครับ 

ROOFTOP เป็นวงที่เอนเตอร์เทนตลกมาก อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราสองคนคลิกกันเร็วแบบนี้ ? 

บี๊บ : สำหรับบี๊บ บี๊บว่าไม่นะ พี่โก้อะโบ๊ะบ๊ะอยู่แล้ว เพราะเป็นพิธีกร อยู่วงการมานาน ก็หล่อด้วยเจอกล้องไม่อาย มาดดี ซึ่งบี๊บก็เรียนรู้จากเขาเยอะ มาเจอกันเยอะ

โก้ : เขาก็พยายามแบบอยากจะทันมุก จะมีช่วงแรกๆ ที่เกือบๆ แล้วแต่ไม่ได้ ก็ซ้อมและฝึก จนไปๆ มาๆ หลังๆ เขาก็ชินของเขาเองครับ 

โก้ ROOFTOP

จุดเริ่มต้นคอนเสิร์ต ROOFTOP How Long Concert คืออะไร แล้วแฟนๆ จะได้เห็นอะไรบ้าง ตื่นเต้นกันขนาดไหนในตอนนี้ 

บี๊บ : ค่ายมาถามว่าอยากมีคอนเสิร์ตของตัวเองไหมนานมาแล้ว แต่เราไม่คิดว่าเราถึงจุดนั้น แต่ไปๆ มาๆ บิ๊บมองว่า มันเป็นการสื่อสารกับแฟนเพลง เหมือนการสิ้นสุดการรอคอยว่าเราได้เดินทางจริงๆ สักที การปิดอัลบั้มแรกคือการบอกทุกคนว่าขอบคุณมากที่เดินทางด้วยกันมา 12 ปี เราพร้อมเดินทางแบบศิลปิน เลยเป็นคำว่า How Long ที่รอมา 12 ปี งานก็จะเละเทะ ก็จะมีซาวด์เช็กที่บัตรใกล้หมดแล้ว ก็อาจจะมาเจอกันชุดนอน ต่อด้วย Opening Act และเป็นคอนเสิร์ต ROOFTOP เพลงทั้งหมดของรถและเกสต์ หลังจากนั้นก็จบคอนเสิร์ต เราก็เป็นวงป็อปสายขี้เมา มี After Party เปิดผับกันเลย  

สุดท้ายนี้เราอยากให้ โก้ บิ๊บ ROOFTOP ถูกจดจำอย่างไรในฐานะศิลปิน 

บี๊บ : สำหรับบี๊บอยากให้จำแค่ว่าเราคือคนสองคนที่รักดนตรีเท่านั้นเองครับ ไม่ต้องยิ่งใหญ่อะไร ไม่ได้เก่ง แต่อยากให้คนจำว่าเราคือคนรักดนตรีมากๆ เลยอะ มันจริง และมันเพียว และอยากให้ทุกคนเจอความรักแบบนี้ในการทำงานเหมือนกัน

โก้ : ผมอยากให้คนนึกถึงว่าสองคนนี้ไปโผล่ที่ไหนมันสนุกทุกครั้ง มันเอนเตอร์เทน มีรอยยิ้มเสียงหัวเราะ ถ้าเป็นคนที่โตกว่าก็อาจมองว่าเด็กสองคนนี้มัน มันจังไรดีนะ (หัวเราะ) น้องๆ ก็อาจมองว่าพี่เขาเฟรนด์ลี่ ไม่ถือตัว สนุก มองไปในความสนุก เหมือนเว็บ Sanook (หัวเราะ) 

ROOFTOP

และในช่วงท้าย ทาง Sanook ได้สอบถามถึงเป้าหมายต่อไป ซึ่งพวกเขาเผยว่า "ความตั้งใจคือเรื่อยๆ เลยครับ ปีนี้ก็วางซิงเกิล 4 โปรเจกต์อีก 1 ปีหน้าอีก 4 เพลง มันถึงเวลาที่เราต้องจริงจังแล้ว ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้ไม่จริงจัง แต่คือเดี๋ยวนี้มีแพลนแล้วนะ ทำได้จริง ก่อนหน้านี้มันไม่มีอะไรเราเลยต้องขอโปรเจกต์ แต่ตอนนี้มีโปรเจกต์เป็นของตัวเองก็ลุยแหลกราญครับ" 

Photo : Ditsapong K.