รีวิวคอนเสิร์ต Harry Styles จัดจ้าน ครบเครื่องทุกอย่างที่ควรมีในคอนเสิร์ต

รีวิวคอนเสิร์ต Harry Styles: Love on Tour in Bangkok 2023 ที่ครบสูตรทุกอย่างที่ดีที่ควรมีในคอนเสิร์ต ศิลปิน ดนตรี เอนเตอร์เทน แสงสีเสียง สนุกทุกช่วงนาทีของโชว์จริงๆ

ส่วนตัวสำหรับเราเป็นครั้งที่ 3 แล้วที่ได้ชมคอนเสิร์ตในฐานะศิลปินเดี่ยวของ Harry Styles จาก Live on Tour เมื่อช่วงปี 2017-2018 มาถึง Love on Tour ที่คราวนี้ Harry Styles เลือกจัดคอนเสิร์ตในสเกลสเตเดี้ยม และจิ้มกรุงเทพเมืองคอนเสิร์ตเป็นที่แรกของเอเชียทัวร์

11 มีนาคม 2023 ณ ราชมังคลากีฬาสถาน กับคอนเสิร์ต Harry Styles: Love on Tour in Bangkok 2023 จัดโดย Live Nation Tero เหล่าแฟนเพลงที่แต่งตัวจัดเต็มทั้งขนนกและเลื่อมแพรวพราวตบเท้าเดินเข้างานกันอย่างคึกคัก 20.15 น. คอนเสิร์ตเริ่มต้นด้วย “Music for a Sushi Restaurant” ชื่อเพลงแสนแปลกแต่เป็นของดีที่เหมาะกับการเปิดคอนเสิร์ตมากๆ และยังเป็นเพลงเปิดอัลบั้มล่าสุด Harry’s House ด้วย แฟนๆ เริ่มโยกตัวตามเพลงอุ่นเครื่องกันเบาๆ ก่อนจะไปต่อกันที่ “Golden”, “Adore You” ผลงานในอัลบั้มก่อนหน้านี้อย่าง Fine Line ก่อนจะกลับมาที่อัลบั้มล่าสุดอีกครั้งด้วย “Keep Driving” และ “Daylight” ที่ค่อยๆ ดึงจังหวะให้ช้าลง เพื่อเข้าสู่ “Woman”, “Little Freak” ที่เราเชื่อว่าหลายๆ เพลงได้ฟังสดๆ จะชอบมากกว่าฟังเพลงอยู่ที่บ้านแน่นอน

Harry Styles ทักทายแฟนๆ เป็นภาษาไทย “สวัสดีครับ”, “ส่งเสียงหน่อย”, “ขอบคุณครับ” ก่อนจะกล่าวขอบคุณที่ทำให้เขาได้กลับมาแสดงคอนเสิร์ตที่กรุงเทพอีกครั้ง พร้อมทั้งบอกว่า “หน้าที่ของผมคือการเอนเตอร์เทนคุณ คุณมีหน้าที่แค่สนุกไปกับโชว์ให้ได้มากที่สุด” เท่านี้เราก็รู้ได้เลยว่าคืนนี้ต้องได้พลังบวกกลับไปบ้านเต็มๆ แน่นอน

กำลังเพลิดเพลินกับห้วงเพลงอบอุ่น Harry ค่อยๆ ดึงจังหวะให้เร็วขึ้นเล็กน้อยด้วย “Satellite” และ “Cinema” ก่อนจะพาไปกระโดดโลดเต้น ตะโกนร้องเพลงตามกันดังๆ กับ “Treat People With Kindness” และ “What Makes You Beautiful” เพลงเก่าเพลงเก่งที่มาทุกทัวร์จากวง One Direction และปิดท้ายคอนเสิร์ตด้วย “Late Night Talking”, “Watermelon Sugar” และ “Love of My Life” และอังกอร์ก่อนไปกันจริงๆ ด้วยเพลงเปิดตัวในฐานะศิลปินเดี่ยวที่ทำให้ทุกคนรู้จัก Harry Styles จริงๆ อย่าง “Sign of the Times” เพลงดังล่าสุดที่ไม่มีใครร้องตามไม่ได้อย่าง “As It Was” และมันกันจนหยดสุดท้ายด้วยเพลงร็อคแอนด์โรลที่ต้องตะโกนร้องให้เสียงดังสุดๆ อย่าง “Kiwi”

ระหว่างโชว์ Harry Styles มีความเจนเวทีสูงมากเหมือนที่เคยเห็นมาก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาเก็บชั่วโมงบินในการแสดงสดตั้งแต่สมัยยังเป็นสมาชิกวง One Direction จนมาถึงการเป็น Harry Styles ที่ได้เป็นเฮดไลน์ Coachella ทำให้เขาสามารถเอนเตอร์เทนคนดูหลักหมื่นได้สบายๆ แบบไม่ต้องพยายามเลย ทั้งพูดภาษาไทย การชวนแฟนๆ พูดคุยอย่างเป็นกันเองตลอดทั้งโชว์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาที่ชอบอ่านป้ายต่างๆ ที่แฟนๆ ถือเข้ามา ซึ่งเป็นกันเอง ลื่นไหล และสนุกสนานมากและไม่ทำให้รู้สึกเบื่อจนอยากให้หยุดคุยเลย Harry สามารถดึงสมาธิให้แฟนๆ อยู่กับเขาได้ตลอดทุกนาที ฝีมือการเล่นดนตรีของวงแบ็กอัพก็ไม่ธรรมดา ยิ่งกว่า 80% เป็นผู้หญิงด้วยแล้ว ยิ่งน่าประทับใจ รวมถึงการร้อง กระโดด วิ่งไปทั่วเวทีตลอดการแสดงของ Harry Styles ทำให้รู้ได้เลยว่าเขาเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ตัวจริง

การจัดการของผู้จัดในการให้บริการผู้ชมเรือนหมื่นในด้านต่างๆ ห้องน้ำ ที่ฝากของ ร้านอาหาร จุดขาย official merchandise จุดปฐมพยาบาล จุดถ่ายภาพหน้าแบ็กดรอป ฯลฯ ถือว่าทำได้ดี คล่องแคล่วว่องไว ไม่ติดปัญหาใดๆ ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำให้บรรยากาศในการชมคอนเสิร์ตไม่มีสะดุดสักจุด (ขอบคุณที่ให้ถือน้ำเข้าไปในบริเวณคอนเสิร์ตได้ด้วย แม้ว่าจะต้องทิ้งฝาขวดไปก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าไม่มีน้ำดื่มในบรรยากาศที่ร้อนระอุ)

แม้ว่าเราจะแอบเสียดายที่บางท่อนเพลงที่ต้องขึ้นเสียงสูง อย่างใน “Adore You” หรือ “Sign of the Times” Harry เลือกที่จะร้องเสียงคีย์ต่ำแทนที่จะเป็นคีย์เสียงสูงตามปกติที่เพลงเป็น เลยอาจจะขัดอารมณ์นิดๆ แต่ก็แค่นิดเดียว ไม่ได้ส่งผลต่ออารมณ์ภาพรวมของเพลงมากนัก และเราเชื่อว่าการที่เขาต้องทัวร์คอนเสิร์ตมาตลอดตั้งแต่ปี 2021 และยังไม่จบ เขาจำเป็นต้องรักษาสภาพเสียง สภาพร่างกายให้อยู่เกณฑ์ดีถึงดีมากอยู่เสมอ การเลือกร้องเสียงต่ำในบางท่อนที่ต้องร้องเสียงเค้นสูงมากๆ อาจช่วยรักษาเส้นเสียงของเขาให้ยังใช้การได้ดีอยู่ตลอดจนจบทัวร์อันยาวเป็นปีๆ นี้ได้ นอกจากนี้ถ้าใช้พื้นที่กลางแจงของสเตเดี้ยมขนาดใหญ่อย่างราชมังฯ ได้อย่างคุ้มค่ากว่านี้ด้วยพลุสวยๆ สักสองสามดอกตอนเพลงท้ายๆ ก็น่าจะเพอร์เฟกต์เลยทีเดียว

ถึงกระนั้น เราก็ยังได้รับพลังจากการแสดงของ Harry Styles อย่างเต็มเปี่ยม จนดูจบต้องบอกตัวเองว่า “ทำไมเก่งขนาดนี้” และดูจะเก่งขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่ได้ดูคอนเสิร์ตของเขาด้วย

ที่อยากจะฝากไว้ถึงแฟนๆ แอบคิดว่าการโยนของไปให้ศิลปินในขณะที่ศิลปินกำลังตั้งใจแสดงอยู่บนเวทีค่อนข้างอันตราย เพราะอาจทำให้เขาไม่ทันระวัง ไม่ทันเห็น โยนโดนหน้าตา หรือเขาอาจจะเหยียบ สะดุดล้มได้เช่นกัน หากอยากโยนของขึ้นเวทีให้จริงๆ ควรรอเป็นจังหวะที่เขาหยุดการแสดงเพื่อพูดคุย หรือโยนให้ไกลๆ จากส่วนที่เขายืนหรือเดินอยู่จะดีกว่า

หวังว่าครั้งหน้าที่ชาวไทยจะได้ชมคอนเสิร์ตของ Harry Styles อีก เขาจะยังคงท็อปฟอร์มอย่างที่เราๆ ได้ดูโชว์ของเขามาโดยตลอดเหมือนเดิม และไม่ว่าจะเป็นทัวร์อัลบั้มไหน รับรองว่าแฟนๆ พร้อมร้องพร้อมเต้นตามเหมือนเดิมแน่นอน