รีวิวคอนเสิร์ต NCT DREAM น้องดรีมที่เติบโตมาอย่างดี กับการแสดงสดที่เอาอยู่ทุกด้าน

คอนเสิร์ต NCT DREAM พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า 7DREAM (สมาชิก 7 คน) คือดีที่สุด สกิลครบทั้งร้อง เล่น เต้น เอนเตอร์เทน และพร้อมที่จะเผยเสน่ห์ให้ทุกคนหลงรักได้ไม่ยาก

เป็นอีกหนึ่งคอนเสิร์ตที่แฟนๆ ซื้อบัตรกันไม่ทันจำนวนมากเหมือนเคย กับ NCT DREAM TOUR 'THE DREAM SHOW2 : In A DREAM' in BANGKOK ที่จัดขึ้นในวันที่ 10-12 มีนาคม 2023 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี โดย SM True กระแสต้อนรับร้อนแรงตามที่หลายๆ คนคาดการณ์ไว้ เพราะบัตรหมดเกลี้ยงกว่า 35,000 ที่นั่งทันทีที่เปิดขาย

รอบที่เราได้รับชมเป็นรอบของวันที่ 12 มีนาคม วันสุดท้ายของโชว์ 3 วัน ในคอนเสิร์ตเล่นตรงเวลาเป๊ะ 16.00 น. บนจอ NCT DREAM เปิดคลิปน่ารักๆ ที่เป็นสมาชิกคุยกันก่อนจะเปิดตัวจริงๆ บนเวที ปลุกพลังกันด้วย “Glitch Mode”, “Countdown (3, 2, 1)” และ “STRONGER” เต้นกันยับ ก่อนจะมาสนุกกันต่อกับ “Dreaming” และ “Déjà Vu” ที่แฟนๆ ตะโกนชื่อ “จงเฉินเล่อ” ตรงท่อนที่เฉินเล่อร้องว่า “내 이름을 불러줘 (한 번 더)” (เรียกชื่อของผมอีกครั้ง) ได้เสียงดังฟังชัดเลยทีเดียว

เข้าสู่ช่วงการแสดงเซ็ตแรกที่รวมเพลงรักของ NCT DREAM ตั้งแต่รักครั้งแรก ความรักจากไป และได้เริ่มต้นรักครั้งใหม่ “My First and Last”, “Bye My First…”, “Love Again” และ “To My First” ที่มีทั้งช่วงเต้นและช่วงนั่งร้องเพลงโชว์พลังเสียงสดๆ ชัดๆ ก่อนจะเริ่มการแสดงแยกยูนิต โดยเริ่มที่ยูนิตแรกกับสายโวคอล แฮชาน เหรินจวิ้น และ เฉินเล่อ ในเพลง “Sorry, Heart”

หลังจบเพลง เพื่อนๆ ในวงตามขึ้นมาสมทบ และเริ่มต้นเซ็ตที่ 2 กับเมดเลย์เพลงฟังสบายที่หลายๆ คนชอบอย่าง “Puzzle Piece”, “Chewing Gum”, “ANL”, “Dive Into You” และ “Irreplaceable” เซ็ตนี้ถือว่าเป็นเซ็ตที่เราชอบที่สุด เพราะนอกจาก NCT DREAM จะเดินเข้าไปหาแฟนๆ ใกล้ๆ แล้ว ยังได้ยินแต่ละคนร้องเพลงสดๆ ชัดๆ พร้อมกับดนตรีของเพลงที่เรียบเรียงใหม่ทั้งหมดอีกด้วย แม้ว่าแต่ละเพลงจะร้องแค่ครึ่งเพลง แต่เพลงต่อเพลงสมูธมากจนไม่ได้รู้สึกขัดใจแต่อย่างใด

พักกับ VCR น่ารักๆ เพลง “Drive” ก่อนจะช็อตฟีลตัดเข้ายูนิตแร็ป มาร์ค เจโน่ แจมิน และ จีซอง ในเพลง “Saturday Drip” ที่บอกเลยว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของโชว์นี้ แต่ละคนแร็ปกันดุเดือด โชว์เสน่ห์แพรวพราว พลุ confetti เอฟเฟกต์ใดๆ จัดเต็มหมด ก่อนที่สมาชิกอีก 3 คนจะปรากฏตัวบนเวทีพร้อมตัวเองนอนอยู่ในกล่องอะคริลิกใส เต้นอยู่สามมุมของเวที ซ้าย กลาง ขวา เป็นไฮไลต์ของโชว์อีกเพลงเช่นกัน หมดช่วงเซ็กซี่เย้ายวนใจที่ทำว่าทำได้ดีมากๆก็มาต่อกันด้วยเพลงสนุกๆ แนวดิสโก้เล็กๆ กับ “Better Than Gold” ที่ทุกคนเดินมาสวมเสื้อสวมแว่นดำสุดเท่

หลังจากนี้คือเซ็ตรวมเพลงฮิตที่เต้นกันดุเดือดแบบ non-stop ทั้ง “Diggity”, “Ridin’”, “BOOM” พักเวทีชั่วครู่ด้วยการเปิด background music เป็นเพลง “Hello Future” ให้แฟนๆ ได้ร้องคลอ และยิงเลเซอร์สีเขียวขึ้นเพดานฮอลล์ด้วยคำว่า NCT DREAM 7 DREAM ก่อนจะกลับมาร้องเพลง “Hello Future”, “We Go Up”, ”Trigger The Fever“ และ “Hot Sauce” ปิดโชว์ก่อนอังกอร์ได้มันสุดๆ

มาร์ค ปรากฏตัวบนเวทีพร้อมแร็ปและบีทบ็อกซ์เท่ๆ เพื่อเข้าเพลง “Beatbox” ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเพลงฟังสบายๆ ส่งแฟนๆ กลับบ้านด้วย “My Youth” และ “Walk You Home” แต่ที่พิเศษกว่านั้นคือคอนเสิร์ตนี้มีอังกอร์สองรอบ! น้อมดรีมกลับออกมาอีกครั้งพร้อมพร็อปต่างๆ ที่แฟนๆ ให้มาพร้อมกับเพลง “Candy” ก่อนจะโบกมือลาแฟนๆ กลับเข้าหลังเวทีทีละคนอย่างน่ารักน่าชัง

เป็นคอนเสิร์ตที่ใช้คำว่าน่ารักได้เปลืองมาก ความเป็นธรรมชาติของสมาชิกทั้ง 7 คนกลมกล่อมและเผยเสน่ห์ของแต่ละคนออกมาได้อย่างชัดเจน บางเพลงมีท่อนพิเศษที่เหล่าสมาชิกผลัดกันคิดท่าเต้นใหม่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้การแสดงแต่ละเพลงที่บางคนที่มาดูคอนเสิร์ตหลายรอบแล้วแต่ไม่รู้สึกเบื่อ บล็อกกิ้งบนเวทีในไทยค่อนข้างใกล้ชิดกับแฟนคลับ และใช้พื้นที่บนเวทีได้อย่างคุ้มค่า แต่ถึงกระนั้นช่วงการแสดงเท่ๆ ก็โชว์ได้ดีทั้งท่าเต้นคมกริบและงานสายตาที่เอาเรื่องอยู่ เสียงร้องเสียงแร็ปสดก็ทำได้ดีแม้ว่าจะมีข่าวว่าสมาชิกบางคนป่วยเล็กน้อย แต่ไม่ได้โชว์ให้เห็นบนเวทีเลย สปิริตในการแสดงสูงมาก นอกจากนี้การพูดคุยภาษาไทยที่แต่ละคนเตรียมมาก็น่าเอ็นดู และเห็นถึงความพยายามที่จะสื่อสารกับแฟนๆ ชาวไทยได้เป็นอย่างดี รับรู้ได้ถึงความตั้งใจและดูมีความสุขในการแสดงต่อหน้าแฟนๆ มากๆ

เสียดายเล็กน้อยที่พาร์ทการแสดงในช่วงเพลงรัก “My First and Last” หายไป อาจเป็นเพราะทัวร์นอกเกาหลีและญี่ปุ่นไม่ได้มีทีมแดนเซอร์ตามมาด้วย เลยตัดพาร์ทนี้ไป ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นพาร์ทที่น่ารักมากๆ และตั้งใจรอชมในไทยมาก นอกจากนี้เทียบเซ็ตลิสต์กันแล้ว มีหลายเพลงที่หายไป ทั้ง “Fire Alarm”, “Life Is Still Going On” และ “Candle Light” ที่เป็นเพลงที่แฟนๆ ชาวไทยชื่นชอบ หรือแม้แต่เพลงดังเพลงอื่นๆ ที่ไม่ได้ใส่มาในเซ็ตลิสต์ของทัวร์ตั้งแต่อย่าง “We Young”, “Go”, “I Don’t Need You Love” ก็น่าเสียดายที่ไม่ได้มีอยู่ในคอนเสิร์ต แต่ถึงกระนั้นด้วยเวลาการแสดงคอนเสิร์ตกว่า 2.30 ชม. เพลงกว่า 29 เพลง พร้อมการแสดงติดต่อกันทั้ง 3 วัน ก็ถือว่าเป็นโชว์ที่สมบูรณ์แบบ ครบรส สนุกสนาน แบ่งเซ็ตเพลงได้ดี และรู้สึกสดใหม่ไม่มีช่วงเบื่อตลอดทั้งโชว์จริงๆ นอกจากนี้โอกาสหน้าๆ ถ้าได้เห็นคอนเสิร์ตของศิลปิน SM มาพร้อมวงดนตรีสดบ้าง ก็คงจะดีไม่น้อยเช่นกัน

อาจจะใช้เวลากว่า 7 ปีกว่าเราจะได้เห็นคอนเสิร์ตแบบ 7DREAM ที่สมาชิกครบทั้ง 7 คนของ NCT DREAM แต่ต่อจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันแบบครบทีมบ่อยขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่มาร์คบอกให้แฟนๆ อย่าลืมคำพูดของเขาจนกว่าจะได้เจอกันใหม่ว่า “Don’t forget that this is only the beginning.” (อย่าลืมว่านี่เป็นแค่การเริ่มต้นเท่านั้น) ยังมีอะไรอีกมากที่ NCT DREAM เตรียมให้พวกเราได้ติดตามกันต่อไป หวังว่าครั้งหน้า NCT DREAM จะกลับมาในลุคที่ไม่ต้องโตขึ้นก็ได้ แค่เป็นตัวเองให้มากที่สุดเหมือนที่เป็นอยู่ตอนนี้ พร้อมกับสภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ เพื่อแสดงศักยภาพของตัวเองให้แฟนๆ ได้เห็นกันอย่างเต็มที่แบบที่ไม่ต้องรู้สึกเสียดาย ยิ่งถ้าได้จัดที่ราชมังฯ ได้ก็ยิ่งดี เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมีใครพลาดชมการแสดงดีๆ แบบนี้ไปอีก