สัมภาษณ์ "บูม-ภูมิ" ถึงการเปลี่ยนแนวครั้งใหญ่ และการพุ่งชนหลายบทบาทแบบ "เต็มแม็กซ์"
เป็นเวลา 1 ปีแล้วที่ บูม-สหรัฐ เทียมปาน และ ภูมิ-พงศ์รชตะ ไชยศิวามงคล แชมป์ และ รองแชมป์เวที The Star Idol ได้แจ้งเกิดในฐานะศิลปินเสียงคุณภาพ และค่อยๆ มีผลงานและแฟนคลับเพิ่มขึ้นหลังออกรายการ ควบคู่กับการเรียน
แต่ล่าสุดทั้งสองที่ได้ร่วมแสดงละครเรื่อง Across the Sky ลัดฟ้าล่าฝัน ซึ่งนอกจากตัวงานแสดงแล้ว ทั้งสองยังได้ทำเพลง “เต็มแม็กซ์” ซิงเกิลคู่ที่ทั้งสองต้องกลายเป็นดูโอ้สายแดนซ์ยุค Y2K จนเราต้องขอสนทนากับทั้งสองเรื่องตัวงานใหม่ และเส้นทางการทำงานที่ทั้งสองทุ่มแบบเต็มแม็กซ์ และความทรงจำยุค Y2K
เราสองคนเป็นสายร้อง พอมาเป็นเพลงป็อปแดนซ์ “เต็มแม็กซ์” เป็นอย่างไรบ้าง ?
ภูมิ : สดใหม่เลยครับ เพราะเราก็แยกย้ายไปภารกิจของตัวเอง อัปสกิลล์จนต่างคนต่างมีไอเท็มของตัวเอง กลับมาทำงานก็สนุกครับ
บูม : การได้เป็นดูโอ้เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกที่ร้องเพลงกับพี่ภูมิ และมีธีมเป็น Y2K เราอาจจะยังไม่คุ้นเคย แต่เคยฟัง ก็ได้มาทำเพลงยุค 90 และ Y2K ก็ท้าทายครับ ผมเคยฟัง กอล์ฟ-ไมค์ มีซีดีพี่เขา เคยดูในทีวี
การทำเพลง “เต็มแม็กซ์” มีความยากง่ายอย่างไร ?
บูม-ภูมิ : ทีแรกยากครับ แต่ช่วงที่อัดก็ไหลลื่น การร้องเพลงแนวนี้ไม่ต้องโฟกัสเสียง หรือทำให้เสียงดูดีขนาดนั้น ใช้ความรู้สึกและอารมณ์ มันสนุกก็ร้องตามฟีลลิ่ง บีท ดนตรี พี่ที่แนะนำก็เป็นพี่เอฟู ที่ทำให้ Kamikaze ที่คุ้นเคย
กระแสตอบรับจากแฟนๆ เป็นอย่างไร ?
บูม-ภูมิ : กระแสตอบรับก็ดีเลยสำหรับคนที่เห็นเราในลุคนี้ แบบในคอมเมนต์จะคิดถึงศิลปินคนนั้นคนนี้ เปิดให้เพื่อนในมหาลัย เขาก็ดูเอ็นจอยกับเพลงนี้ ดูตลกไปกับเพลง “เต็มแม็กซ์” ผมว่ามันดูแปลกในสังคมมหาวิทยาลัย
ช่วงนี้ไอเทมยุค 90 2000 Y2K มาแรงมาก เรามีความประทับใจไอเทม หรือแฟชั่นไหนบ้าง
ภูมิ : ผมเป็นเด็กบ้านนอกก็จะไม่ค่อยมีของเล่น ก็จะมีของเล่นแรกๆ เป็น ทามาก๊อตจิ, เบย์เบลด (ลูกข่าง) อะไรพวกนี้ ก็เป็นสิ่งที่ทำให้นึกถึงยุคนั้น
บูม : จะเป็นของเล่น ไพ่ยูกิ คนน่าจะเล่นน้อยลงยุคนี้ อีกอย่างที่หายไปแล้ว ก็คือ เกมบอย (เกมกด) เพราะผมชอบเล่นเกมโปเกมอน ไม่รู้จะซื้อที่ไหน
ในฐานะวัยรุ่นยุคนี้ คิดว่าอะไรจากยุคนี้น่าจะกลายเป็นที่คิดถึงในอีก 20 ปีข้างหน้า
บูม-ภูมิ : คิดว่าคนจะคิดถึงซาวด์แบบยุคนี้อีกครั้ง และพวกผมเองอยากรู้ว่ารายการ The Star ค้นฟ้าคว้าดาวจะเป็นอย่างไรในวันนั้น เพราะเรารายการนี้อยู่มาตั้งแต่ 2000 ตอนนี้ก็ยังมี อีก 20 ปี ก็น่าจะมี The Star คนที่ 30 กว่าๆ ในปี 2040 ผมก็อยากเห็นนะครับ
ในเรื่อง Across The Sky เราจะได้เห็นอะไรบ้างจากทั้งสองคน ?
ภูมิ : ตัวละครของผมก็เป็นจุดกำเนิดของเรื่องนี้ ทำให้เด็กคนหนึ่งอยากเป็นศิลปินซึ่งคือลูกของผม เป็นแรงบันดาลใจให้เขาเป็นเหมือนเรา แต่เขาทำได้แค่ดูเราใน YouTube
บูม : จะมีความเกรี๊ยวกราด ก็จะไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ปกติผมไม่ค่อยดราม่า แต่ในเรื่องก็จะเอาเรื่องอยู่ครับ
ชีวิต 1 ปีหลัง The Star Idol เปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง เพราะเห็นบูมก็ซื้อรถด้วย ?
บูม : 1 ปีที่ผ่านมา ก็มีเพลงและได้คลุกคลีกับวงการมาระยะหนึ่ง ได้พบกับคนมากมายในวงการ รู้จักคนและมีคอนเน็คชั่น ก็สนุกและสามารถต่อยอดได้ ต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ ก็ต้องแบ่งเวลากับการบ้าน เพราะในมหาวิทยาลัยมีเวลาขาดจำกัด 3 ครั้ง เราต้องแบ่งเวลาจะรับงานยังไง ส่วนรถ เป็นความฝันที่ไม่ได้คิดแต่แรก คือก่อน The Star ไม่ได้คิดเลย แค่ทำงานหาเงินมากินเดินทาง ไม่ได้คิดซื้อรถ แต่พอมาทำงานมันต้องเดินทาง มีรายได้ก็เก็บทีละนิดๆ ก็เอาไปถอยรถมาคันหนึ่งก็ภูมิใจ
ภูมิ : การรับมือมันเปลี่ยนไป ด้วยบริบทที่เปลี่ยนไปมีคนรู้จักเรามากขึ้น มีคนชอบเรามากขึ้น และมีคนที่ไม่ได้ชอบเรา ก็ต้องรับมือความรู้สึกนั้นความเห็นนั้น และการทำงานกับหลายๆ คนก็ต้องปรับตัวหลายๆ เรื่องที่ไม่เคยทำ พอมาปีนี้ กับซีรีส์นี้ เราได้ร้องเพลงนี้และเต้นด้วย และเราอยากเป็นแบบนี้มานาน พอได้ทำก็สนุก
ในฐานะศิลปินอายุน้อยที่ผ่านอะ ตอนนี้อะไรคือสิ่งที่ทำให้เราลุยงานแบบ “เต็มแม็กซ์” ?
บูม : แพชชั่นครับ เราอยากเป็นศิลปิน ผมอยากเป็นศิลปินที่ดี ดูคลิปพี่ๆ เล่นอะไรต่างๆ ก็อยากเป็นแบบเขา ก็ทำต่อไปครับ
ภูมิ : ของผมแพชชั่นครับ แล้วก็เดิมพันครอบครัวครับ เราอยากทำให้แม่สบาย ครอบครัวฐานะดีขึ้น ความเป็นอยู่ดีขึ้น ก็ขวักไขว่ที่จะทำครับ
Photo By Noppachai C.
อัลบั้มภาพ 30 ภาพ