รีวิว BLACKPINK at Coachella 2023 การกลับมาที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิม
หลังจากปี 2019 BLACKPINK กลับมาเยือนเวที Coachella อีกครั้งด้วยการแสดงที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิม สมฐานะการเป็นศิลปินเกาหลีวงแรกที่ได้เป็นเฮดไลน์ในเทศกาลระดับโลกงานนี้
ในปี 2019 ทั่วโลกได้ตื่นเต้นกันไปแล้วกับ BLACKPINK ที่ได้เป็นเกิร์ลกรุ๊ป K-POP วงแรกที่ได้ร่วมแสดงในเทศกาลดนตรีระดับโลก Coachella กลับมาในปี 2023 คราวนี้ BLACKPINK ถูกเลือกให้เป็นศิลปินเฮดไลน์ของงานในวันที่ 15 เม.ย. (วันที่ 16 เม.ย. ตามเวลาประเทศไทย) นอกจากจะเป็นความภาคภูมิใจของชาวเกาหลีและแฟนๆ ชาว BLINK ทั่วโลกแล้ว ยังเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่ ลิซ่า หนึ่งในสมาชิกคนไทย ได้ถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ว่าได้เป็นศิลปินคนไทยที่ได้เป็นเฮดไลน์ของเทศกาลนี้ด้วย
BLACKPINK เวอร์ชั่น 2023 ในงาน Coachella กลับมาอย่างเต็มรูปแบบกว่าเดิมด้วยเวลาในการแสดงแบบเต็มเหนี่ยว 1.30 ชม. ประหนึ่งดูคอนเสิร์ตเดี่ยวกันเลยทีเดียว ดังนั้นแฟนๆ อาจคาดหวังว่าจะมีบางโชว์บางเพลงที่อาจจะคล้ายๆ กับโชว์ใน BORN PINK Tour ที่สาวๆ เพิ่งทัวร์อเมริกาไปเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว แต่หลังจากได้ชมก็พบว่า นอกจากเซ็ตลิสต์จะไม่เหมือนเดิมแล้ว รายละเอียดของโชว์หลายๆ จุดก็ไม่เหมือนเดิม และมีเพิ่มเติมจนทำให้โชว์ครั้งแรกในฐานะศิลปินเฮดไลน์ในครั้งนี้ของ BLACKPINK สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
BLACKPINK (และ YG) เลือกใช้ทีมแดนเซอร์ต่างประเทศทั้งหมด แทนที่จะเป็นทีมแดนเซอร์คนเก่งประจำค่ายที่ร่วมทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกด้วยกันมา ในจุดนี้สร้างความแตกต่างให้กับไดนามิกของโชว์แต่ละเพลงอย่างมาก เมื่อทีมแดนเซอร์เปลี่ยนไป จริตจะก้านของแดนเซอร์แต่ละคนทำให้มู้ดแอนด์โทนของแต่ละเพอร์ฟอร์มานซ์เปลี่ยน มีความอเมริกันมากขึ้น กล้าบอกได้ว่าแดนเซอร์มีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดและส่งต่อพลังถึงคนดูได้มากจริงๆ การเต้นที่แข็งแรงและพร้อมเพรียง และอินเนอร์ของแต่ละคนทำออกมาได้ดีมาก เข้ากับเพลงของ BLACKPINK ได้ดีจริงๆ
ท่าเต้นมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย โชคดีที่คราวนี้ BLACPINK ไม่ค่อยเจอปัญหาลมแรงจนผมปลิวปรกหน้าปรกตาเหมือนคราวที่แล้ว แต่ละช็อตที่กล้องถ่ายออกมาทุกคนจึงดูสวยงามทุกท่วงท่า
นอกจากการแสดงในเพลง “Pink Venom”, “Kill This Love”, “How You Like That”, “Pretty Savage” จะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ไม่เหมือนในทัวร์คอนเสิร์ตแล้ว ยังมีเพลง “Kick It” ที่สาวๆ หยิบกลับมาแสดงสดอีกครั้งหลังจากที่แฟนๆ ไม่ได้เห็นกันมานานตั้งแต่เวิลด์ทัวร์ครั้งแรก In Your Area Tour ช่วงปี 2019-2020 การแสดงสดเพลง “Flower” เพลงโซโล่ของจีซู โรเซ่เลือกร้อง “Gone” สั้นๆ แทน “Hard To Love” ลิซ่าเลือกแสดง “MONEY” แบบเต็มเพลงโดยไม่มี “LALISA” และการกลับมาของ “BOOMBAYAH” ที่ถูกถอดออกไปจากทัวร์ Born Pink แต่ก็เป็น “As If It’s Your Last” ที่โดนเอาออกจากเซ็ตลิสต์ไปแทน
แม้ว่าจะมีในบางจังหวะที่เราอยากจะเห็นสาวๆ ร้องสดให้มากขึ้นอีกนิด ร้องเก็บรายละเอียดในบางท่อนอีกหน่อย หรือจะพูดคุยกับแฟนๆ ให้มากขึ้นอีกนิด รวมถึงทีมงานไฟและตากล้องของ Coachella อาจจะไม่ได้ชำนาญพอในการตามถ่ายทุกคนได้ทัน หรือส่องไฟสปอตไลต์ไปที่แต่ละคนทันบ้างไม่ทันบ้าง แต่โชว์ 18 เพลงใน 1.30 ชม. ถือว่าสาวๆ กลับมาแสดงในงานเดิมได้อย่างสมบูรณ์แบบ เสียงร้องสดดังกระแทกหู เต็มที่กับทุกเพลง และเห็นได้ชัดการฝึกซ้อมกันมาหนัก เพราะจังหวะแนะนำตัว จังหวะพูดก่อนเข้าเพลง จังหวะเดินไปที่สเตจรอง และการเต้นพร้อมเพรียงไปกับแดนเซอร์ โดยเฉพาะในเพลง “Typa Girl” ที่มาพร้อมกับพร็อพพัดขนนกสีขาวอันยักษ์ที่เปลี่ยนท่าทางไปตามจังหวะและแต่ละพาร์ทของเพลง ปิดๆ เปิดๆ สลับแต่ละเมมเบอร์เข้าๆ ออกๆ ทำได้เป๊ะราวกับจับวาง มุมกล้องที่สาวๆ รู้ว่าต้องมองกล้องตอนไหนยังไงทุกครั้ง ดูแล้วสมใจอยากในทุกท่วงท่าจริงๆ
หลังจากกลับมาทัวร์คอนเสิร์ตในปีที่ผ่านมานี้ BLACKPINK เก็บเกี่ยวประสบการณ์และความมั่นใจเอาไว้ได้เพียบ และเอา Coachella อยู่จริงๆ นี่แหละเวทีที่คู่ควรกับ BLACKPINK และถ้าไม่ติดโควิดรวมถึงการดองงานเพลงเอาไว้นานตั้งหลายปี จริงๆ แล้ว BLACKPINK อาจจะได้ขึ้นเวทีใหญ่ๆ แบบนี้ตั้งนานแล้วด้วยซ้ำ
หวังว่าพวกเราจะได้เห็น BLACKPINK แสดงศักยภาพในการเป็นศิลปินบนเวทีใหญ่ๆ แบบนี้อีกเรื่อยๆ เพราะเชื่อว่าสาวๆ ทำได้ดียิ่งๆ ขึ้นไปทุกครั้งที่ได้เฉิดฉายบนเวทีอย่างแน่นอน
อัลบั้มภาพ 21 ภาพ