RS HITS JOURNEY 2023 งานคืนสู่เหย้าที่พิสูจน์ว่าวงการเพลงไทย "ต้องมี" RS
เวลาที่หลายคนนึกถึงคำถามนี้ หลายคนอาจจะพูดถึงศิลปินร็อค และป็อปแดนซ์ยุค 90 หรือศิลปิน KAMIKAZE ไปจนถึงค่าย RSIAM หรือวงบอยแบนด์อย่าง D2B แต่ในความเป็นจริงนั้นศิลปิน RS ยังมีจำนวนมากที่หลายคนมองข้าม อย่างเช่นศิลปินป็อปและร็อคยุค 2000 ที่ล้วนแล้วแต่มีเพลงฮิตและภาพลักษณ์ชัดเจน จนแม้แต่ ป๋าเต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ยังเคยพูดชื่นชมว่างานของค่าย RS นั้นมีความไปสุดทางกลางรายการ ป๋าเต็ดทอล์ก และนี่ทำให้คนที่ไปคอนเสิร์ต RS ยุคหลังๆ แทบทุกงานอย่างเรา อยากให้ชื่อของศิลปินยุคหลัง 2000 ของ RS รวมไปถึงศิลปินป็อปที่มีภาพลักษณ์ผู้ใหญ่ของค่ายได้มาขึ้นคอนเสิร์ตรวมบ้าง และล่าสุดงาน COOLfahrenheit และ อำพลฟูดส์ Present RS HITS JOURNEY CONCERT 2023 #ต้นปีถึงทีฮิต ก็ได้ทำให้ฝันเราใกล้ความจริงขึ้นมา
โดยงานครั้งนี้ได้มีศิลปินอย่าง Raptor (จอนนี่ อันวา และ หลุยส์ สก็อต), ลิฟท์-ออย (ลิฟท์-สุพจน์ จันทร์เจริญ และ ออย-ธนา สุทธิกมล), เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์, โดม ปกรณ์ ลัม, วอย-เกรียงไกร อังคุณชัย,ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, เต๋า-สมชาย เข็มกลัด, ฟอร์ด-สบชัย ไกรยูรเสน, ฝ้าย Am Fine (ณัฐหทัย แสงเพชร), ปาน-ธนพร แวกประยูร, ฟลุค ไอน้ำ (จิตรกร บุญสอน), ดัง-พันกร บุญยะจินดา, เอ้ PINK (ศิริมาศ ชื่นวิทยา), ลีเดีย-ศรัณย์รัชต์ ดีน, อู๋-ธรรพ์ณธร ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา ซึ่งทำให้คนที่เติบโตในยุค 90 และ 2000 อย่างเราอยากมาสุดๆ เพราะคำขอของเราเหมือนเป็นจริงแล้ว และงานนี้ยังมี Hidden Track หรือศิลปินที่ยังไม่ถูกเปิดชื่ออีกด้วย
และในเวลาทุ่มเศษๆ ของวันที่ 27 พฤษภาคม เราก็ได้เข้าไปร่วมชมคอนเสิร์ตที่เริ่มโดยการนับปีของค่าย RS และภาพอัลบั้มต่างๆ จนเริ่มด้วยเพลง “บอดี้การ์ด” ของ เต๋า สมชาย และตามด้วยเพลงฮิตแบบต่อเนื่องทั้ง “Super Hero” ของ Raptor, “เท้าไฟ” ของ ทัช, “รมณ์บ่จอย” ของ ลิฟท์-ออย, “Siren Love” ของ เจมส์ และ ดัง พันกร ที่มากับชุดสุดเปรี้ยวและส้นสูงสีแดงในเพลง “ท้องไม่รับ” และมาถึงเพลง “รักคนมีเจ้าของ” ของไอน้ำ ที่มีฟลุคมารับหน้าที่ร้อง โดยพาร์ทนี้ได้จบลงกับการทักทายแฟนๆ โดยความวุ่นวายของรุ่นพี่ ก็มีฟลุคเป็นตัวเชื่อมในฐานะ MC
หลังจากนั้นก็เป็นพาร์ทเพลงช้าที่เริ่มด้วยเพลง “นิ้วก้อย” และ “สวนทาง” ที่เป็นเมดเลย์ของลิฟท์ออย และอีกเมดเล่ย์ที่มีแขกรับเชิญ Hidden Track คนแรกอย่าง กรพินธุ์ พ่วงโพธิ์ มาร้องเพลง “หลับทั้งน้ำตา” และ “ฝันร้ายสักคืน” ส่วนทัชก็มากับเพลง “มือที่สาม” และ “ไม่มีไป” ส่วนเต๋าก็มากับเมดเล่ย์ “คนเก่ง” และ “โลกทั้งใบให้นายคนเดียว” ก่อนจะถึงการเฉลย Hidden track อีกคนอย่าง หนุ่ม-ศรราม เทพพิทักษ์ ที่มากับเพลง “ไม่เคยรักกันเลยใช่ไหม” ส่วน Raptor ก็มากับเพลง “รู้สึกอย่างไร” และ “อย่าพูดเลย” ก่อนวอยจะมากับเพลง “Only You” ในฐานะตัวแทน Jr-VOY ก่อนช่วงแรกเจมส์จะมาปิดงานด้วยเพลง “ไม่อาจเปลี่ยนใจ” และ “ทุกวินาที” ก่อนที่จะพูดคุยกันโดยมีกรพินธุ์เป็นจุดเชื่อมในฐานะเจ้าแม่เพลงละคร ที่เคยร้องเพลงละครที่หลายศิลปินในงานหลายคนแสดง
และพาร์ทสองของเพลงช้าก็เริ่มด้วยเพลง "ตบมือข้างเดียว" และ "เรื่องง่ายๆ (ที่ผู้ชายไม่รู้)" ของ ปาน ธนพร, "หยุดตรงนี้ที่เธอ" และ "ไม่อยากทำให้ลำบาก" ของ ฟอร์ด สบชัย, "ผู้หญิงลืมยาก" ของ เอ้ PINK “ที่หนึ่งไม่ไหว” โดย ฟลุค ไอน้ำ และ “หญิงเดียวในใจ” กับ “ไม่เอาคืน” จาก ดัง พันกร และ อู๋ ที่ขึ้นมาร้องเพลง “หัวใจกระดาษ” ก่อนจะถึงคิวเปิดตัวแขกรับเชิญที่หลายคนอาจนึกไม่ถึงอย่าง โฟร์ท-นฤมล จิวังกูร ที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้บริหารธนาคารดัง ที่มากับเพลง “คนที่ใช่..ในวันที่ผิด”, “ยอมรับคนเดียว” และร้องเพลง “น้ำตา” ที่เป็นการรวมเพลง "เปลืองน้ำตา" และ "น้ำในตา" กับอู๋
ก่อนทีทุกคนจะจมกับดราม่าลึกไป ก็ได้มีการเปลี่ยนฟีลกับ Mission 4 Project ที่เจมส์, โดม, วอย และ จอนนี่ มากับเพลง “ปรากฏการณ์ (เหนือธรรมชาติ)” และ “อกหักมารักกับผม” และหลังจากการพูดคุยแสดงความคิดถึงก็เป็นโชว์เพลงของแต่ละคนอย่าง “มาทำไม” ของวอย, “เวลา”, ของโดม, “คนโง่ๆ” (อย่างฉันจะรู้อะไร) ของ เจมส์ และ ปิดท้ายด้วย จอนนี่ ที่มากับเพลง “อยากให้รู้ว่ารักเธอ” ที่หลุยส์ขึ้นมาร้องเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษอย่าง “When I Fall in Love” เพื่อนำเข้าสู่เซอร์ไพรส์ที่ซ่อนอยู่อย่างการรวมตัวเกือบครบทีมของ The Next ในเพลง “Love of Generation Next” ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากทุกคนและทำให้เราดีใจจนใจฟูสุดๆ
ส่วนในช่วงที่ 4 ก็เป็นการมาของเพลง “ว่างแล้วช่วยโทรกลับ” ของลีเดีย ที่ทำการอิมโพรไวซ์ล้อกับเวอร์ชั่นหยาดพิรุณ ที่เป็นไวรัล ก่อนจะปิดท้ายด้วย “ระหว่างเราคืออะไร” ก่อนจะถึงคิว Hidden Track อีกคนที่หลายคนเชื่อว่าเธอมางานนี้แน่นอนอย่าง เม-จีระนันท์ กิจประสาน ที่มากับเพลงฮิต “คนเดียวไม่เหงาเท่า 3 คน” ที่แม้ว่าหลายคนจะไม่รู้ว่าเธอมา แต่ก็ยังร้องได้ ก่อนตามด้วย ฝ้าย Amfine ที่มากับเพลง “มารักทำไมตอนนี้” และก็ถึงการรวมตัว DREAMS II ที่ทั้ง 3 เป็นสมาชิกในเพลง “ทำไมไม่รับสักที” และจากนั้นก็เป็นคิวของปานที่มากับเพลง “หวง” และดังที่มากับเพลง “ไม่เอาคืน” ก่อนที่ทั้งสองจะมากับเพลง “เธอคือใคร..ใครคือเธอ” ที่เผยเคมีอันแตกต่างแต่ลงตัวของทั้งคู่
และก็มาถึงช่วงท้ายงานที่เป็นการรวมเพลงแดนซ์อย่าง “เกรงใจ” ของ Raptor, “หลบหน่อย (พระเอกมา)” ที่วอยร้อง, “ดูมั้ย” ของ ลิฟท์-ออย, “ลื่น” ของ ทัช ณ ตะกั่วทุ่ง, “ชั๊บ ชั๊บ ชั๊บ” ของ เจมส์, “จุ๊บ” ของ ศรราม, “เหงา…เข้าใจ” ของ ปาน และเพลงรวมอย่าง “หนุ่มบาว-สาวปาน” ที่ทุกศิลปินผสานความต่างกันอย่างลงตัวบนเวที
แต่หลังจากนั้นก็มีเซอร์ไพรส์ที่หลายคนคาดไม่ถึง เพราะในโมเมนต์ที่เหมือนว่าคอนเสิร์ตจะจบแล้วและศิลปินลงจากเวทีไปหมด โป่ง-ปฐมพงศ์ สมบัติไพบูลย์ ก็เดินออกหลังเวทีในลุคกางเกงขายาว เสื้อยืดสีดำ เหมือนกับเป็นคนดูคนหนึ่งที่อดใจขึ้นเวทีไม่ได้ และเริ่มร้องเพลง “นางแมว” และเล่นกับคนดู ก่อนจะพาทุกคนร้องเพลง “ศรัทธา” แบบไม่มีดนตรี และทิ้งท้ายว่าปลายปี RS จะมีคอนเสิร์ตร็อค ก่อนจะลงจากเวที และจากนั้นทุกศิลปินหลักก็ขึ้นมาบนเวทีและขอบคุณทุกคนพร้อมร้องเพลง “คิดถึงเธอ” ของ Raptor แทนความรู้สึกท่ามกลางกระดาษที่เป็นปกเทปซีดี และลายเซ็นของศิลปินในงานที่ถูกปั้มไว้ด้านหลังซึ่งถูกโปรยลงมา
สำหรับงาน RS HITS JOURNEY CONCERT 2023 สิ่งที่เราประทับใจคือการได้เห็นศิลปินที่เราเติบโตมาด้วยบนเวที พร้อมทำสิ่งที่พวกเขารัก ซึ่งทุกคนก็ยังดูมีความสุข และสุขภาพดี และเราก็ขอขอบคุณที่ทุกคนทำหน้าที่ตัวเองเต็มที่แม้จะมีเสียงที่เปลี่ยนไปตามวัย และเชื่อว่าทุกคนเต็มที่จริงๆ แม้จะห่างเวทีกันไปนาน จนเราแอบสัมผัสได้ว่าบางคนไม่ค่อยมีมูฟเมนต์บนเวทีไปมา หรือมีลูกเล่นกับคนดูมากเหมือนศิลปินที่ขึ้นเวทีบ่อยๆ หรือบางคนมีความตื่นเต้นบ้าง แต่ถ้ามองผ่านไปเราจะเห็นได้ว่าทุกคนเต็มที่กับพาร์ทร้องกันสุดๆ
โดยตัวเราประทับใจการแสดงของ ดัง พันกร ที่การแต่งตัวและการร้องใส่สุดทุกเพลง ตามด้วยปาน ธนพร ที่พลังจัดเต็มสุดๆ และ เจมส์ ที่เสียงสดไม่เคยทำให้ผิดหวัง ไปจนถึงกลุ่ม Mission 4 Project ที่ซ้อมกันมาอย่างจริงจัง โดยเฉพาะวอยที่ห่างเวทีไปนานที่ต้องใส่เต็มในพาร์ทนี้ และทำงานแบบสองเท่าในเพลงของ Jr-Voy และ The Next และ กลุ่มของ เม ลิเดีย กับ ฝ้าย ที่เรารู้สึกว่าพวกเธอร้องเพลงในอดีตของตัวเองได้มีอินเนอร์มากขึ้นตามวัย ส่วนศิลปินคนอื่นก็ทำได้เกินความคาดหมายเราแทบทุกคน ส่วนเพลงในงานที่พวกเขาร้องก็เป็นเพลงที่เหมือนโลโก้ของแต่ละคน จนน่าจะทำให้คนที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ฟังเพลง RS ยุคเก่าแบบสดๆ บ่อยๆ รู้สึกมีความสุข
เดิมทีเราเองมีความกังวลเรื่องคอนเซ็ปต์ของงานครั้งนี้ที่มีศิลปินจำนวนมาก และต่างยุคจนบางคนอาจจะไม่เคยได้ร่วมงานกัน แต่ภาพรวมออกมานั้น การที่ทางงานเน้นการแสดงมากกว่าการทอล์กก็ทำให้โชว์ลื่นไหลตามธีมของแต่ละช่วงได้ดีกว่าที่เราคิดไว้มาก และขณะเดียวกันเพลงที่เลือกมาก็ล้วนแล้วแต่เป็นเพลงฮิตจริงๆ จนเราเชื่อว่าใครเกิดช่วงประมาณ พ.ศ. 2525 - 2535 น่าจะฟินเป็นพิเศษ เพราะคุณจะใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กไปจนถึง มหาวิทยาลัย หรือช่วงเริ่มทำงาน โดยมีเพลงในเซ็ตลิสต์คอนเสิร์ตอยู่เคียงข้าง แต่การที่มีศิลปินเยอะก็มีช่องโหว่ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นการที่บางคนตัดสินใจไม่ซื้อบัตร เพราะชอบศิลปินไม่กี่คนในงาน หรืออาจจะชอบแค่คนเดียว หรือบางทีบางคนอาจจะไม่ได้โอกาสในการโชว์เพลงมากนัก และหลายๆ เพลงก็กลายเป็นเมดเล่ย์รวม 2 เพลงเป็น 1 โชว์ ซึ่งเราแอบเห็นได้ชัดในเคสของโดมที่เราส่วนตัวมองว่าจริงๆ เขาน่าจะได้ร้องมากกว่านี้ 1-2 เพลง เพราะเชื่อว่ามีคนที่รอฟังเพลง “ยิ่งรักเธอ”, “หน้ากาก” หรือแม้แต่ “ผ่าเหล่า” แต่ในขณะเดียวกันเราว่าคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ค่ายที่ติดตามทุกคนที่มาแสดง หรือที่แฟนๆ เคป็อปเดี๋ยวนี้เรียกว่า "สแตนค่าย" น่าจะชอบการรวมตัวแบบจุกๆ รอบนี้
สำหรับสคริปต์งานครั้งนี้นอกจากการเน้นเพลงที่ทำให้เราสนุกต่อเนื่องแล้ว แถมมีความหมายดี (เราชอบการมีเพลงรวมเป็น “หนุ่มบาว สาวปาน” และปิดงานด้วยเพลง “คิดถึงเธอ” มากๆ) ยังมีการเซอร์ไพรส์ซ้อนเซอร์ไพรส์ไปมาที่เราชอบมากๆ อย่างการปรากฏตัวของ Hidden Track ที่อยู่ดีๆ ก็มาได้ทุกเมื่อ อย่างเช่นโป่ง หิน เหล็ก ไฟ ที่อยู่ดีๆ ก็มาตอนเพลงรองสุดท้ายเหมือนเป็น Post-credits scene ที่บอกใบ้ความสนุกของงานต่อไป หรือการที่มี The Next มาเซอร์ไพรส์ซ้อนกับ Mission 4 Project อีกที ส่วนโปรดักชั่นโดยรวมก็ออกมาดีสมมาตรฐานงาน RS ทั้งกราฟฟิคที่สื่อถึงศิลปินและโปรเจกต์ต่างๆ และการโปรยกระดาษที่มีภาพปกเทปซีดีของศิลปินในเงินและลายเซ็นต์ที่ถูกปั้มได้ด้านหลัง รวมถึงการเล่นสเตจพอกรุบกริบในส่วนของลิฟท์ โดยถึงแม้ลุคเล่นเวทีแม้จะไม่เยอะเท่างาน RS สายแดนซ์ หรืออย่างคอนเสิร์ต D2B แต่ก็พอเหมาะพอเจาะกับโชว์ ส่วนพาร์ทซาวด์นั้น ในพาร์ทเพลงเร็วออกมาโอเคและสนุกสนาน แต่ที่เราประทับใจคือส่วนดนตรีสดที่ค่อนข้างดีและหลายเพลงมีการเรียบเรียงให้สดใหม่ แม้จะไม่ได้ดีเทลเครื่องดนตรีเยอะและชัดเจนแบบคอนเสิร์ตสายวงดนตรี แต่เราก็ค่อนข้างแฮปปี้กับสิ่งที่ได้ฟัง แต่อีกมุมเราอยากให้เสียงไมค์ตอนพูดของศิลปินดังขึ้นเพราะเรารู้สึกว่าช่วง Talk 1 และ Talk 2 ถ้าศิลปินไม่พูดเสียงดัง เราอาจจะไม่ได้ยินชัด เพราะขณะที่พูดนั้นทุกคนคือพูดกันแบบดังสุดเสียงเลย แต่เรายังได้ยินแบบปานกลาง
ขณะที่เราเดินออกมาจากฮอลล์ เราก็นึกได้ว่านอกจากคอนเสิร์ตครั้งนี้ที่เต็มไปด้วยศิลปินคุณภาพ ผลงานเพลงน่าจดจำ และสตอรี่มากมายแล้ว ตัวของ RS ยังมีจักรวาลและตำนานอีกหลายบทในวงการเพลง ทั้งเรื่องราวของศิลปินยุค 80 ไปจนถึงโปรเจกต์รวมดาว หรือแม้แต่ศิลปินระดับตำนานอย่าง D2B และวงร็อคแถวหน้าของไทยหลาย 10 วง ไปจนถึงการก่อตั้งค่ายอย่าง Kamikaze และ RSIAM ที่สร้างดวงดาวประกอบวงการจำนวนมาก จนทำให้เรามองว่า RS คือค่ายที่มีอิมแพ็คกับวงการเพลงบ้านเราอย่างมาก และนั่นทำให้ขอสรุปบทรีวิวนี้ด้วยประโยคว่า “วงการเพลงไทย ‘ต้องมี’ RS จริงๆ”
อัลบั้มภาพ 53 ภาพ