รู้จัก "โมสต์ วิศรุต" เมื่อการเข้าวัยเลข "3" ทำให้ตัดสินใจก้าวเป็นศิลปินผู้ "จริงใจ" กับผลงาน
หลังจากที่ทุกคนได้รู้จัก โมสต์-วิศรุต หิมรัตน์ ในบทบาทนักแสดงจากซีรีส์ น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์ และแจ้งเกิดจากบทในละคร บุพเพสันนิวาส เขาก็ได้ทำให้หลายคนเซอร์ไพรส์ในฐานะ หน้ากากกระติ๊บ ในรายการ The Mask Line Thai ก่อนจะมาร่วมรายการ ร้องข้ามกำแพง ที่ทำให้หลายคนเห็นความสามารถในการร้องเพลงที่ไม่ธรรมดา
และหลังจากที่เคยออกรายการ ล่าสุดโมสต์ก็มากับผลงานเพลง “ซะอย่างงี้” ที่เขาลงมือแต่งเอง หลังสะสมเรียนรู้เรื่องการทำเพลงมานาน ทำให้เราอดไม่ได้ที่จะคุยเรื่องการทำงานและเส้นทางการเป็นศิลปินของเขากับค่าย Yeezaa ภายใต้การดูแลของ ยิ้ม-ประวิทย์ ฮันสเตน อดีตมือกลองวง Somkiat
ความรักในดนตรีของโมสต์เริ่มเมื่อไหร่
โมสต์ : จริงๆ ก็เริ่มมาตลอดครับ ถ้าเกิดเริ่มจริงๆ ก็มาตลอด แต่ไม่ได้โปรเจกต์ออกไป ผมก็ฟังเพลงไทยสากลปกติเลย เพลงเพื่อชีวิต เพลงสตริงที่เขาว่ากัน ก็พยายามฝึกร้องในแบบที่ไม่ได้ไปเรียน และมีโอกาสเวิร์คช็อปในงานที่ทำบ้าง พยายามจำมา ฝึกมาเรื่อยๆ ส่วนการแต่งเพลงช่วงมหาวิทยาลัยเป็นช่วงวัยที่อยากลองว่าทำได้ไหม และเป็นยุคพี่ แสตมป์ (อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข) เป็นช่วงที่เปิดหัวเลยว่า นักร้องก็แต่งเพลงเองได้ และเราสามารถแต่งเพลงให้ตัวเองร้องได้ครับ
ตอนที่ไปรายการร้องเพลง เรารู้สึกอย่างไร
โมสต์ : ตอน The Mask Singer เราก็ดีใจนะว่ามีช่องทางที่ทำให้คนรู้ว่าเราร้องเพลงได้นะครับ แต่จริงๆ แล้วยังไม่ได้เทคมันเป็นประตูสู่การเป็นนักร้อง เลยเป็นช่วงที่เว้นไป ก็ตื่นเต้นเพราะเป็นการไปเกมโชว์มันต่างจากการเป็นนักร้อง ไปร้องไปโชว์สกิลล์ร้อง ไม่ได้เป็นนักร้องที่ร้องและเล่าเรื่องความเป็นตัวเอง หรือเป็นโปรเจกต์ของตัวเองทั้งหมดครับ
ทำไมถึงตัดสินใจลุกขึ้นมาทำเพลงตอนนี้
โมสต์ : น่าจะเป็นเรื่องอายุครับ พอเข้าเลข 30 แล้ว มันช่วยไม่ได้ที่จะต้องคิดทบทวนอะไรหลายอย่าง เลยเลือกที่จะทำเพลง คิดว่าควรทำได้แล้วครับ ทำอะไรได้ก็ทำซะ ก็มาอยู่ Yeeza เพราะเพื่อนแนะนำครับ ก็มารู้จักกับพี่ยิ้ม พูดคุยกับพี่ยิ้มก็คลิกและดีใจที่เขาเปิดรับเรา ไม่ได้คิดว่าคนดนตรีจริงๆ จะสนใจหน้าใหม่อย่างเราครับ
ทำไมถึงเลือกเปิดตัวกับเพลง “ซะอย่างงี้”
โมสต์ : คิดว่าเพลงนี้ติดหูดีครับ เป็นเพลงท็อปๆ ของเราที่อยากทำ ที่เลือกเป็นเพลงแรกเพราะคิดว่าเป็นเพลงที่น่าจะดึงคนเข้ามาฟัง การแต่งเพลงนี้มันยากตรงที่เราแต่งมาประมาณหนึ่ง พอประมาณ พอเลือกแล้วต้องทำให้จบ แต่พอเวลาผ่านมานาน เราต้องเขียนด้วยความรัก จริงใจไม่ให้มันหลุดประเด็น เพลงนี้ผมมองเป็นเพลงป็อป แต่มีความอาร์แอนด์ผสมเข้ามาในดนตรี ก็เป็นป็อปอาร์แอนด์บี
แล้วการทำงานพาร์ทอาร์ตเวิร์คเป็นอย่างไรบ้าง
โมสต์ : ในพาร์ทอาร์ตเวิร์คก็มีคุยกันมาก่อนครับ เขาก็ช่วยตกตะกอนจากการพูดคุย จากความเป็นผม ง่ายๆ สบายอะไรอย่างงี้ครับ เรียบง่ายครับ
ฟีดแบคจากแฟนๆ เป็นอย่างไรบ้าง
โมสต์ : ฟีดแบคดีครับ เพราะน่าจะเป็นแฟนคลับที่ติดตามเรามานานแล้ว ก็เหมือนได้ทำในสิ่งที่เขารอและคาดหวัง พอได้มาทำจริงๆ มันก็ยากนะ เราจะแต่งสั่วๆ ไม่ได้นะ เป็นเพลงที่เราแต่งเองร้องเอง บางทีต้องนั่งเทียนเขียนต้องขมวดให้จบนะ ต้องจริงใจนะครับ
การเป็นศิลปินนอกจากทำเพลง ก็ต้องเตรียมเรื่องโชว์ด้วย โมสต์ได้มีแพลนไหม
โมสต์ : ก็ยังไม่ได้เข้มข้นขนาดนั้น คือทุกวันนี้ยังซ้อมร้องเพลงที่ปล่อยอยู่ เพราะตั้งแต่แรกเริ่มที่เขียนเอง เข้ากระบวนการทำดนตรี ทำงานกับคนอื่น มันถูกพัฒนาไปเยอะ เราต้องซ้อมให้เป็นตัวเองที่สุด ส่วนเรื่องเพลงที่ 2 ก็มีคุยกันบ้าง ก็อยู่ในช่วงพัฒนา ก็ตอบไม่ถูกว่าจะเป็นยังไง เราก็เรียนรู้กันไป ไม่ได้เล็งว่าจะนิยามแนวเพลง แบบศิลปินที่คาแรคเตอร์ชัดเจน แบบร็อค หรืออินดี้ ถ้าตอบง่ายก็คือเป็นตัวเอง
เวลานักแสดงทำเพลง หลายคนก็มักเจอคำสบประมาทเรื่องความจริง โมสต์คิดอย่างไรกับจุดนี้
โมสต์ : มุมนี้เป็นเรื่องที่เป็นประเด็นตั้งแต่ทำงานกับ Yeezaa เพราะเป็นจุดท้าทายมาก แบบต่อให้เราจริงจังแต่ถ้าคนจำเรามาจากแบบอื่นอย่างนักแสดง ก็อาจถูกมองว่าเป็นนักแสดงที่มาปล่อยเพลง ก็พยายามจริงใจกับขั้นตอนการทำงาน จะได้มีข้อมูลเวลาไปโปรโมต และให้ชิ้นงานมีตัวเราและดูเต็มที่กับงาน และพอออกไปสายตาคนดู คนจะรู้ว่าตั้งใจกับมันครับ
ณ เวลานี้โมสต์มีเป้าหมายในการเป็นศิลปินอย่างไร ทั้งในพาร์ทเพลงและคอนเสิร์ต
โมสต์ : จริงๆ ก็ฝันทุกอย่างครับ (หัวเราะ) แรกเริ่มที่ได้คุยกับพี่ยิ้มคือแค่อยากทำเพลงสักที เลยยังไม่ได้อะไร มีหมุดหมายอะไร แต่ตอนนี้รู้สึกกระโดดมาทำแบบนี้ ก็อยากให้ไปไกลเท่าที่ทำได้ อย่างน้อยอยากให้คนจดจำว่าเราทำเพลงจริงๆ นะ ในช่วงเวลาหนึ่งครับ (หัวเราะ)
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ