รีวิวคอนเสิร์ต BLACKPINK BORN PINK รอบ encore สนุกขึ้น ตื่นตามากขึ้น จัดการดีขึ้น

แม้ว่าเพิ่งจะดูคอนเสิร์ตของสาวๆ BLACKPINK ไปเมื่อ 4 เดือนที่แล้วเท่านั้น แต่รอบนี้สนุกกินขาดดว่ารอบเก่าด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง

BLACKPINK WORLD TOUR [BORN PINK] BANGKOK ENCORE จัดขึ้นในวันที่ 27-28 พ.ค. 2023 รอบอังกอร์ย้ายมาจัดที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่ๆ แฟนๆ อยากให้จัดตั้งแต่แรก จึงทำให้หมดดรามาเรื่องสถานที่ไปได้แล้วข้อหนึ่ง (แม้ว่าห้องน้ำจะเหมือนเดิม แต่คงเริ่มเข้าใจกันแล้วว่าห้องน้ำสนามเป็นเรื่องธรรมดาในการนำมาใช้เพื่อให้บริการคนนับหมื่น) รวมถึงความคุ้นเคยในการเดินทาง สถานที่ที่ใหญ่กว่าเดิม รองรับคนได้มากกว่าเดิม มีที่ให้นั่งให้เดิน อาหารเครื่องดื่มต่างๆ และการจัดการให้คนเข้างานก็ทำได้เร็วกว่าเดิม

• รีวิวคอนเสิร์ตวันแรก BLACKPINK BORN PINK 2023 สนามศุภฯ ห้องน้ำ บัตรยืน และการจัดการต่างๆ

คอนเสิร์ตเริ่มช้าไปกว่าเดิม 30 นาที ไม่แน่ใจว่าเพราะสาเหตุอะไร ทั้งๆ ที่ปกติคอนเสิร์ตของศิลปินเกาหลีมักเล่นตรงเวลาหรือช้าไม่เกิน 5 นาทีด้วยซ้ำ (ครั้งที่แล้วก็เลทไปครึ่งชม.เหมือนกัน) แต่เมื่อวิดีโอ VTR เปิดและ 4 สาวปรากฏตัวบนเวที เมื่อนั้นทุกข้อสงสัยก็หายไปหมด จีซู เจนนี่ โรเซ่ ลิซ่า สวยสดใสพร้อมผูกผมขึ้นสู้อากาศร้อนในไทยเหมือนเดิม 5 แรกจัดเต็มไม่ให้ได้หายใจหายคอ ทั้ง “How You Like That”, “Pretty Savage”, “Whistle” (ครึ่งเพลง), “Don’t Know What To Do” และ “Lovesick Girls” สาวๆ ทั้งร้องสด เต้นแรงไลน์เต้นชัดเหมือนเดิม

โดยรวมโชว์ encore ก็คือโชว์เดิมและมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ในส่วนของโชว์ BORN PINK ทัวร์สามารถอ่านรีวิวได้จากรีวิวคอนเสิร์ตคราวที่แล้วในลิงค์ด้านล่าง ในรีวิวนี้ขอพูดถึงเฉพาะสิ่งที่แตกต่างโชว์ครั้งที่แล้วแบบที่เห็นได้และสัมผัสได้ชัดเจน

• ใครว่า BLACKPINK ไม่ร้องสด! คอนเสิร์ต BORN PINK พิสูจน์ความเป็นศิลปินตัวแม่แห่งทศวรรษ

รอบอังกอร์นี้ มีการปรับเปลี่ยน setlist เล็กน้อย ในช่วงที่ 2 ของโชว์ ที่มีเพลง “Kill This Love”, “Crazy Over You”, “Tally” และ “Pink Venom” ก่อนเพลง “Tally” เคยเป็นเพลง “Playing with Fire” มาก่อน รอบนี้เปลี่ยนเป็น “Stay” ซึ่งก็สามารถทดแทนในสัดส่วนของเพลงช้าที่เคยมีอยู่เพลงเดียวกลายเป็นสองเพลงได้ ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีเหมือนกันที่ยินสาวๆ ร้องเพลงชัดๆ ได้โชว์สกิลโวคอลกันเต็มที่ยิ่งขึ้น แต่ก็เสียดายเพลงที่เอาออกไปเหมือนกัน (อยากให้เพิ่มเข้ามา มากกว่าเอามาแทนที่)

ที่ตื่นเต้นรอคอยสุดๆ คงหนีไม่พ้นเพลงโซโล่ของจีซู “Flower” ที่เป็นครั้งแรกที่ได้เล่นสดในเมืองไทย แฟนๆ เฮลั่น จีซูเพอร์ฟอร์มได้ดีทั้งร้องทั้งเต้นอย่างเป็นธรรมชาติสมการรอคอย โซโล่ของเจนนี่ยังคงเป็น “You & Me” เหมือนเดิม แต่โรเซ่ร้องเพลง “Gone” แทน “Hard to Love” และลิซ่าร้องเพลง “MONEY“ เต็มเพลงโดยไม่มี “LALISA” ช่วงที่ร้องว่า “everyone silent” ยังคงเงียบได้ใจแบบเท่ๆ เหมือนเคย

สำหรับเรา ช่วงโซโล่เป็นช่วงไฮไลต์ของโชว์ที่แสงสีเสียงเต็มที่และได้เห็นการเพอร์ฟอร์มของแต่ละคนอย่างชัดเจน ไม่มีใครเบากว่าใคร ทุกคนเต็มที่ เล่นกูเล่นตาอารมณ์ดี เต้นชัดร้องชัดจนน่าประทับใจ สู้อากาศร้อนอบอ้าวในราชมังฯ กันดีมากๆ

มาต่อกันที่ครึ่งหลังที่ใกล้เคียงกับรอบที่แล้ว ทั้งเพลง “Shut Down”, “Typa Girl” ที่มาพร้อมโครงเหล็กเหมือนเดิม, “DDU-DU DDU-DU” และ “Forever Young” สนุกจนอยากลุกขึ้นเต้น ก่อนที่จะเข้าสู้ช่วงสุดท้ายจริงๆ กับช่วงอังกอร์ ที่รอบนี้มี “BOOMBAYAH” กลับมาแล้ว หลังจากที่รอบที่แล้วไม่มีเพลงนี้ ตามด้วย “DDU-DU DDU-DU” เวอร์ชั่นรีมิกซ์ที่เราไม่ติด แต่ถ้าเอา “Playing with Fire” กลับมาอาจจะดีกว่า และจบด้วยเพลงเดิม “As If It’s Your Last” ที่แฟนๆ ต่างโบกแท่งไฟทั้งเต้นทั้งกระโดดกันเต็มที่ จนเรารู้สึกว่าช่วงอังกอร์ตอนจบดันกลายเป็นช่วงที่คนดูจอยที่สุด

ทั้งนี้ทั้งนั้น ด้วยความที่ราชมังฯ ใหญ่มาก มั่นใจว่าแต่ละโซนย่อมให้บรรยากาศไม่เหมือนกัน โชคไม่ดีนักที่โซนของผู้เขียนเต็มไปด้วยตากล้องมือถือสมัครเล่นในคราบแฟนคลับที่ถือมือถือเหนือศีรษะอัดคลิปตลอดทั้งคอนเสิร์ต รวมถึงการนั่งชมโดยถูกทีมงานห้ามไม่ให้ลุกขึ้นยืนดูเลยแม้แต่เพลงเดียวไปจนถึงช่วงอังกอร์ก็ทำให้ขาดอรรถรสไปบ้าง (เนื่องจากรอบวันเสาร์มีแฟนๆ บางกลุ่มในโซนชั้น 1 ยืนดูบนเก้าอี้) การถูกบดบังทัศนียภาพตลอดทั้งโชว์ทำให้ตัวผู้เขียนเองขาดอรรถรสไปเยอะพอสมควร แต่ถึงกระนั้นก็ยังสัมผัสถึงเอเนอร์จี้จากสาวๆ และยังประทับใจกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้วอยู่ดี แสงสีเสียงเวทีพลุต่างๆ สวยมากเหมือนเดิม และแดนเซอร์ก็แซ่บเหมือนเดิมเช่นกัน

รายละเอียดของโชว์ในแต่ละเพลง บางส่วนได้รับการปรับปรุงและใส่รายละเอียดให้น่าสนใจขึ้นเหมือนกับโชว์ในงาน Coachella ในเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา น่าเสียดายที่ “Typa Girl” รอบอังกอร์ไม่มาเป็นเวอร์ชั่นขนนกเหมือนใน Coachella อย่างที่เราคาดหวังเอาไว้เล็กๆ แต่ในเพลงนี้เรายังประทับใจกับการแสดงออกทางสีหน้าและท่าทางการเต้นของสาวๆ เหมือนเดิม

• รีวิว BLACKPINK at Coachella 2023 การกลับมาที่สมบูรณ์แบบกว่าเดิม

ทั้ง 4 สาวยังคงอารมณ์ดี เอนเตอร์เทนคนดูผ่านการแสดงได้ดี ยังคงพูดไม่เก่งเหมือนเดิมแต่ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับ พูดไม่มากแต่ไม่เคอะเขินหรือช็อตฟีลมากนัก โดยเฉพาะลิซ่าที่ช่วยพูดคุยเป็นภาษาไทยอย่างเป็นกันเอง และเหล่าสมาชิกที่เหลือก็พูดภาษาไทยน่ารักๆ ให้ฟังสั้นๆ ด้วย สัมผัสได้ว่าสาวๆ แฮปปี้กันจริงๆ และแม้ว่าจะเกิดปัญหานิดๆ หน่อยๆ ระหว่างโชว์ เช่น โรเซ่ที่แอบไอจนต้องหยุดร้องไปช่วงสั้นๆ แต่ก็กลับมาร้องเพลงต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ รับมือกับสถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างเป็นมืออาชีพ 

ที่น่าเสียดายเล็กๆ น่าจะแค่คนดูที่ไม่แน่ใจว่าเอนจอยกันมากน้อยขนาดไหน จนลิซ่าถามว่าสนุกกันไหมแล้วเสียงที่ตอบกลับดูหงอยๆ จนลิซ่าทำหน้างอนๆ แล้วถามกลับว่าไม่สนุกเหรอ แถมยังพูดอีกครั้งว่าทำไมไม่ค่อยกรี๊ดกันเลย สาเหตุมาจากแฟนๆ ส่วนใหญ่ (เท่าที่ผู้เขียนเห็นจากโซนของตัวเอง) มักจะเอนจอยกับการถ่ายคลิปมากกว่า ไม่แน่ใจว่าเพราะโดนบังเหมือนกันด้วยอีกหรือเปล่าเลยอาจจะไม่ค่อยเอนจอย รวมถึงแท่งไฟที่แม้ว่าจะมี bluetooth แต่เมื่อโชว์จริงก็ไม่ได้เปลี่ยนสีให้สวยตามจังหวะเพลงไปทั้งฮอลล์อะไรแบบนั้นเท่าไร แต่ใดๆ สุดท้ายแล้วก็ยังยืนยันคำเดิมว่าโชว์รอบอังกอร์สนุกครบเครื่องกับรอบแรก ด้วยองค์ประกอบหลายๆ อย่าง ทั้ง setlist เพลงใหม่ สถานที่ใหม่ บรรยากาศใหม่ และเชื่อว่าต่อให้ BLACKPINK จัดคอนเสิร์ต encore อีกกี่รอบ ที่นั่งก็ถูกจองเต็มและแฟนๆ ให้การต้อนรับจนแน่นขนัดเหมือนเดิมแน่นอน

BLACKPINK พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งแล้วว่า คำจำกัดความของ BORN PINK คืออะไร คือสาวๆ ทั้ง 4 คนที่ BORN to be BLACKPINK แล้วยัง BORN to be the STARS & BORN to be the perfect PERFORMERS อีกด้วย