"ฝน ธนสุนทร" รักแท้วัดที่ใจไม่ใช่เพศสภาพ ชีวิตคู่ 20 ปี สวยงามตามช่วงเวลา

ฝน ธนสุนทร นักร้องเจ้าของฉายา "เจ้าหญิงลูกทุ่ง" เปิดบ้านให้สัมภาษณ์ทีมข่าว Sanook.com พูดถึงความรักของเธอกับ เอ อุไรมนัส แฟน ที่คบกันมาจนถึง พ.ศ.นี้ เป็นเวลา 20 ปี พอดิบพอดี

นักร้องลูกทุ่งหญิงที่มีรางวัลการันตีความยอดเยี่ยม จากหลายสถาบัน มีเพลงใจอ่อน และอีกหลายบทเพลงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เล่าว่า ความรักของเธอกับเอ ซึ่งในอดีตเคยเป็นนักกรีฑาเยาวชนทีมชาติ และเป็นแดนเซอร์ ช่วงแรกๆ มีผู้คนมากมายวิพากษ์วิจารณ์ หลายคนไม่เห็นด้วย และปรามาส "จะไปกันได้สักกี่น้ำ" ซึ่งเธอเลือกไม่ตอบโต้ และให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

"วันนี้ 20 ปีแล้ว พิสูจน์ได้หรือยัง" ฝนตั้งคำถามกลับเสียงวิพากษ์วิจารณ์

"ช่วงแรกๆ นะคะ ก็คือมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาหลายๆ อย่าง โอ้โหชอบแบบนี้เหรอ แบบว่าเสียของนู่นนี่นั่น เสียของ เป็นคำที่ฝนรู้สึกแบบไม่ชอบ ไม่ชอบที่สุดเลย เพราะมันเหมือนกับเขาก็ไม่ให้เกียรติเรา"

"หลายคนก็จะแบบปรามาสไว้ก่อน แบบว่าความรักแบบนี้ไปได้ไม่กี่น้ำหรอก นู่นนี่นั่น เราก็ไม่อยากเถียง ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ก็แล้วกัน"

"ถามว่าฝนเคยมีความรักชายหญิงไหม มีค่ะ ก็มีแฟนเป็นผู้ชายปกติ จีบปกติ แฮปปี้ปกติ ด้วยความห่างกัน เขาอาจจะเผลอไผลไปมีอีกคนหนึ่ง ซึ่งเราก็มองว่า รักควรมีแค่สอง มันไม่ควรที่จะแบบว่ามีสาม หรือว่าแบ่งใจ

"จบความรักนั้นไป ฝนก็ไม่เคยมีความรักแบบนั้นอีกเลย จนกระทั่งเขา (เอ) เดินเข้ามา แล้วเขาก็แบบดูแลเรา เขาแบบละเอียดอ่อน อาจจะเป็นผู้หญิงด้วยแหละ แล้วเราก็เป็นผู้หญิง เขาก็เข้าใจความละเอียดอ่อนของผู้หญิงแล้วเขาไม่เคยเถลไถล"

"ที่สำคัญ เขาไม่เคยเผลอไผลเผลอใจ หรือว่าไปแอ๋วใครไปอะไรใคร ให้เราแบบต้องเจ็บช้ำน้ำใจเลย อะไรอย่างเนี้ยค่ะ มันก็เลยทำให้รู้สึกว่า คนเรามันจะต้องการอะไรมากกว่านี้ ความจริงใจ"

ฝน ไม่ยึดติดกับฉายาเจ้าหญิงลูกทุุ่ง ปรับตัวไปตามความเปลี่ยนแปลง ในขณะที่งานเดินสายร้องเพลงไม่หวือหวาเหมือนก่อน แต่ก็ไปได้สวยกับการรีวิวสินค้า พรีเซ็นเตอร์ คอมเม้นเตเตอร์ ถ่ายทอดวิชาให้กับคลื่นลูกใหม่ งอกงามขึ้นมาประดับวงการลูกทุ่ง บอกต่อว่า หากให้พูดถึงนิยามความรักของเธอกับเอ จากวันแรกมาถึงวันนี้ พูดได้ว่า คือ "รักแท้" มีความสวยงามตามช่วงเวลา แม้ที่ผ่านมามีกระทบกระทั่งกันบ้าง ก็ตาม

"มาถึงวันนี้ ฝนก็มองว่าความรักมันสวยงามแหละ มีความสวยงามในแบบฉบับของช่วงเวลา"

"อายุตอนนี้ ฝน 49 แล้ว มันก็คงไม่หวือหวา แบบบอกรักกันทุกวัน นู่นนี่นั่น เป็นความสวยงามในรูปแบบ ช่วยกันทำมาหากิน เข้าอกเข้าใจกัน เจอปัญหาหนักมา มานั่งคุยกัน ปลอบใจกัน"

"มันก็มีทะเลาะกันบ้าง หนักนิดเบาหน่อย เป็นธรรมดาของลิ้นกับฟัน สุดท้ายแล้วเราก็ดูแลกันและกัน รักกัน ซื่อสัตย์ต่อกัน หวังดีต่อกัน ยังคงเส้นคงวาอยู่เสมอค่ะ เราก็แค่หวังให้เขามีความสุข เขาก็หวังให้เรามีความสุข"

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ฝน เผยมุมมองส่วนตัวเรื่องความรัก เธอบอกว่า ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม เป็นความรู้สึกที่มาจากจิตใจ เกิดขึ้นกับใครก็ได้ ไม่ใช่มาจากนิยามของสังคมล้อมกรอบ หรือกำหนดเพศ "ชายกับหญิง" เท่านั้น

ในโลกใบนี้ยังมีเพศหลากหลายตามจิตใจอยากเป็น เธอเชื่อว่า "รักแท้" วัดกันที่หัวใจ ไม่ใช่เพศสภาพ

เพศภาพแบบหญิงชายปกติ หรือว่า LGBTQ ไม่ใช่ตัวบ่งชี้ หรือการันตีว่า คู่รักจะเป็นคู่ชีวิตที่สามารถอยู่กินกันไปจนแก่เฒ่า หากแต่อยู่ที่การทนุถนอมความรักที่มีต่อกันในระดับที่กำลังดีหรือไม่ มากกว่า

"ฝนมีความรู้สึกว่า ความรักก็คือความรัก สวยงามทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นแบบหญิงชายปกติ หรือว่า LGBTQ ทุกคนมีหัวใจหมด ทุกคนมีหัวใจหมด ทุกคนมีความรู้สึกหมด แต่อยู่ที่ว่าใครจะชอบแบบไหน เหมือนสีสันน่ะ คนชอบสีนี้ๆ มันก็คือแล้วแต่ แต่ต้องรักให้ถูกต้อง ถ้ารักไม่ถูกต้องอย่างเช่น ตามล้างตามเช็ด หึงหวงกันอยู่ตลอดเวลา ฝนว่าอันนี้ไม่ใช่ความรักแล้ว มันเป็นความยึดมั่นว่ามันต้องเป็นของเรา"

"ฝนเคยไปอ่านหนังสือ ของนิกายเซนค่ะ เขาบอกว่า ความรักก็เป็นเหมือนทราย ถ้าเรากอบขึ้นมาอย่างนี้ค่ะ ด้วยความทนุถนอม ด้วยความระมัดระวังเบาๆ ทรายก็จะอยู่ในมือเราเต็มมือเหมือนเดิม แต่ถ้าเราละเลยหละหลวม ทรายก็จะหลุดออกจากซอกนิ้วของเรา เราก็เหลือความรักนิดเดียวถ้าเราหละหลวม แต่ถ้าเราเข้มงวดกับเขามากเกินไป ทรายก็ร่วงออกเหมือนกัน"

ฝน แสดงความเห็นส่งท้ายการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ แม้ทุกวันนี้สังคมเปิดกว้าง เรื่องเพศหลากหลายมากกว่าในอดีต แต่ความรักยังมีการจัดหมวดหมู่ ให้กับกลุ่มหลากหลายทางเพศออกไปต่างหาก และอีกสารพัดสิ่งแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับ ไม่มีสิทธิเท่าเทียมกับความรักของคู่ชายหญิง

"ไม่อยากให้มาแบ่งแล้วว่า เพศหญิงเพศชายถึงจะสมรสกันได้ อย่างที่บอกทุกคนมีหัวใจหมด แล้วก็ทุกคนแบบมีความชอบส่วนตัว แล้วคู่ปกติเขาก็ทำงานเขาก็เสียภาษี กฏหมายก็คุ้มครอง เราก็เสียภาษีเหมือนกัน แต่เราไม่ได้รับกฏหมายคุ้มครอง"

"ถ้าเราเป็นแบบนี้ เราไม่เสียภาษีกฏหมายไม่ต้องคุ้มครองเราก็ได้ ถูกไหมคะ แต่นี่เราก็เสียเท่ากับบุคคลปกติที่กฏหมายเขาคุ้มครอง เราก็เลยมองว่าออกมาเถอะไม่ได้เสียหายอะไร"

"เหมือนเราอยู่ในหมู่บ้านเนี่ย เราต้องจ่ายค่าส่วนกลาง เพราะฉะนั้นเนี่ยในหมู่บ้านเขาก็ต้องมาดูแลมาเก็บกวาดขยะมาทำอะไรให้เรา บ้านไหนไม่จ่ายก็ไม่ต้องทำให้ถูกไหม"

"เพราะฉะนั้นฝนว่ากลุ่มเหล่านี้ ก็เป็นมนุษย์ที่อยู่ในสังคม แล้วก็ทำงานแล้วก็เสียค่า เขาเรียกว่าอะไรอ่ะ ค่าส่วนกลาง เสียภาษีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นคุณควรจะคุ้มครองเท่ากันๆ"

"ฝนแค่มองในความเป็นมนุษย์ที่เท่ากันค่ะ มีชีวิตเหมือนกัน เกิดมาครั้งเดียวเหมือนกัน ตายครั้งเดียวเหมือนกัน ฝนไม่ได้มองว่า เพราะฝนเป็นแบบนี้ไง ฝนถึงสนับสนุน ถึงฝนไม่เป็นแบบนี้ฝนก็สนับสนุน เขาจะเป็นยังไงก็ต้องดูแลเขา นี่แหละคือความเท่าเทียม"