รู้จัก The Whitest Crow ถึงชีวิตอันพลิกผันใน 2 ปี แต่ "มิตรภาพ" กับ "ความร็อค" ไม่เปลี่ยน! | Sanook Music

รู้จัก The Whitest Crow ถึงชีวิตอันพลิกผันใน 2 ปี แต่ "มิตรภาพ" กับ "ความร็อค" ไม่เปลี่ยน!

รู้จัก The Whitest Crow ถึงชีวิตอันพลิกผันใน 2 ปี แต่ "มิตรภาพ" กับ "ความร็อค" ไม่เปลี่ยน!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากอยู่ในซีนอินดี้มานาน ในที่สุดวงกาขาวแห่งวงการเพลงอย่าง The Whitest Crow และสมาชิก ไตเติ้ล-ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์ (นักร้อง/กีต้าร์), อ๋อง-วิศวชาติ สินธุวณิก (กีต้าร์) แบงค์-นนทพัทธ์ พรหมจาต (เบส) และ เบ็น-นัทธพงศ์ พรหมจาต (กลอง) ได้เริ่มความท้าทายใหม่กับการเข้ามาอยู่ค่าย genie records ที่ทำให้พวกเขาได้ทำเพลงภาษาไทย และทำผลงานในสภาพแวดล้อมที่เติบโตขึ้น ทั้งการทำเพลง และโชว์ในสถานที่ที่ไม่เคยไป 

และหลังจากการทดลองหลายๆ อย่าง พวกเขาก็มากับเพลง "หวานเป็นลม ขมเป็นบ้า" ที่มีแนวทางการทำที่แตกต่าง และทำให้เราอยากคุยกับวงถึงตัวตนปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงวิธีทำงาน การโชว์ และมิตรภาพที่ไม่เปลี่ยนตั้งแต่ฟอร์มวงสมัยเรียนมหาวิทยาลัย 

The Whitest CrowThe Whitest Crow

การเดินทางของ The Whitest Crow กับ genie records เริ่มได้อย่างไร 

ไตเติ้ล : ผมมีโอกาสได้ทำอาร์ตเวิร์คให้วงในนั้น เป็นอาร์ตไดเร็คเตอร์ให้ Sweet Mullet ให้วงในนั้น พี่ อ๊อฟ Big Ass (พูนศักดิ์ จตุระบุล) มาเจอก็บอกว่าส่งเพลงมาสิ ทำเพลงแล้วมาคุยกันว่าจะทำยังไงดี ก็คลิกกันประมาณหนึ่ง ก็เป็นช่วงเปลี่ยนแปลงเพราะพี่เบนไปเรียนต่อครับ  

เบน : ผมไปเรียนต่อที่อังกฤษ 1 ปีแล้วกลับมาเพราะโควิด-19 พอดี ก็มีแพลนทำดนตรีต่อ ก็เป็นช่วงที่ genie records สนใจและมีการคุยเบื้องต้นว่าส่งเดโม่ไปไหม ก็เริ่มส่งจริงจังคุยจริงจังครับ  

การทำงานเปลี่ยนไปบ้างไหมพอมาอยู่ genie records

ไตเติ้ล : สมัยก่อนเราอัดแบบโฮมสตูดิโอมากๆ เลยครับ พอมาอยู่กับ genie records ก็เข้าสตูดิโอจริงจังมากขึ้น งานแรกๆ เราก็ส่งไปให้ Brett Shaw โคโปรดิวเซอร์วง FOALS ในอัลบั้ม Everything Not Saved Will Be Lost ก็สนุกครับ ได้ทำอะไรที่เราชอบแต่มีความโตและใส่รายละเอียดมากขึ้น ผมน่าจะเป็นคนที่ใช้เวลาอัดร้องมากที่สุดในค่าย (หัวเราะ) คือหลายอย่างมันดีแล้ว แต่มันดีขึ้นได้อีกครับ   

เบน : มันเป็นขั้นตอนที่ทำให้เราลงดีเทลกับตัวเองมากขึ้นด้วย เพราะเมื่อก่อนเราอาจจะพอแล้วกับจุดนี้ แบบสุดแล้ว แต่การได้พี่อ๊อฟมาช่วยมันทำให้เรารู้ว่าเราไปได้มากกว่านี้อีก มีดีเทลให้เพอร์เฟ็กต์ ต้องทำการบ้านก่อนเข้าห้องอัดครับ  

ไตเติ้ล The Whitest Crowไตเติ้ล The Whitest Crow

ก่อนหน้านี้ The Whitest Crow เคยพูดว่าการทำเพลงไทยเป็นเรื่องยาก มันยากในมุมไหน 

ไตเติ้ล : เรามาอยู่ genie records เพื่อทำเพลงไทย แต่ตอนทำเพลงสากลการโกงวรรณยุกต์ โกงสระมันง่าย มันท้าทายมากๆ แต่เราทำเพลงไทยเพื่อท้าทายตัวเองว่าทำได้ไหม เวิร์คไหม ทุกวันนี้ก็ยังโกงวรรณยุกต์ โกงเสียงอยู่ แบบคำอย่าง ใคร กับ ไข่ เปลี่ยนนิด ความหมายเปลี่ยนเลย อย่างคำว่า “GO” เสียงต่ำสูงมันยังคำเดิม เลยรู้สึกมันยากแต่สนุก เวลาผ่านไปมันไม่ง่ายขึ้นเลย แต่มันดีขึ้น และชินมากขึ้น แต่ก็ยังยากอยู่ครับ 

นิยามดนตรี The Whitest Crow ตอนนี้คืออะไร 

The Whitest Crow : เรายังเป็นร็อคอยู่ครับ เป็น Independent Rock เรามีความเป็นร็อคแต่ไม่ได้จำกัดว่าต้องเสียงแตก เสียงหนัก แต่เป็นความขบถ การทดลอง ไม่อยากตายอยู่กับที่ อยากไปข้างหน้า บางเพลงอาจจะไม่สามารถระบุเพราะเราเปลี่ยนใหม่ๆ ทุกเพลง มันก็จะไปตามสิ่งที่เราตกผลึกในเพลงครับ 

เพลง "หวานเป็นลม ขมเป็นบ้า" มีจุดเริ่มต้นอย่างไร 

The Whitest Crow : เพลงนี้มาจากเวิร์คช็อปครับ ตอนนั้นเวิร์คช็อปเนื้อเพลงกับพี่ กบ Big Ass (ขจรเดช พรหมรักษา) กับทีม Mango ครับ ก็บอกให้ทำดนตรีและเมโลดี้ร้อง ก็ให้คนในเวิร์คช็อปจับฉลากว่าใครแต่งเนื้อเพลงให้ใคร ก็ได้น้อง ภูร์ Wallrollers (ภูริภัทร์ ศรนุวัตร) พอถึงเวลาน้องเขียนมาก็ถูกจริตมาก เราไม่เคยมีใครเขียนเนื้อเพลงมาให้ก่อน แต่น้องแบบเป็นคนที่รู้จักวิธีการใช้คำพูดและความคิดเราดีมาก ก็เซอร์ไพรส์มาก ตื่นเต้นมากครับ ก็ให้ภูร์เขียนให้ ก็เวิร์คกันไปมา ก็จบเพลงนี้ ส่วนดนตรี เราอยากทดลองอะไรใหม่ๆ ไม่ใช่เพลงร็อค อยากได้บีทใหม่ๆ แบบแนว จังเกิ้ล การทำงานเพลงปกติผมจะใช้กีตาร์ขึ้นเพลง แต่เพลงนี้ผมแซมเปิ้ลแบบดีเจ ก็จะมีความ แมนเชสเตอร์ซาวด์ และ เรเกตอน สร้างความสนุกแบบที่เราอยากได้ ก็สนุกดีครับ แฮปปี้ดีครับ เพลงนี้อยู่มาหลายปี ข้ามปีกว่าจะถูกเลือกมาปล่อย เราเอามาเล่นก่อน เอาเดโม่มาเล่นก่อนแล้วคนก็เฮ แล้วพี่กบ Big Ass มาดู ก็บอกทำไมเติ้ลไม่ปล่อยเพลงนี้ บางคนก็คิดว่าเป็นเพลงที่ปล่อยแล้ว ก็มาปล่อยตอนนี้ไทม์มิ่งมันลงล็อค Y2K พอดี

เบน The Whitest Crowเบน The Whitest Crow

แล้วอาร์ตไดเร็คชั่นแต่ละเพลงเรากำหนดอย่างไร ทำไมถึงเป็นยุค Y2K และ 2010 

ไตเติ้ล : ส่วนใหญ่ผมเลือกสีก่อน แบบเพลงนี้ต้องสีอะไรนะ แบบเพลงแรกไม่มีสี และมาเป็นเขียวนีออน น้ำเงิน แล้วมาส้ม และเป็นชมพู เป็นความรู้สึกโทนชมพูที่ไม่ได้พูดถึงความรักจ๋า มันล่อลวง ดูตอบโจทย์ ก็เบสไว้ว่าเพลงนี้เราจะเล่าสีนี้นะว่าจะทำออกมาอย่างไร แต่วงยังคีพความดำครับ 

เบน : เติ้ลจะออกไอเดียตรงนี้ทั้งหมด มันจะมาแบบกลมๆ เพลงนี้ควรมาแบบนี้ และมาได้สไตล์ลิสต์ในเอ็มวีช่วย ส่วนเอ็มวีไม่ได้ Y2K ขนาดนั้น ผมว่าเป็นสไตล์ลิ่งของเพลง ด้วยสไตล์ลิ่งที่มีไวบ์แบบนี้เล่าด้วยภาพแบบนี้มันแมทช์กว่า ก็ตรงกับช่วงนี้ ก็ดีครับ 

แล้วในยุค Y2K และ 2010 เราคิดถึงอะไรกันบ้าง

เบน : พวกเกมบอย ถ้าเป็นไอเทมก็เกมคอนโซล Playstation 1, Game Boy Color ก็เป็นชีวิตวัยเด็กของเรา ติดเกมติดถ้ำ (หัวเราะ) 

ไตเติ้ล : ผมมีกางเกง Cargo เกือบ 3 ส่วน เราชอบ Linkin Park ตอน ม.3 ทุกคนไปกางเกงยีนส์เดฟแล้ว เราแต่งตัวเป็น Mike Shinoda คนเดียวในห้อง คนไม่เก็ทก็เลยเซ็ง (หัวเราะ) ตอนเช้าเอาวอล์คแมนไปโรงเรียนและเปิดเพลง Linkin Park ในห้อง เพื่อนก็ไม่เก็ทครับ ก็เลยไม่มีเพื่อน (หัวเราะ)

อ๋อง : ไม่รู้ว่าเป็น Y2K ไหม แต่เป็นกางเกงยีนส์เพราะตอนนั้นอิน Simple Plan ใส่เสื้อยืด Body Glove โทรศัพท์ Nokia รุ่นนั้นต้องมีครับ 

แบงค์ : มันจะเป็นโซ่ตรงกระเป๋าตังค์ แต่ของแบงค์ตอนแรกมีเส้นเดียว และไปซื้อแบบสามเส้น ห้อยข้างหลัง จำได้ว่าตอนนั้นมี Nokia รุ่นแรก ฟังเพลงแล้วสไลด์ขึ้น ฟังเพลงใส่ MP3 และใส่ Converse แล้วใส่รองเท้าแตะหนีบ สำหรับแบงค์คือหัดใส่รองเท้าแตะหนีบแล้วรู้สึกว่าเท่ครับ 

อ๋อง The Whitest Crowอ๋อง The Whitest Crow

ปัจจุบันการเล่นสดของ The Whitest Crow เป็นอย่างไร เพราะปีนี้ได้เล่น School Tour และมีเพลงไทยเยอะขึ้นด้วย 

The Whitest Crow : มันที่สุดแล้วจริงๆ แบบคนดูมันเปลี่ยน มันมี Gap Year 2 ปีที่ไม่ได้เล่น แล้วมาเจอคนดูกลุ่มใหม่ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่เพิ่งดูคอนเสิร์ตแล้วมันเยี่ยมมากๆ กลุ่มคนดูกลุ่มใหม่ เขาไม่เคยเจอเรา และเราไม่เคยเจอเขา ทุกอย่างมันบริสุทธิ์หมด เป็นสาเหตุที่ทำให้เรามองว่า “หวานเป็นลม ขมเป็นบ้า” มันมาแน่ๆ เพราะเล่นแล้วเด็กเฮกัน สบายใจละ เรามีเพลงที่ใช้สื่อสารกับวัยรุ่น ส่วนเพลงเราจะไม่เล่นเพลงไทยจ๋า สากลจ๋า มันจะผสมๆ กัน เรารู้สึกเราไปดูศิลปินต่างชาติที่มีเพลงสากลและเพลงเกาหลี เรารู้สึกว่าภาษามันไม่ใช่ปัญหาละ คือเขาอยากมาดูเรา ภาษาอะไรก็ได้ครับ

ที่ผ่านมาหลายศิลปินเล่าเรื่องประทับใจ และไม่ประทับใจบนเวที ของวงเรามีไหม 

The Whitest Crow : ประทับใจทุกงาน แต่ไม่ประทับใจไม่ค่อยมี เพราะจำไม่ได้ (หัวเราะ) ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องอุปกรณ์ เพราะพวกเราจะบิ๊วตัวเองให้เล่นดีและไม่รู้สึกแย่กับคอนเสิร์ต มีแค่ดีหรือฟินมากครับ  

ไตเติ้ล : ผมจะมีคือ School Tour เพราะผมเป็นคนดื่มแอลกอฮอลล์ก่อนเล่น จะมีคนเถียงประเด็นนี้เยอะ แต่ไปเล่น School Tour เราคลีนมาก เราก็ไปสนุกกับเพื่อนๆ แบบคลีน หลังจากนั้นก็ดื่มก่อนขึ้นเล่นดนตรีไปเลยครับ เพิ่งได้ลองการสนุกแบบไม่ได้ดื่ม มันสนุกจริงๆ แบบไม่ได้บิ้วตัวเองครับ 

แบงค์ The Whitest Crowแบงค์ The Whitest Crow

อะไรคือสิ่งที่ทำให้ The Whitest Crow มิตรภาพยาวนานไม่มีการแยกวงเมื่อช่วงวัยเปลี่ยน 

The Whitest Crow : เราอยู่กับแบบพี่น้องไปแล้ว เราคุยสัพเพเหระ มีอะไรมาอัปเดตกัน มีกรุ๊ปไลน์มันไม่ได้มีแค่เรื่องดนตรี เบนไปเรียนก็มีถามว่าเป็นอย่างไรบ้าง ไม่ได้คุยกันเรื่องดนตรีอย่างเดียว คุยไลฟ์สไตล์ มันอยู่กันมานาน เราไม่ได้อยากลองปรับเปลี่ยน รู้สึกตรงนี้เรามีเคมีร่วมกันอย่างไร ก็ไม่ต้องคิดอย่างอื่น ไม่ต้องแบบหาสมาชิกเพิ่ม ไม่จำเป็น ยกเว้นทุกคนอยากมีค่อยว่ากัน The Whitest Crow เหมือนตอนเรียนเราอยากเลิกเรียนแล้วไปเตะบอลเล่นเกม กับวงก็เหมือนเลิกทำงานและไปหาวง เป็นช่วงเวลาที่เอนจอย เหมือนใช้ชีวิตเพื่อรอโมเมนต์นี้ เป็นสิ่งที่เราทำมาตลอด 

แล้วเวลาคิดเห็นไม่ตรงกัน เราทำอย่างไร 

The Whitest Crow : เห็นไม่ตรงกันมันก็มี ไม่ว่าจะดนตรีหรือความชอบ การแสดงตอนนั้น ไม่ใช่เราเพอร์เฟ็กต์ แต่เราคุยให้มันแก้ไขตรงนั้น ทุกวงมันก็มีช่วงแบบนี้ การอยู่มานานมันก็มีช่วงที่เถียงกัน ไม่พอใจกันบ้าง ทะเลาะกันแหละ แต่ปลายทางอยากให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า แบบอารมณ์คิดว่า "ไปตึก GMM Grammy ทางไหนเร็วสุด" มันพ๊อยท์เดียวกัน มันจบด้วยการตัดสินใจร่วมกัน ไม่ใช่คนนั้นเห็นด้วย คนนี้ไม่เห็นด้วย ช้าหรือเร็วมันก็ต้องไปด้วยกันได้ พวกเรารักกันมากพอที่จะไม่แบบ “กูไม่อยู่กับมึงละ” มันมีโกรธ มีงอน แต่เดี๋ยวก็หายครับ 

The Whitest Crow จะมีอะไรให้ติดตามในปีนี้บ้าง 

The Whitest Crow ปีนี้ได้อัลบั้มภาษาไทยอัลบั้มแรก ก็มี “หวานเป็นลม ขมเป็นบ้า” ยาวไปถึงอัลบั้มเลย มีงานโชว์ที่เราเป็นธีมชัดเจนให้ทุกคนได้ไป มันไม่น่ามีอะไรอยู่กับที่ มันขึ้นกับจังหวะนั้นๆ เราชอบเรื่องการเซอร์ไพรส์ เราก็อยากนำเรื่องเซอร์ไพรส์มาให้ทุกคนครับ

Photo by Noppachai C.

อัลบั้มภาพ 37 ภาพ

อัลบั้มภาพ 37 ภาพ ของ รู้จัก The Whitest Crow ถึงชีวิตอันพลิกผันใน 2 ปี แต่ "มิตรภาพ" กับ "ความร็อค" ไม่เปลี่ยน!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook