“เวสป้า STER” ร่ำไห้ลั่นสู้สุดตัว เพื่อทวงความยุติธรรม ให้พี่น้องวงการเพลง
เวสป้า หรือ อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา นักร้องนักแต่งเพลง อัดคลิปบอกเล่าเรื่องราวตัวเองผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กำลังถูกค่ายเพลงฟ้อง 12 ล้าน เหตุละเมิดลิขสิทธิ์เพลงที่ตัวเองแต่ง และจะสู้ด้วยชีวิต เพื่อความยุติธรรม เพื่อพี่น้องและนักแต่งเพลง ถ้าแพ้คดีนี้ ยินดีชดใช้เงินให้บริษัทเต็มจำนวน รวมทั้งระบุว่าถ้าประเทศนี้ นักร้องที่แต่งเพลงเอง ร้องเพลงตัวเองไม่ได้ ไม่สามารถทำมาหากินได้ ก็เอาชีวิตไปแล้วกัน
ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 7 ก.ค. ที่ โรงแรมแกรนด์ ฟอร์จูน กรุงเทพฯ เวสป้า ได้ออกมาแถลงข่าวเพิ่มเติม ระบุว่า ที่ผ่านมาเขียนเพลงให้ทุกค่าย เพลงที่เขียนให้ค่ายต่างๆ น่าจะมากกว่า 500 เพลง ใช้เวลาทั้งชีวิตตั้งแต่อายุ 12 ปี ฝึกเล่นกีต้าร์ ฝึกแต่งเพลง เพลงที่เขียนเอาไว้ ประมาณ 4 พันเพลง ไม่เคยเซ็นสัญญาแบบขายขาดให้กับใคร
ส่วนกรณีที่มีคนบอกว่าสู้ยังไงก็แพ้ ขายเขาไปแล้ว วันนี้จะทำให้ทุกอย่างกระจ่าง ทำให้ทุกคนรู้ว่า ทรัพย์สินทางปัญญามันมีอะไรบ้าง
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ เวสป้า บอกว่า เมื่อศิลปินสร้างสรรค์ผลงาน จะมีกฎหมายสร้างสรรค์และคุ้มครองสิทธิให้กับศิลปินตามมาตรา 15 ศิลปินเพลงจะมีสิทธิอยู่ 5 สิทธิ สิทธิที่หนึ่งคือมีสิทธิทำซ้ำดัดแปลง สิทธิที่สองคือสิทธิเผยแพร่ต่อสาธารณชน สิทธิที่สามให้เช่าต้นฉบับสำเนา โปรแกรมคอมพิวเตอร์ โสตทัศนวัสดุ หรือสื่อบันเทิง จะเห็นว่าหลังๆ ค่ายเพลงดิจิทัล ซื้อเพลงบางค่ายไปเปิด พอหมดสัญญาก็จบกัน สี่สิทธิประโยชน์อันเป็นลิขสิทธิ์ต่อผู้อื่น ห้าเป็นสิทธิอนุญาตตามข้อ 1 2 3
วันนี้จะให้ดูสัญญาเพลงที่กับทางบริษัท จริงๆ ไม่ใช่บริษัทเดียว แต่ทุกบริษัทก็เป็นแบบนี้ สัญญายุคนั้นจะมีแค่หน้าเดียวเท่านั้น
เวสป้า ให้ดูเอกสารทำขึ้นโดยบริษัทค่ายเพลงกับเขา อิทธิพล เสนีย์วงศ์ ณ อยุธยา โดยระบุคู่สัญญาก็คือเขากับบริษัทค่ายเพลง
“มาดูที่ว่ามีเพลงอะไรบ้าง คือนี้ผมเซ็นสองเพลงคือ "ด้วยไอรัก" กับ "ไม่อาจเปลี่ยนใจ" ผมไม่เคยขายลิขสิทธิ์ขาดนะครับ” เวสป้า ย้ำอีกครั้ง
“เรามาดูข้อที่สองก่อนนะครับผู้ขาย ตกลงขายลิขสิทธิ์เนื้อร้อง ดังกล่าวตามข้อหนึ่ง อัตราเพลงละ 5,000 บาท ย้ำชัดๆ ว่า 5,000 บาท ผมพูดเลยว่าเวลาเราจะไปจัดคอนเสิร์ตใหญ่ ครั้งหนึ่งคุณเข้าไปดูได้ในกรมทรัพย์สินทางปัญญา ถ้าส่วนใหญ่บริษัทจะระบุเอาไว้ว่า จ่ายครั้งหนึ่ง 40,000 - 50,000 - 100,000 บาท แล้วมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
“พี่ชายของผมคนหนึ่งในค่าย ผมไม่ขอเอ่ยชื่อ คือเขาไปขอลิขสิทธิ์ จะจัดคอนเสิร์ตตัวเอง โดนครั้งละ 50,000 บาท 20 เพลงก็คือหนึ่งล้านสุดท้ายจัดไม่ได้ จนวันหนึ่ง มีคนจะจัดให้ ก็ไปขอแต่สุดท้ายไม่ได้เซ็นมา เพราะบริษัทก็อยากจะเอาไว้จัดเอง”
“ข้อที่สองคือการซื้อขายนี้ ผู้ซื้อมีสิทธิจะนำ เนื้อร้องทำนองดังกล่าว ไปผลิตเป็นแผ่นเสียง และนำไปทำโสตทัศนวัสดุ ขึ้นมาจำหน่ายในนามของผู้ซื้อเอง และข้อ 4 คือนำสัญญาว่าจ้าง จะไม่นำสิทธิ์เนื้อร้องนี้ไปขายใครอีก ถ้าผิดสัญญาผมก็ต้องเสีย 100,000 บาท”
“เห็นไหมว่าลิขสิทธิ์ที่ผมเปิดให้ดู 5 สิทธิบริษัทได้จากผมไปแค่ 2 สิทธิดัดแปลง คือสิทธิทำซ้ำดัดแปลง โสตทัศนวัสดุ เพื่อออกจำหน่ายเท่านั้นและมิหนำซ้ำนะครับ ยังมีข้อตกลงตอนท้ายอีกว่าหากผู้ซื้อซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ เนื้อร้องตามสัญญานี้นำเพลงหนึ่งเพลงใดไปให้คนอื่นร้อง เพื่อไปบันทึกเสียงโสตทัศนวัสดุ จะยินยอมตอบแทนให้แก่อีกเป็นจำนวนครั้งละ 5,000 บาท แต่ผู้ขายมีหน้าที่มารับค่าตอบแทนด้วยตัวเอง นั่นหมายความว่าถ้าผมไม่ไปรับ ด้วยตัวเองก็จะไม่ได้ แล้วก็มีลายเซ็นถูกต้อง จะเห็นได้ว่าอีก 3 สิทธิ ยังอยู่กับผม แต่บริษัทได้เอาสิทธิของผมไป คือมันน่าจะเป็นของผม ก็รอจนกว่าศาลจะตัดสิน ซึ่งจริงๆ ในเนื้อความมันเป็นของเราอยู่แล้ว”
เวสป้า บอกด้วยว่า ยุคสมัยนี้ แพลตฟอร์มช่องทางการรับชมคนดูเปลี่ยนไปจากในอดีต แต่ศิลปินยังคงใช้สัญญาเดิม เท่ากับพวกตนไม่ได้ส่วนแบ่งในผลงานเลย และที่ผ่านมา ในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีนักร้อง นักแต่งเพลงคนไหนสู้เรื่องนี้กันจนถึงสุดทาง
“เวลาใครจะซื้อเพลง "ไม่อาจเปลี่ยนใจ" เขาจะซื้อกับผมหรือกับอาร์เอสล่ะ เขาก็ต้องซื้อกับทางบริษัท ในกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ขึ้นชื่อพวกผมไว้ว่าเป็นแค่คนแต่ง ส่วนสิทธิต่างๆ เป็นของบริษัท สิ่งนี้จะถูกต้องไม่ถูกต้อง ถ้าศาลตัดสินเดี๋ยวก็จะรู้ ตอนนี้ประวัติศาสตร์ยังไม่มีศาลตัดสินเรื่องนี้ ยังไม่เคยมีนักร้อง นักแต่งเพลงคนไหนที่สู้จนถึงสุดทาง”
เวสป้า บอกด้วยว่า เขายังมีอีกหลักฐานหนึ่ง ซึ่งถ้าปล่อยออกไปจะสะเทือนทั้งวงการ ทุกค่ายเพลงด้วย ไม่เฉพาะค่ายใดค่ายหนึ่ง จะเป็นสัญญาที่ปลดแอกทุกคนสู่อิสรภาพทั้งหมด แต่ขอเก็บเอาไว้ก่อน
“สิ่งที่พวกเราต้องการคืออิสรภาพ และอยากให้รู้ว่าเราถูกเอาเปรียบอะไรบ้าง เมื่อก่อนเราได้เปอร์เซ็นต์เทป ซีดี โปรดิวซ์ฯ แต่ตอนนี้เราถูกละเมิดสิทธิหมด จากผับบาร์ คาราโอเกะ ห้องอาหาร ตามสตีมมิ่งต่างๆ เช่น ยูทูบ เขาจะกันค่าลิขสิทธิ์เพลงที่เผยแพร่สู่สาธารณชนเอาไว้ประมาณ 20% เพื่อเซฟตัวเอง เขาจะเอา 20%นี้มาโยนให้กับประเทศต่างๆ ที่ใครเป็นเจ้าของสิทธิ ไม่ว่าจะสิทธิทำซ้ำ ดัดแปลง สิทธิโสตทัศนวัสดุ หรือสิทธิเผยแพร่ต่อสาธารณชน เงินตรงนี้ ประเทศนี้น่าจะมีเกิน 2,000 ล้านต่อปี ที่เขานำมาให้กับบริษัทต่างๆ ปีที่ผ่านมา MCT (music copyright thailand) ได้รับเงินจากดิจิทัลแพลตฟอร์มมา 850 ล้าน ผมไม่รู้หรอกว่าบริษัทใหญ่ๆ ที่ผมเขียนเพลงเอาไว้เขาได้กันไปคนละเท่าไหร่ ถ้าคดีผมชนะ ค่อยมาดูกัน”
“อีกส่วนคือละเมิดไปให้ทีวีช่องต่างๆ เช่น รายการประกวดร้องเพลง ถ้าเขาจะขอไปร้องเป็นเพลงก็จะเพลงละ 20,000 บาทขึ้นไป แต่บางรายการเขาจะซื้อแบบเหมาไปเลยทั้งปี ในกรมทรัพย์สินทางปัญญาเขามีอัตราอยู่แล้วว่าเท่าไหร่ รวมถึงงานคอนเสิร์ตใหญ่ๆ เอง เราก็ไม่เคยได้รับสิทธิเผยแพร่ต่อสาธารณชนเลย สิทธิเผยแพร่กับ 20% กับ 80% ที่บริษัทจะได้ไปอยู่แล้ว มันเหมือนที่เราเคยได้เมื่อก่อนในส่วนของเทป ซีดี แต่วันนี้แพลตฟอร์มมันเปลี่ยนไปเป็นอย่างอื่นแล้วเรากลับไม่ได้ เราก็อยากจะเรียกร้องตรงนี้ พวกเราก็ควรจะได้เหมือนที่เขาจ่ายค่าเทปค่าซีดี เดี๋ยวนี้แพลตฟอร์มออนไลน์มีหลากหลาย”
ระหว่างแถลงข่าว เวสป้า ร้องไห้เล่าชีวิตนักแต่งเพลง ที่มีผลงานโด่งดัง แต่กลับมีความเป็นอยู่อย่างอนาถาด้วย
“รู้จักเพลง "โกหกหน้าตาย" ไหมครับ รู้จักเพลงทั้งรักทั้งเกลียด ครูเพลง มนตรี ผลพันธิน แต่งเพลงฮิตไว้มากมายแล้วก็เสียชีวิต อย่างอนาถา ตายอยู่ในบ้านคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว 3 วัน ญาติถึงจะรู้ว่าเสียชีวิต ชีวิตพวกเราควรเป็นอย่างนี้ต่อไปเหรอ”
เวสป้า บอกต่อว่า มีอีกหลายศิลปินที่ต้องเรี่ยไรเงินซื้อโลงศพ โดนไล่จับลิขสิทธิ์ กว่า 32 บริษัท ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของค่ายไหน อยากฝากรัฐบาลไกล่เกลี่ยให้เหลือ 1 บริษัท เหมือนกับอเมริกา และสิงคโปร์ ซึ่งสามารถระบุได้ทันที
“ผมมีพี่ชายคนหนึ่งที่แต่งเพลง เราเจอกันในวันเกิดพอดี บอกเขามาหาพวกผมสิ จะเลี้ยงวันเกิดให้ เขาบอกไกล แต่เค้นไปมา ไม่มีค่ารถ ผู้ชายคนนี้แต่งเพลง "ความในใจ", "ล้างให้ออก", "หลงตัวเอง" แต่ไม่มีที่ไป เขาแต่งเพลงดังเยอะกว่าผมอีก”
เวสป้า เชิญ วีระ เดชไกรวัลย์ นักแต่งเพลงที่เขากล่าวถึง มาแถลงข่าวร่วมกัน
วีระ ชื่นชม เวสป้า ที่กล้าออกมาเป็นหัวหอก เรียกร้องความยุติธรรม ในมุมพวกเขาคิดว่า สมควรจะได้รับ ก่อนบอกว่า มันเป็นความขมขื่นที่ถูกเอาเปรียบจนชิน
“ไม่นานนี้รายการประกวดเงาเสียง เอาเพลงความในใจ ไปใช้ บริษัทเก็บเงินค่าเพลง กี่หมื่นไม่รู้ แต่ผมไม่ได้เลย ตอนขายเพลงขาย 1 พันบาท จะได้ต่อเมื่อมีคนเอามาร้องใหม่ คือผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่การที่เอาเพลงเราไปเผยแพร่และเก็บเงิน เราก็ควรจะได้บ้าง และมีอีกหลายรายการ คืออยากให้มีความยุติธรรมเกิดขึ้น นักแต่งเพลงคือชีวิต ไม่ใช่อาชีพ ให้ความยุติธรรมกับเราบ้างเถิด 30-40 ปีแล้ว”
“คือนักร้องก็ลำบากแล้วนะ แต่ก็ยังสามารถไปร้องได้แล้วก็ได้เงิน แต่นักแต่งเพลงทำยังไง ร้องเพลงก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง บางคนก็ร้องไม่ค่อยได้ อย่างผมอาจจะร้องได้แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่ แล้วทีนี้นักแต่งเพลงจะไปทำอะไร ก็ต้องไปทำอย่างอื่น”
“ควรจะมีอะไรให้เขายังชีพได้ ผู้ที่มีผลประโยชน์อยู่ก็ควรที่จะแบ่งปัน เพราะคนที่แต่งเพลงไม่ดังมันก็ยิ่งลำบากเข้าไปอีก ผมไม่ได้เรียกร้องว่าเราลำบากและจะต้องอย่างนั้นอย่างนี้ เราควรจะได้ในสิ่งที่ควรจะต้องได้ เท่านั้นเอง”
ในการแถลงข่าวครั้งนี้ เวสป้า บอกอีกว่า เขาโดนค่ายเพลงฟ้อง 12 ล้าน 3 คดี ภายหลังจากที่เขาได้ไปฟ้องค่ายละเมิดลิขสิทธิ์เผยแพร่ต่อสาธารณชน 18 เพลง เรียกค่าเสียหาย 5 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ เพราะว่าอยากโดนฟ้อง
“ที่ผมโดนฟ้อง เพราะผมอยากโดนฟ้องไง ผมยื่นฟ้องเขาไปก่อน ที่ผ่านมาค่ายเพลงต่างๆ จะฟ้องแต่คนที่ร้องเพลงเฉยๆ แต่ผมเป็นคนที่เขียนเพลงเองด้วย มันยังไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ที่คนที่เขียนเพลงเอง ร้องเอง มาโดนฟ้อง ที่ผมฟ้องเขาคือในเรื่องของสิทธิในการเผยแพร่ต่อสาธารณชน 18 เพลง เป็นเงิน 5 ล้านครับ ซึ่งไม่ใช่ทั้งหมด งานผมมีจริงๆ อยู่ 200 กว่างาน แต่ฟ้องน้อยจะได้ขึ้นความกันง่ายหน่อย เขาเลยฟ้องกลับผม ผมรวมตัวกัน 30 กว่าคนว่าผมต้องการความยุติธรรมในการไปร้องตามที่ต่างๆ”
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการไกล่เกลี่ยกันบ้างหรือยัง เวสป้า ตอบว่า ตอนนี้ก็มีพี่ชายคนหนึ่ง เป็นคนกลางได้ติดต่อมาแล้ว แต่ยังไม่ได้คุยกันจริงจัง
“ธงของพวกเราที่จับมือกัน เราอยากให้ศาลตัดสิน ถ้าสังเกตหลายๆ คดีมันมีคดีที่ไม่จบ พอไม่จบไม่มีการตัดสินมันก็ไม่มีบรรทัดฐานเกิดขึ้น แต่ผมก็ไม่ได้จะรบฆ่าฟันกันให้ตายเลย ทั้งสองฝั่งถ้าเราคุยกันได้ ดูแลพี่น้องเราตามความเหมาะสมที่ควรจะเป็น เราก็มอบสิทธิให้ทางบริษัทดูแลก็ได้ แต่เราต้องได้ตามสิทธิที่ควรด้วย”
“คำว่าเรียกร้องอยากได้ส่วนแบ่ง ไม่ใช่สักทีเดียว เพราะเป็นสิ่งที่เราควรได้ ค่ายเพลงละเมิดนักแต่งเพลง แต่เราไม่เคยรู้ จนมีคนที่เก่งๆ มาชี้ทาง เพราะเราไม่ได้เซ็นขายขาด เรารู้ว่าเราได้ด้วยกัน เราได้มาตลอดตั้งแต่เทปซีดี พอเป็นดิจิทัลทำไมเราไม่ได้”
ถามว่าที่ฟ้องมีโอกาสชนะยังไง “มันเป็นของผมแน่นอน รอให้ศาลตัดสิน ผมยินดีเจรจาพูดคุย แต่ให้พี่น้องผมทุกคนยอมรับได้ ผมไม่ขอเอาตัวรอดคนเดียว ผมยากให้มีผู้ใหญ่รับรอง”
อัลบั้มภาพ 15 ภาพ