คุยกับ Valley ถึงฤดูที่อธิบายชีวิตตัวเอง และวิธีบรรเทาอาการอกหัก ก่อนเจอตัวจริง 12 ส.ค. นี้
Valley พูดถึงทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมา ฤดูที่อธิบายถึงชีวิตตัวเองได้ดี และวิธีบรรเทาอาการอกหัก ก่อนเจอตัวจริง 12 ส.ค. นี้ ที่ Road to Sonic Bang Bangkok 2023
เป็นเรื่องราวดีๆ ที่ Sanook ได้สัมภาษณ์ Valley อีกครั้ง หลังจากที่เคยคุยกันไปว่ายังไม่เคยมาเมืองไทย ครั้งนี้ Valley ได้เป็นหนึ่งในวงที่ได้เล่นในเทศกาลดนตรี Road to Sonic Bang Bangkok 2023 ด้วย เรามาลองดูกันว่าพวกเขาวางแผนจะทำอะไรในไทยบ้าง รวมถึงอัปเดตชีวิตในช่วงนี้ด้วย
สวัสดี Valley นี่เป็นอีกครั้งที่ Sanook.com มีโอกาสได้สัมภาษณ์พวกคุณ ช่วงนี้พวกคุณเป็นอย่างไรบ้าง
Mickey: โอ้ เราเพิ่งทัวร์คอนเสิร์ตกันไปเอง ช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาจึงเป็นการผ่อนคลายเพื่อออมแรงไว้เล่นโชว์ต่อๆ ไปในเอเชีย แล้วเราก็จะได้เจอผู้คนใหม่ๆ ด้วยครับ
หลังจากที่พวกคุณได้ทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับ Dermot Kennedy ในอเมริกาเหนือ พวกคุณรู้สึกอย่างไรบ้าง และพวกคุณมีความทรงจำใดที่น่าจดจำขณะทัวร์บ้าง
Mickey: ใช่ครับ เรามีช่วงเวลาดีๆ ขณะทัวร์อยู่แล้ว เราร้องคาราโอเกะกันที่แนชวิลล์ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคืนนั้นถึงสนุกได้ขนาดนั้น แต่มันก็เป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่สำคัญสำหรับผมนะ และก็มีอีกคืนที่เราทัวร์กัน จากนั้น เราก็มีปาร์ตี้ท้ายรถ (tailgate party) ที่ลานจอดรถ ซึ่งมีรถบัสจอดอยู่ด้วย แล้วเราก็เล่นเกมขณะดื่มกัน มันทั้งสนุกทั้งตลก และแน่นอนว่า มันเป็นอีกหนึ่งความทรงจำที่สำคัญสำหรับผม จากนั้น ในแง่ของโชว์ ทุกโชว์สุดยอดอยู่แล้ว ซาน ฟรานซิสโกอัศจรรย์มาก L.A. ก็ยอดเยี่ยม ดัลลัสก็ดี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะ แต่มีโชว์ที่ดีเยอะมากเลยล่ะ
Alex: คือผมคิดว่า ทุกโชว์มีโมเมนต์สำคัญของมันเองน่ะ แล้วโชว์ที่ดีที่สุดสำหรับเราก็คือ โชว์ที่เราสามารถแสดงได้อย่างเป็นธรรมชาติครับ
จากที่ Karah James ได้กล่าวว่า “ฤดูร้อนเป็นชีวิตเวอร์ชันโลกสวย ดังนั้น พวกเราจึงเลือกฤดูร้อน เพื่อบรรยายถึงชีวิตรักที่งดงามในเพลง Have a Good Summer (Without Me)” แต่ตอนนี้ คุณจะเลือกฤดูอะไรในการอธิบายชีวิตของพวกคุณ และด้วยเหตุใดจึงเป็นฤดูนั้น
Mickey: ผมคิดว่า คงจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงนะครับ ผมคิดว่า หลังจากที่เราได้พักมา 1 สัปดาห์ หลังจากทัวร์คอนเสิร์ต มันก็รู้สึกแบบ… สำหรับผม ฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นชีวิตเวอร์ชันโลกสวยได้เหมือนกันนะครับ แต่มันค่อนข้างแตกต่างจากปาร์ตี้ฤดูร้อนแสนสุดเหวี่ยงเลยล่ะ มันให้ความรู้สึกราวกับว่า เรากำลังซื้อของชิ้นเล็กๆ น่ารักๆ ในร้านมือสองอยู่ หรือไม่ก็รู้สึกเหมือนกำลังดื่มกาแฟอยู่เลย มันค่อนข้างเรียบง่ายและงดงามน่ะ…
Karah: ฟักทองล่ะ…
Mickey: ผมคิดว่า หลังจากทัวร์คอนเสิร์ตมาเป็นเวลา 7 สัปดาห์ ที่ทุกอย่างเร่งรัด และเราต้องเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่ตลอดเวลา แล้วเราก็จะแบบ “วันนี้จะกินข้าวที่ไหนดีนะ” แล้วมันก็จะเป็นกิจวัตรเดิมๆ ดังนั้น เมื่อเรากลับมาบ้านหลังจากนั้นแบบทันทีทันใด เราก็จะไม่มีอะไรทำในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สำหรับผมนะ
Karah: ฉันเป็นสาวซัมเมอร์น่ะ
Alex: ผมด้วยครับ
Sanook: ทุกฤดูถ่ายทอดความรู้สึกที่แตกต่างสำหรับแต่ละคนเลยเนอะ
Valley: ใช่เลย
Alex: แล้วนายชอบฤดูร้อนด้วยใช่ไหมล่ะ
Rob: ใช่ ฤดูร้อนนั่นแหละ
พวกคุณมีเพลงอกหักเยอะมา แล้วตอนที่พวกคุณรู้สึกเศร้าจากความสัมพันธ์ที่ไม่โอเค พวกคุณมีวิธีการรับมือกับมันอย่างไร
Alex: ถามได้ดีนะครับ จริงๆ แล้ว บางทีการฟังเพลงเศร้าก็ช่วยได้นะ เพราะบางทีดนตรีก็เข้าใจความรู้สึกของคุณได้ แล้วเราก็มีเพลงที่สามารถอธิบายความรู้สึกนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบทีเดียว เหมือนกับว่าเพลงนี้คอยอยู่เคียงข้างคุณในตอนนั้นเลยล่ะ ไม่จำเป็นที่จะต้องพูดกับใครเลย เพราะเมื่อเปิดเพลงนี้ มันจะอยู่ข้างคุณยามเศร้าแน่นอน
Mickey: ทำตัวยุ่งๆ เข้าไว้ ออกไปเจอเพื่อนๆ และหาอะไรสนุกๆ ทำ จนกว่าจะผ่านมันไปได้
Sanook: น่าสนใจทีเดียว แล้วนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเสียงดนตรีช่วยให้พวกคุณผ่านช่วงเวลาที่แย่ๆ ไปได้ ใช่ไหม
Valley: ใช่แล้ว
หลังจากที่เป็นศิลปินมาเป็นเวลา 9 ปี พวกคุณได้เรียนรู้อะไรบ้าง ทั้งในฐานะวงและในฐานะปัจเจก มีสิ่งใดที่เปลี่ยนแปลงไป หรือคงเดิมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
Alex: ผมคิดว่า เมื่อเราโตขึ้น มีหลายสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไป คุณก็รู้ แต่ก็ยังคงมีหลายสิ่งที่คงเดิมนะ
Mickey: ผมคิดว่า ความฝักใฝ่ในดนตรีของผมยังคงเดิมนะครับ แต่พอเราโตขึ้น เราก็แบบ… ตอนเด็กว่างๆ บางครั้งไม่ค่อยมีอะไรให้ทำ แต่ตอนนี้ มันยิ่งกว่าที่ผ่านมามาก ตอนนี้เราพยายามฝึกฝนและทำความเข้าใจอย่างหนัก เพราะในชีวิตจริง เราไม่ได้เกิดมาพร้อมกับ (พรสวรรค์) เราจึงต้องฝึกฝน (ดนตรี) แต่ผมคิดว่า ความฝักใฝ่ทางดนตรีของผมก็ยังไม่เปลี่ยนแปลงนะครับ แต่ในฐานะคนๆ หนึ่ง ผมคิดว่า ผมเปลี่ยนไปมากทีเดียวเลย ถ้าผมได้พบกับตัวเองเมื่ออายุ 20 ผมคงตบหน้าเขาไปแล้วล่ะ
Rob: ผมหมกมุ่นกับการทำเพลงมากครับ แต่การมองว่าอะไร “ประสบความสำเร็จ” น่าจะเปลี่ยนไปเยอะเลย มันไม่ใช่แค่การตั้งความคาดหวังให้สูงแบบแต่ก่อนแล้ว แต่ตอนนี้มันเป็นการพยายามตั้งคำถามต่อทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็น “ทำไมเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น” หรือ “แล้วทำไมเราจึงมาถึงจุดนี้ได้” มันเปรียบเหมือนความภูมิใจในสิ่งที่คุณมีหรือเป็นอยู่มากกว่าครับ
ล่าสุด คุณบอกพวกเราว่า คุณไม่เคยมาเยือนประเทศไทยเลย และคุณก็อยากลองลิ้มรสอาหารไทย แต่ปีนี้ คุณจะมีโอกาสได้เดินทางมาไทยเป็นครั้งแรกอย่างเป็นทางการแล้ว ในงาน Road to Sonic Bang Bangkok 2023 ในวันที่ 12 ส.ค. ที่จะถึงนี้ ดังนั้น คุณวางแผนสำหรับทริปกรุงเทพฯ ครั้งนี้อย่างไรบ้างครับ
Rob: เรามีเวลาไม่มากครับ
Alex: มันเป็นวันสุดท้ายของเราเลย แต่ก็คิดจะลองแกงเผ็ดอยู่นะครับ
Karah: เรารักอาหารไทยนะคะ แม้ว่ามันจะแตกต่างจากอาหารไทยที่นี่ ซึ่งถูกทำให้ถูกปากชาวอเมริกันก็ตาม แต่ฉันอยากจะชมบรรยากาศบ้านเมืองที่นี่มากกว่าค่ะ
พวกคุณได้จัดเตรียมอะไรไว้ให้แฟนๆ ชาวไทยในครั้งนี้บ้าง วันที่ 12 ส.ค. ที่จะถึงนี้ เป็นวันแม่แห่งชาติด้วยนะ
Alex: เราก็คงจะมีเพลงที่อุทิศให้แม่ๆ ของพวกเราน่ะครับ แน่นอนอยู่แล้ว แต่เราจะแสดงทั้งเพลงเก่าและใหม่ของพวกเราด้วย
Karah: ตอนนี้เรายังไม่มั่นใจค่ะ แต่เมื่อพวกคุณได้ชมโชว์ มันจะออกมาพิเศษและโดดเด่นอย่างแน่นอน นี่เป็นประสบการณ์ครั้งใหม่ของพวกเราค่ะ
สุดท้าย มีอะไรจะฝากถึงแฟนๆ ชาวไทยบ้างไหม
Rob & Alex: เราตื่นเต้นมากที่จะได้แสดงให้พวกคุณชม นี่เป็นครั้งแรกของเลย เราจะได้เรียนรู้คำใหม่ๆ และจะแสดงทั้งเพลงเก่าและใหม่เลยครับ