AFTERLIFE LIVE งานรวมญาติที่พิสูจน์ว่า “เก้า” คือครอบครัว Retrospect อย่างแท้จริง
การที่วงดนตรีหนึ่งจะเปลี่ยนสมาชิกคีย์เพลย์เยอร์คนสำคัญ มักจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่เปลี่ยนชีวิตสมาชิกคนอื่นได้ ซึ่งวงดนตรีที่เจอเรื่องนี้วงล่าสุดคือ Retrospect ที่ เก้า-จิรายุ ละอองมณี ได้มาร่วมงานกับสมาชิกรุ่นพี่ในสายดนตรี น็อต-ธนพล ศรีกาญจนา (กีตาร์), บอม-ณพวัชร คชาชีวะ (เบส) และ เบิร์ธ-ศุทธิพันธ์ สังข์ยุทธ (กลอง) จนกลายเป็นข่าวดังของวงการเพลงช่วงครึ่งปีแรกของ 2023
แม้จะเป็นที่พูดถึงเรื่องความสามารถและพลังเสียงรวมถึงประสบการณ์ทางดนตรี แต่การมาเป็นสมาชิก Retrospect นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหน้าที่นี้เขาต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวชาว Retrorian ซึ่งเป็นกลุ่มแฟนเพลงที่มีความแฟมิลี่สูงมาก เป็นทั้งนักร้องนำที่ทั้งร้องทั้งว๊าก และอาจจะต้องทำหน้าที่เขียนเพลงไปจนถึงเอนเตอร์เทนบนเวทีด้วยบุคลิกที่สะท้อนความเป็นเพื่อนสมาชิกและตัวเองไปพร้อมกัน ซึ่งนี่ยังไม่นับความเป็นจริงที่เขาและพี่ๆ ทั้งสามจะต้องจูนเป็นทีมเดียวกัน แม้ว่าจะมีช่วงอายุห่างกันมากพอสมควร ซึ่งถ้าใครไม่เห็นภาพ เรามีตัวอย่างที่ชัดเจนว่า ในช่วงปี 2003 ที่น็อต บอม และ เบิร์ธมีผลงานในฐานะวง Retrospect กับ EP ชุด For Your Ears Only ในปีนั้นหลายๆ คนได้รู้จักเก้า ในฐานะนักแสดงเด็กเจ้าของบทบาท หรรษา ในละคร ผีขี้เหงา อยู่เลย
และล่าสุดหลังจากการไปแสดงที่ไต้หวันในงาน Kaohsiung Music Festival ในวันที่ 17 ธันวาคม 2022 และหลายงานแสดงสด ในงาน RETROSPECT AFTERLIFE LIVE PERFORMANCE ก็เป็นอีกโอกาสให้ผู้เขียนได้ชมการแสดงของเก้ากับวงครั้งแรก ซึ่งแม้จะเป็นโชว์ความยาว 1 ชั่วโมง แต่มันจะเป็นสนามสอบที่ทำให้เราจะได้เห็นว่าเก้า และพี่ๆ ในวง Retrospect ทั้ง 3 ทำงานออกมาอย่างไร
โดยการแสดงของวงได้มากับมิติใหม่ เพราะงานนี้เริ่มก่อนเวลา 1 ทุ่มเล็กน้อย ซึ่งวงได้ปรากฎตัวพร้อมเพลง “เพราะว่ารัก” ที่หลายคนคุ้นเคย ซึ่งเก้าได้วาดลวดลายการร้องเพลงแบบดุดัน ก่อนตามด้วยเพลง “หักหลัง” หลังจากการพูดเข้าเพลงที่บิ๊วอารมณ์เดือดแบบสุดๆ
และในเมื่องานนี้มีชื่อตามเพลงใหม่ RETROSPECT AFTERLIFE LIVE PERFORMANCE ทำให้ต้องมีการเล่นเพลง “ชีวิตหลังความตาย” หลังจากเก้าพูดคุยแนะนำตัวเองแบบติดตลก และแซวภาพลักษณ์ตลกที่มาจากการเล่นซิทคอมของตัวเอง และจากนั้นก็มีเพลง “เหนื่อยไหมหัวใจ” ที่เป็นเหมือนช่วงคั่นความเดือดและตามด้วยเพลง “ปล่อยฉัน” ซึ่งนอกจากวง Retrospect แล้วงานนี้ยังมีเซอร์ไพรส์ในเพลง “เจ็บกว่าคือฉัน” ที่ บอย-อริย์ธัช พลตาล นักร้องนำ LOMOSONIC มาแจมในมาดสุดชิลล์แต่เดือดสุดเช่นกัน และระหว่างโชว์ก็มีการ Mosh Pit แบบเบาๆ แต่สนุกด้วย ก่อนที่โชว์จะมาถึงเพลง “ขอ”, “เปลือก” และปิดท้ายด้วยความในใจของเก้า ก่อนเขาจะเข้าสู่เพลง “ไม่มีเธอ” ทิ้งท้ายความเดือด
แม้จะเป็นเวลา 1 ชั่วโมง แต่ เก้าได้พิสูจน์ให้เราเห็นว่าทั้งพลังเสียง การว๊าก เขาทำได้ เช่นเดียวกับการเอนเตอร์เทน และเขาได้ทำสิ่งเหล่านั้นแบบสอดแทรกความเป็นตัวเองอย่างชัดเจน ทั้งเนื้อเสียง บุคลิก ที่เป็นแบบเขาจริงๆ ซึ่งนี่ยังไม่นับการที่เขาเขียนเพลง “ชีวิตหลังความตาย” ได้มีสไตล์แบบตัวเองจนเราต้องปรบมือให้ตอนฟังครั้งแรกด้วย
และอีกสิ่งที่เรารู้สึกก็คืองานครั้งนี้เก้ายังมีเคมีที่เข้ากับสมาชิก Retrospect แบบลงตัว เหมือนเป็นเพื่อนและน้องชายของพี่ๆ และขณะเดียวกันเก้ายังเป็นกันเองกับแฟนๆ แบบไม่ห่วงความหล่อใดๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองว่าสำคัญมากๆ กับวงอย่าง Retrospect เพราะสายสัมพันธ์ของ Retrorian และวงนั้นเป็นอะไรที่เราในฐานะคนนอกประทับใจเสมอ ทั้งการที่พวกเขามีมีตติ้งไปเที่ยวกัน การที่วงจัดคอนเสิร์ตเสือดำ Heart of the Panther แล้วแฟนๆ สามารถรวมพลตั้งกรุ๊ป 4 หมื่นคนได้อย่างรวดเร็วในปี 2018 หรือแม้แต่บอมมือเบสก็เคยเล่าว่าเขาเคยช่วยเหลือแฟนเพลงที่เจอปัญหาและอินบ็อกซ์ ซึ่งเรามองว่าเก้าในงานวันนี้คือสมาชิกของครอบครัว Retrospect ในแง่ความเป็นเนื้อเดียวกัน จากสิ่งที่เขาแสดงออก และอยากเห็นโมเมนต์นี้ในมุมอื่นๆ อีก
แต่นอกจากเก้าแล้ว น็อต บอม และ เบิร์ธ ก็ยังคงความเป็นยอดฝีมือ ทั้งน็อต มือกีตาร์ผู้ตั้งสายหย่อนแบบไม่เหมือนใคร แต่เล่นดนตรีหวานและดุดันพร้อมกัน เบิร์ธ ที่เล่นกลองได้ดุดัน และมีลูกเล่น ขณะที่บอมซึ่งนอกจากงานเบสแล้ว ยังเป็นอีกกระบอกเสียงพี่ไฮป์บรรยากาศระหว่างงานได้เรื่อยๆ การที่เราได้เห็นทั้ง 3 คนทำสิ่งที่เขารักหลังพักวงอีกครั้ง และทำด้วยเอเนอร์จี้มีความสุขล้นออกมามันดีจริงๆ
สำหรับเราการแสดงที่ ลิโด้ ในวันนี้เต็มไปด้วยความเดือด และการเลือกหน้าลิโด้นั้นก็ทำให้ได้บรรยากาศความดิบ และเปิดโอกาสให้แฟนๆ ขาจรได้เห็นความสนุกบนเวทีและหยุดดู เพราะเราก็แอบมองไปที่ห้าง Siam center และฟุตบาทฝั่งตรงข้าม ก็เห็นคนยืนดูเยอะมากเช่นกัน และนี่ยังไม่นับคลิปในโซเชียลจากงานจากกล้องทุกคนอีก เรามองว่านี่เป็นวิธีที่ดีมากในการทำให้ทุกคนรับรู้ถึงการกลับมาของ Retrospect แต่การแสดงที่ลิโด้ ก็อาจจะมีข้อจำกัดเรื่องความร้อน และความเตี้ยของเพดาน รวมถึงความเล็กบริเวณที่ชม จนเกิดเหตุการณ์เสียงกลืนกันไปบ้าง หรือการที่หลายๆ คนที่ยืนดูอาจจะไม่ได้เห็นโชว์ชัด ซึ่งก็เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยากด้วยข้อจำกัดของสถานที่ และถ้าสมมุติงานครั้งนี้ไปจัดกลางแจ้งไปเลยกลางสยาม โอกาสที่ฝนจะเทจนงานรวนหรือยกเลิกก็อาจเกิดขึ้นได้ แต่เรารู้สึกว่าทางผู้จัดก็พยายามสุดความสามารถด้วยการเปิดให้คนชมจากด้านข้างเวที หรือฟังจากด้านในอาคารลิโด้ได้
จากการแสดงวันนี้ทำให้เรารอไม่ไหวที่จะได้ดูการแสดงเต็มรูปแบบอีกของ Retrospect เพราะวันนี้สมาชิกทั้ง 4 ได้ทำให้เห็นแล้วว่าวงยังมีอะไรอีกมาก และเราก็อยากเจอพวกเขาในโชว์ที่ยาวกว่านี้ และในที่ที่ใหญ่กว่านี้เพื่อให้ครอบครัว Retrorian ได้มารวมตัวกัน
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ