คุยกับ Wallrollers ในวันที่ต้องตีโจทย์ “ตึกใหญ่” จนมี “ถ้วยทอง” ของพวกเขาเอง
เป็นอีกหนึ่งรุ่นใหม่ฝีมือดีของ genie records เลยสำหรับ Wallrollers (วอล-โรล-เลอส) ที่ 4 สมาชิกอย่าง ภูร์-ภูริภัทร์ ศรนุวัตร (นักร้องนำ), เอิร์ธ-ธนกร บำรุงกิจ (มือกีตาร์), แฮม-สิรภพ สอิ้งทอง (มือเบส) และ ดิว-ชนวัสส์ อ้อมแก้วการณ์ (มือกลอง) ได้ค่อยๆ ค้นหาตัวเองผ่านการแนะนำของ ณัฐ-ณัฐวัฒน์ แสงวิจิตร มือกีตาร์วง Klear และ อ๊อฟ-พูนศักดิ์ จตุระบุล มือกีตาร์วง Big Ass
ล่าสุด Wallrollers ได้กลับมากับเพลง “ถ้วยทอง” ที่มากับทิศทางใหม่ๆ และลุคใหม่ๆ รวมถึงเป็นเวลาเหมาะสมที่ Sanook ได้พูดคุยกับวงตั้งแต่จุดเริ่มต้นจากรั้วโรงเรียน จนถึงวันที่มาทำงานในตึก GMM Grammy และมีเพลงของตัวเอง
เล่าจุดเริ่มต้นของวง Wallrollers
เอิร์ธ : ผม แฮม และ ดิว เล่นดนตรีด้วยกันตั้งแต่ม.ปลาย ตอนอยู่สตรีวิทยา 2 ก็มีวงดนตรีเยอะมากจากการประกวด และสามคนนี้อยู่ด้วยกันหลายวง ข้ามไปข้ามมาจนเรียนจบก็จะเป็นนักร้องนำอีกคนที่ออกไปทำร้านอาหาร ก็อยากหานักร้องนำคนใหม่ที่เป็นโมเดิร์นร็อค ผมก็ทำโพสต์อย่างสวยงามหานักร้องที่มาร่วมวงเป็นกิจจะลักษณะ ไม่ได้เล่นกลางคืน เน้นทำเพลงส่งค่าย พอดีภูร์เขามาเห็นโพสต์จากเพื่อนแชร์มา
ภูร์ : เพื่อนผมก็ไม่ใช่เพื่อนพี่เอิร์ธ เหมือนเขาแชร์ๆ ต่อกันมาแล้วเขาเห็น ผมก็เห็นและเข้าไปอ่านและรู้สึกว่าเพิ่งเรียนจบอยากตามฝันเล่นดนตรี ก็ถามพี่เขาไป ก็ลองซ้อมกันดู รู้สึกเข้ากันได้ เริ่มฟอร์มวงเป็น Wallrollers
Wallrollers : ชื่อ Wallrollers เป็นชื่อวงเก่าที่เรากะใช้กับวงเก่าแต่ไม่ได้ใช้ ก็รู้สึกชอบ จริงๆ ไม่ได้คิดความหมายเลย เป็น Wallrollers ถ้าอ่านออกสำเนียงมันดูเป็นวงร็อคอังกฤษดีครับ
วงมาอยู่กับ genie records ได้อย่างไร
Wallrollers : เราทำมา 3 เพลงก่อนอยู่ genie records และพอช่วงก่อนโควิด-19 ก็ไม่ได้ทำอะไร และค่าย GMM Grammy ก็มี GMM Audition ก็เลยทำเดโม่ส่งไป และติดรอบ 30 คน ก็เลยได้ไปเล่น 30 คนสุดท้ายที่ Central World และได้คุยกับ genie records เลย วันที่เราได้เป็น genie records และมีที่ณัฐมาคุย ก็ประมาณ 5 เดือน ก็ใช้เวลานาน เพราะมีส่งเพลงไปกลับครับ แต่พี่ๆ เขากันเองครับ ก็ได้คุยพี่อ๊อฟ Big Ass สนุกสนาน จากที่เราเคยเล่นเพลงพี่เขา ก็มาคุยแบบกันเองครับ เมื่อวานเพิ่งปัดเพลงตกไป 5 เพลง (หัวเราะ) ไม่เชิงเขี่ยทิ้งว่าไม่ดี แต่แบบหาเพลงที่ดีที่สุดและไปพัฒนาเพิ่มไหม พี่เขาให้คำแนะนำไปพัฒนาตัวเองครับ ส่วนพี่ณัฐก็ขับรถมาดูเราทำเพลงที่บ้านเป็นโค้ช ก็แบบเราจะไม่ตั้งใจไม่ได้แล้ว เป็นพี่ชาย
ภูร์ : ส่วนผมจะเจอพี่ กบ (ขจรเดช พรหมรักษา) บ่อยกว่าทุกคน ก็เป็น Lyric Director ว่าการเขียนเพลงเป็นอย่างไร เพราะผมไม่มีทักษะเขียนมาก่อน ลองผิดลองถูกมาก่อน พี่เขาก็จะแบบเราเป็นคนยังไง เราพูดจายังไง แบบไหนที่จะทำให้เราเข้าถึงผู้ฟังได้ดีที่สุด สำเนียงก็เริ่มคล้ายพี่กบเหมือนกัน (หัวเราะ)
นิยามความร็อคของ Wallrollers เป็นรูปแบบไหน
ภูร์ : มันอาจจะติดมาจากที่ผมดูการ์ตูนและคัลเจอร์เจร็อคมา ก็จะออกมาตามเสียงร็อค เมโลดี้ บนเวทีครับ
เอิร์ธ : พี่อ๊อฟ Big Ass ก็มองว่าทำไมไม่เอาความญี่ปุ่นมาขาย เพราะมันมีความ Universal และอยู่กับทุกคน และเพลงนี้พี่อ๊อฟ
เพลง “ถ้วยทอง” มีที่มาอย่างไร
Wallrollers : เราตั้งโจทย์กับพี่ณัฐว่าอยากได้เพลงที่แตกต่างและมีความชัดเจนมากขึ้น มีการใส่ซินธิไซเซอร์ ความจี๊ดจ๊าด สีสัน และเป็นเนื้ออังกฤษมาก่อน รู้สึกแตกต่างและโดดออกมา เป็นเพลงเปิดโชว์ พอได้เมโลดี้ภูร์ก็ไปเขียนต่อ ก็ได้มาจาก Slam Dunk การ์ตูนกีฬา ที่โค้ชบอกว่าถ้าหยุดเล่นแล้วเราจะแพ้ มันก็เลยเอาไอเดียไปขายกับพี่กบ พี่เขาก็บอกว่ามันดูเป็นผมมากๆ เป็น Wallrollers น้องใหม่ในค่ายที่ใหญ่มากๆ และเจออุปสรรคต่างๆ นาๆ ทำให้เราอาจท้อได้ ดังนั้นถ้าภูร์เขียนไม่ได้ มันเหมือนภูร์แพ้ผมก็เลยได้ไฟ แรงบันดาลใจ ได้เนื้อหาครบถ้วนเพื่อไปเขียนครับ ก็มีน้องที่ตามจาก School Tour ที่เราเอาไปเล่นก่อน ก็มาถามเพลงอะไร แต่เรายังไม่ปล่อย พอเพลงออกมาเขาก็บอกว่าเพลงนี้เองที่มาเล่นที่โรงเรียนหนู คนมาตามเยอะจากเพลงนี้ อย่างเพลงที่แล้วคนจะมาจาก YouTube ที่ฟังจากเพลย์ลิสต์และเก็บไว้ เหมือนฟังตอนขับรถ แต่เพลงนี้เป็นเพลงฟังค์ชั่นในคอนเสิร์ต ก็จะมากดไลก์เพจวงเพื่อดูว่าไปเล่นคอนเสิร์ต คนชอบเยอะจากเพลงนี้ เพลงที่แล้วทำให้คนรู้จักเพลง ส่วนเพลงนี้ทำให้คนรู้จักวงครับ
ที่ผ่านมาวงมี Campus ทัวร์เยอะมาก มีประสบการณ์หรือได้เรียนรู้อะไรบ้าง
Wallrollers : สนุกมากครับ แต่ตื่นเช้ามากครับ พอน้องๆ เตรียมใจมาสนุกเลยเต็มไปด้วยพลังงาน ตั้งแต่ซาวด์เช็คแล้ว เพราะเราต้องไปแต่เช้า 6 โมงเช้า บางทีเราซาวด์เช็ควงหลังๆ ก็มานั่งดูปรบมือ พอหลังกินข้าวเต็มหน้าเวที ก็มาต่อแถวขอลายเซ็นถ่ายรูปครับ
แฮม : เราได้เห็นการดูคอนเสิร์ตของเด็กยุคนี้ครับ แบบยื่นมือถือมาให้ถ่ายเซลฟี่ สตอรี่ลงไปครับ แบบเด็กบางคนให้ไอแพดมาเซ็นเคส ได้ดูแบบเด็กเขาทำอะไร
เอิร์ธ : บางทีมีสัญลักษณ์มือ ตอนยุคเราชนหมัด พอยื่นมือไปแล้วแบบ อ้าว! ยื่นมือมาทำรูปหัวใจครับ
ก่อนหน้านี้มีเวิร์คช็อปที่ วงต้องแลกกันแต่งเพลง แล้วภูร์ได้แต่งเนื้อเพลง “หวานเป็นลม ขมเป็นบ้า” ให้ The Whitest Crow เล่าประสบการณ์ครั้งนั้นหน่อย
ภูร์ : มันเป็นเวิร์คช็อปของพี่ๆ วง Mango Team ก็มาคุย ในกรุ๊ปก็จะมีผมจาก Wallrollers พี่ เติ้ล The Whitest Crow (ปฏิภาณ สุวรรณสิงห์), TIPPSY (ทิปซี่ -นัทธมน ทองชิว) และ Uefa Hari พี่กบก็จะให้ทำเดโม่ทำนองมา และจับฉลากว่าใครได้แต่งของใคร ก็นึกว่าจะได้เมโลดี้มาแต่ง ก็ได้สลับกับพี่เติ้ล พอผมได้พี่เติ้ลมามันไม่มีโจทย์ ก็มาปรึกษาพี่ๆ ในวงว่าเขียนอะไร ถ้าเรื่องพี่เติ้ลต้องเรื่องดื่ม ก็ต้องมาดูว่าดื่มเพื่ออะไร ดื่มเพื่อลืมสัญญาอะไรอย่างงี้ ก็ลองเขียนดูแบบเต็มที่ คิดว่าลองเขาก็ชอบมากๆ ผมก็ตกใจ ก็สงสัยว่าพี่พูดจริงหรือเปล่าครับ (หัวเราะ)
เอิร์ธ : พี่เติ้ลเขาก็ปรับตัวเหมือนกับเราคือโจทย์ของ “ตึกใหญ่” มันจะเชปวงไปคนละแบบ เชปความคิดเหมือนกัน ก็แลกเปลี่ยนการทำงานครับ คือมีอิสระในการทำงานเกือบ 100% แต่มีตัวเลขยอดวิว ความคาดหวังของคนฟัง ผมไม่มองเป็นกรอบ แต่เป็นโจทย์ที่เราต้องตีให้แตกครับ
อยากให้คนจำ Wallrollers ในรูปแบบไหน
Wallrollers : ติดตามต่อไปครับ เพราะเราก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เพราะเราตั้งเป้าว่าจะทำที่สนุกสุดๆ และดึงผู้ฟังมาสนุก ทุกพาร์ทมีความ Wallrollers มาตลอด แต่จะกรองมาเรื่อยๆ อยากให้ตามยุคหลัง เพราะเราหาไดเร็คชั่นมากขึ้น กล้าทำ กล้าคิดมากขึ้นครับ
Photo : Ditsapong K.
อัลบั้มภาพ 12 ภาพ