"แอน อรดี" ไม่ต้องแรงดูแพงมาก จากไม่เคยคิดจะเป็นหมอลำวันนี้รักเต็มหัวใจ
"แอน อรดี" ยิ้มขึ้นแท่นนักร้องสาวยอดนิยมแห่งยุค ปลื้มแฟนเพลงแห่ชม ไม่ต้องแรงดูแพงมาก จากที่ไม่เคยคิดจะเป็นหมอลำมาก่อนวันนี้รักเต็มหัวใจ
"แอน อรดี" นักร้องหมอลำสาวจากเมืองหมอแคน ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Sanook.com ยอมรับว่ารู้สึกดีใจมาก ที่ได้รับฉายา "หมอลำสาวเน็ตไอดอล" จากบรรดาเอฟซี ที่มียอดผู้ติดตามเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
"แอนไม่ได้คิดว่าแอนเป็นเบอร์ 1 หรืออะไรใดๆ ทั้งสิ้น คือแอนคิดว่าแอนแค่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีโอกาสมาใช้ชีวิตกับวงการหมอลำ มีโอกาสได้หาเงินจากตรงนี้ ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น เรามีบ้าน"
"เราทำงานจากหมอลำ ใช้หนี้ให้น้อง ใช้หนี้ให้กับแม่ ใช้หนี้ให้กับทุกคนได้ ทำให้ครอบครัวสบายได้ หนูคิดว่ามันคือสิ่งที่แบบมหัศจรรย์สำหรับชีวิตหนูเพราะว่าจากที่ผ่านมา คือเราไม่คิดว่าเราจะเป็นหมอลำค่ะ เราไม่ได้คิดว่าอันนี้มันจะเป็นทางของเราเลย"
แอน ในวัย 31 ปี เล่าเส้นทางก่อนมาเป็นนักร้องยอดนิยมยุคนี้ว่า เธอเคยศึกษาในระดับอุดมศึกษา สาขาวิทยุและโทรทัศน์ มหาวิทยาลัยรังสิต แต่ต้องยุติการศึกษาระดับปริญญาตรี ขณะเรียนอยู่ปี 2 ด้วยครอบครัวมีปัญหา มีส่วนสำคัญทำให้ชีวิตพลิกจากนักร้องเพลงสตริง เพื่อชีวิต และลูกทุ่ง มาเป็นนักร้องหมอลำเต็มตัว
"คุณพ่อแม่แยกทางกันค่ะ แล้วแอนก็มีน้องชายหนึ่งคน มีวันหนึ่ง อาจารย์ธุรการโรงเรียนโทรมาบอกว่า ถ้าแอนไม่มาจ่ายค่าเทอมของน้องตั้งแต่ ม.4 คือน้องตอนนั้นอยู่ ม.6 แล้วค่ะน้องก็ไม่จบพร้อมเพื่อน"
"มันทำให้ต้องตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเพื่อน้องชาย แอนรู้ว่าการเป็นหมอลำ มันเกิดรายได้ มันได้รายได้ ก็เลยตัดสินใจเข้าไปอยู่วงหมอลำ เพื่อที่จะหาค่าเทอมจ่ายให้น้อง"
เธอเล่าต่อว่า เส้นทางสายนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เหมือนกับนักร้องส่วนใหญ่ ไม่ได้เติบโตมากลางทุ่งดอกลาเวนเดอร์ ต้องฝึกฝนพัฒนาตัวเอง สะสมประสบการณ์ พิสูจน์ตัวเองหลายฤดู กว่าจะได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง
"ในช่วงนั้นคนว่าเยอะ แบบนี้เหรอจะมาเป็นหมอลำ เสียงแบบนี้ ลำแบบนี้ มันไม่ถึงหมอลำ คือสำเนียงมันไม่ได้ค่ะ เพราะว่าเราร้องเพลงลูกทุ่งมาตลอด แอนร้องสตริง เพื่อชีวิต มาก่อน ก็พยายามปรับเปลี่ยน"
"เชื่อไหมแรกๆ มีคนบอกว่า แต่งหน้าแบบแอนไม่ได้ ไม่ต้องไปเติมปาก เติมแก้มอีก ไม่ได้แบบนี้ไม่ได้ เพราะหมอลำเขาแต่งหน้ากันชัดมาก หนูก็ดื้อนะ ดื้อ เพราะว่าหนูรู้สึกว่าหนูสวยแบบนี้"
"หนูรู้สึกว่า มันไม่ใช่สิ คำว่าหมอลำมันไม่มีคำจำกัดความว่า ต้องแต่งแบบไหน แต่งหน้าแบบไหน หรืออะไรแบบนี้ มันก็เลยเหมือนกับว่า เราเองก็เป็นคนผู้นำเทรนด์แฟชั่นอยู่เหมือนกัน มันคือหมอลำที่ เป็นในรูปแบบเรา"
นักร้องสาวที่หยิบเอาเพลง "ลืมฮูดซิบ" มาทำดนตรีขับร้องใหม่ในแบบฉบับของเธอ ได้รับคำชมจากมิตรรักแฟนเพลงว่า เป็นศิลปิน ที่มีลีลาการแสดงหน้าเวที "แซ่บถึงเครื่องกำลังดี" ไม่โชว์เนื้อหนังมังสา ท่ายากฉีกแข็งฉีกขา ถ้อยคำหยาบคาย "ดูแพง" มีคุณค่า สมกับฉายา แอน บอกว่า เธอตั้งใจวางรูปแบบการแสดงหน้าเวทีให้ออกมาแนวนี้โดยตลอด
"มันไม่ใช่ว่าโชว์ไม่ได้เลย มันได้ ได้นิดหน่อย ได้ด้วยความเป็นตัวของตัวเราเอง มีอะไรดีก็โชว์ไปตรงนั้น ไม่ได้อยากให้คนมาโฟกัสตรงแบบหน้าอก หรือในสัดส่วนของเรา อยากให้คนแบบ เฮ้ยโอเค แอน อรดี มา แต่งตัวสวย แล้วแบบร้องเพลงได้เพราะ"
"แอนตั้งเป้าไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า จริงๆ ไม่ต้องแรงก็กรแสดีได้เหมือนกัน คนอื่นที่เขาถนัดแรงก็ให้เขาแรงไป แอนรู้สึกว่า เรามีแฟนคลับที่ติดตามเราเยอะ นับไปตั้งแต่รุ่นน้องรุ่นเด็ก เขาจะมองเราเป็นตัวอย่าง เป็นไอดอล อยากเป็นเหมือนพี่แอนอะไรอย่างนี้ จะมีคำพวกนั้นไม่ได้"
"ก็มีบ้าง ที่แบบอยู่หน้าเวทีอาจจะเป็นคำที่ เหมาะกับเรา หมายถึงว่า อาจจะเป็นคำที่เกี่ยวกับครอบครัว หรือผัวๆ เมียๆ อันนี้เราก็พูดปกติ แต่ว่าในส่วนอะไรที่มันเป็นคำหยาบ ที่เด็กฟังแล้วไม่โอเค แอนก็จะไม่พูด"
"หมอลำซิ่ง เขาก็จะเป็นอีกสไตล์หนึ่ง บางทีเขาอาจจะไม่อยากพูด แต่ว่ามันอาจจะเป็นสไตล์ การแสดงของเขา อันนี้ก็ต้องเข้าใจ แต่ว่าอย่างของแอน แอนเลือกได้ว่าจะพูดหรือไม่พูด แอนก็เลือกที่จะไม่พูดดีกว่า"
แอน หวนกลับมาศึกษาระดับปริญญาตรี อีกครั้ง ที่ มหาวิทยาลัยรัตนบัณฑิต ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ปี 3 บอกอีกว่า ทุกคอนเสิร์ตนอกจากเต็มที่กับการแสดงบนเวทีแล้ว เธอยังเต็มที่กับการต้อนรับแฟนเพลงทุกคน ที่เข้าไปให้กำลังใจด้านหลังเวทีด้วย
"เน้นคุณภาพแหละอันแรกเลย คือ เสียง แอนจะไม่ให้ตกเลย ตั้งแต่เพลงแรกยันเพลงสุดท้าย แล้วก็เน้นความสนุกสนาน ทยอยหยอดลงไปแบบ ทีละเพลงๆ อย่างเพลงลืมฮูดซิบ ที่นำมาร้อง คิดว่าน่าจะเหมาะกับบุคลิกด้วยที่เราเป็นคนขี้เล่นมันตอบโจทย์ ทุกคนก็มองเห็น"
"เน้นความเป็นกันเองกับแฟนคลับ พูดคุยกับเราได้ จับ มือกับเราได้ปกติ ให้คุ้มกับที่เขาแบบเสียสละเวลามาหาเรา บางคน เขาอยู่ในเขตอำเภอที่แบบ มีรถโดยสารมาในตัวจังหวัดเที่ยวเดียว มารอดูคอนเสิร์ตเราคืนนั้น กว่าจะกลับได้อีกทีก็คือเช้า อย่างนี้ก็มีค่ะ"
"แอนก็เลยรู้สึกว่า มันยาก กว่าจะเหมาะรถ กว่าจะหารถมาหาเรา บางคนหอบพะรุงพะรังทำกับข้าวมาให้เรา ถ้าเขาไม่รักเราเขาคงไม่ทำขนาดนี้ ยื่นเงินให้เรา 20 บาท หรือ 50 บาท ร้อยหนึ่ง มันก็ถือว่าเป็นเงินของเขา ที่แบบเขาหามากว่าจะได้เงินแต่ละบาท มันเป็นอะไรที่แบบ เหนือคำบรรยาย"
นอกจากเป็นนักร้องหมอลำมีชื่อเสียงโด่งดังแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็น "ซ้อหมอลำ" จากการแต่งงานกับ "บอย ศิริชัย" หัวหน้าวง "หมอลำใจเกินร้อย"
นักร้องสาว ที่ได้รับรางวัล "ฑูตความดี ศรีสยาม" สาขานักร้อง นักแสดง ศิลปินดีเด่น ด้านศิลปวัฒนธรรมไทย จาก ชมรมสืบสานศิลปะ และวัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ปี 2564 รางวัลหมอลำฟีเวอร์ ปี 2565 และรางวัลนาคราชอวอร์ด ปี 2566 สาขา "นักร้องดาวรุ่งลูกทุ่งหญิงยอดเยี่ยม" บอกทิ้งท้ายการเปิดใจครั้งนี้ว่า จากที่ไม่เคยคิดจะเป็นนักร้องหมอลำมาก่อน วันนี้เธอหลงรักหมอลำเต็มหัวใจ
"ในอนาคตเราอาจจะเปิดศูนย์การเรียนรู้ค่ะ อยากจะตอบแทนอาชีพนี้ อาชีพหมอลำ ทำให้คนได้รู้จักเยอะๆ ทำให้คนได้เห็นว่าหมอลำ เป็นอะไรได้มากกว่า คำว่าหมอลำ ไม่ใช่แบบเต้นกินรำกินอย่างเดียว มันสามารถเป็นนักแสดงก็ได้ เป็นอย่างอื่นก็ได้"
"แอนไม่ได้เคยคิดว่าหมอลำจะอยู่กับแอนเลย วันหนึ่งจะมาแต่งงาน เป็นซ้อหมอลำ ที่ต้องดูแลวงหมอลำ วงหมอลำเป็นบ่อกำเนิดของหลายๆ ชีวิต เราสามารถหางานให้เขาได้ เขาก็สามารถเอาเงินตรงนี้ ไปเลี้ยงจุนเจือครอบครัวเขาได้อีก เรารู้สึกว่าเราอิ่มใจ"
"ถ้าเกิดแอนกับพี่บอย (บอย ศิริชัย)จะหยุด มันไม่ยากเลย แต่หยุดไม่ได้ ลูกน้องเขาต้องคำนวณว่า แต่ละเดือนเขาต้องได้เท่าไร มีรายจ่ายเท่าไร เราคิดถึงตรงนั้นเลย เวลามีงานมันก็มีร้านค้า มีกิจกรรมนู่นนี่นั่น ทำให้เศรษฐกิจหมุนเวียน มันคือการขับเคลื่อน มันคือซอฟต์พาวเวอร์ของคนอีสาน และของทุกภาคด้วย"
อัลบั้มภาพ 9 ภาพ