เพราะเวลาไม่เคยหยุดนิ่ง ลีเดีย จึงต้อง Moving On
ทำให้ใครต่อใครรู้จักมากขึ้นในบทบาทของนักร้อง พร้อมๆ กับเห็นความเปลี่ยนแปลงของเธอจากสาวชุดดำใส่หมวกเก๋ไก๋ ต่อจากนั้น เธอก็หายหน้าหายตาไปก่อนจะกลับมาสวยใสแอบเซ็กซี่ในอัลบั้มที่สอง ที่ทำให้เธอกลายเป้นสนอกสนใจจากแฟนเพลงมากขึ้น จนมาถึงงานชุดที่ 3 ที่เธอฉายแววความสวยด้วยบุคลิกที่เซ็กซี่ขึ้นกว่าทุกชุดที่ผ่านมา
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเปลี่ยนคือความชอบในดนตรี อาร์แอนด์บี และวันนี้ ลีเดีย- ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา สาวน้อยที่ใครๆ ก็น่าจะรู้จักเธอมากขึ้นจะมาเปิดเผยว่า นอกจากความรักในเพลงอาร์แอนด์บีและความเซ็กซี่ของเธอนั้น ยังมีอะไรอีกบ้างที่ทำให้เธออยาก Moving On
ความหมายของคำว่า Moving On
ลีเดีย : ก็ Moving On แปลว่า ขยับต่อไป หรือเดินหน้าต่อไปอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตัวเพลงเนี่ยเดียจะพัฒนาเพิ่มขึ้นในการร้อง แนวดนตรี มีโปรดิวเซอร์มาร่วมทีมงานด้วยกัน 3 คน รวมถึงเรื่องข่าวส่วนตัวด้วยว่า ถึงจะเจอข่าวอะไรเยอะแยะเดียต้องเดินหน้าต่อไป เพราะว่าเวลามันไม่ได้หยุดนิ่ง ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ในส่วนเนื้อหาของเพลงโตขึ้นยังไงบ้าง?
ลีเดีย : อย่างเนื้อเพลงในอัลบั้มนี้จะไม่มีที่เกี่ยวกับโทรศัพท์คือเปลี่ยนบ้าง (หัวเราะ)
ไม่ได้ใช้โทรศัพท์แล้วใช่ไหม?
ลีเดีย : ยังใช้อยู่ แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แบบเป็นเด็กๆ อะไรอย่างนี้ ก็คือเนื้อเพลงอาจจะโตขึ้นมานิดหน่อย อะไรอย่างนี้ค่ะ
การร้องยากขึ้นไหม?
ลีเดีย : จะเปลี่ยนแนวการร้องมากกว่าค่ะ ก็คือที่ผ่านมาจะมีกระแสว่าเดียร้องได้แค่เสียงเอื้อน และหลบไม่เนียนเท่านั้นเองแต่เสียงจริงๆ แล้วมันไม่มีพาวเวอร์ ไม่มีแรงร้องเพลง ก็เลยคิดว่าเพลงแรกที่ปล่อยออกมาน่าจะเป็นเพลงที่โชว์พลังเสียงค่ะ ก็เลยเป็นเพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป แต่บางคนก็อาจจะชอบที่เดียร้องแบบเดิม บางคนก็บอกเออแบบนี้ดีกว่า
แล้วเพลงอื่นๆ ล่ะ?
ลีเดีย : ยังมีการเอื้อนๆ แบบของเดียอยู่ค่ะ เพราะว่าอัลบั้มนี้มีโปรดิวเซอร์ทั้งหมด 3 คน แต่ละเพลงมันก็จะไม่เหมือนกันเลยได้หลายๆ รสชาด แล้วก็เนื้อเพลงก็ไม่เหมือนกันคือมันจะได้หลายๆ อารมณ์ในอัลบั้มนี้ค่ะ
ลีเดีย ช่วยอะไรบ้างในเรื่องของเพลง?
ลีเดีย : เหมือนเพลงที่ พี่มิกซ์-เชษฐา (ยารสเอก) แต่งให้ชื่อว่า เปลี่ยน ค่ะ ก็เหมือนกับว่า เปลี่ยนจากคำว่าเพื่อนเป็นคำว่ารักได้ไหม โปรดิวเซอร์อีกคนที่ร่วมงานก็คือ พี่โบ้ท-บานาน่าโบ้ท ค่ะ เพลงที่เขาแต่งก็คือ เข็ดไหม ก็จะออกแบบว่าโซลร็อค คือมันจะหนักขึ้นมานิดนึงคือ เข็ดไหมที่โดนเขาทิ้งแล้วยังรักเขาอยู่ เพลงเนี่ยเพราะหมดเพราะ พี่ป็อบ เขาแต่งเพลงเก่ง คือเดียเปลี่ยนโปรดิวเซอร์จาก พี่ปอนด์ มาเป็น พี่ป็อบ ซึ่งค่อนข้างเก่งในเรื่องการแต่งเมโลดี้ที่สวย แต่ละโน้ตแต่ละเพลงก็คือเพราะ
มีโปรดิวเซอร์ 3 คนแล้วไปด้วยกันได้ยังไง?
ลีเดีย : ก็เชื่อมกันด้วยความเป็นเดียนี่แหละค่ะ แต่ละคนก็คงรู้ว่าเดียเป็นนักร้องแนวนี้ถ้าทำเพลงร็อคมาเลยคงไม่ใช่ ก็จะมีลิมิตในการแต่งว่าเป็นยังไงบ้าง
เพลง เข็ดไหม ดูจะมีความเป็นร็อค?
ลีเดีย : คือเพลงนี้มันจะเน้นที่แบบจังหวะ จะร้องแบบ เข็ดไหม...ตึดตือ...ตึดตือ แบบทิ้งลงจังหวะแบบนี้ค่ะ คือ พี่โบ้ท เขาจะชอบแต่งเพลงแนวแบบนี้ จังหวะจะเป็นแบบนี้ตลอดจะไม่เป็น อาร์แอนด์บี มากเกินไปมันจะออกไปทางโซลร็อคมากกว่า
แล้วเพลงนี้เข้ากันได้กับสไตล์ของ ลีเดีย ไหม?
ลีเดีย : ก็ได้ค่ะ เพราะว่าไม่ได้ร็อคเกินเหตุ
ฟีดแบ็คกับอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้าง?
ลีเดีย : ก็ดีค่ะ ตอนนี้กำลังไต่ขึ้นชาร์จอยู่ค่ะ ทั่วประเทศตอนนี้ก็อยู่ท็อป 20 ค่ะ
พูดถึง MV 1 วินาที..ก็ช้าไป?
ลีเดีย : MV ก็ไปถ่ายที่โรงละครของ คิงพาวเวอร์ ค่ะ โรงละครค่อนข้างอลังการมาก ใหญ่มากเลย พระเอก MV ก็อิมพอร์ตมาจากเกาหลีเลยค่ะ เขาเป็นนายแบบที่ค่อนข้างดังอยู่ที่เกาหลีเพิ่งมาทำงานเมืองไทยได้อาทิตย์เดียวเองแล้วเราก็มาร่วมงานกัน
ใครเป็นคนแนะนำ?
ลีเดีย : ก็เดียรู้จักเพื่อนในวงการที่เป็นนายแบบค่ะก็บอกว่ามีเพื่อนที่เป็นเกาหลีรึเปล่า เพราะเห็นสาวๆ กรี้ดหนุ่มเกาหลีก็เลยเลือกเป็นชาวเกาหลี
มีมาให้ดูกี่คนก่อนจะเลือกคนนี้?
ลีเดีย : ก็มีประมาณ 7-8 คน เลือกเองด้วยเพราะว่าบางคนอาจจะดูโตเกินไป ด้วยอายุ หน้าตา หรือบุคลิกอาจจะโตไปสำหรับเดีย แต่เท่าที่ดูมาคนนี้ลงตัวที่สุดค่ะ
แนวเพลง ลีเดีย อยากให้เป็นแดนซ์อาร์แอนด์บีบ้างไหม?
ลีเดีย : ก็เพลงที่ 2 เนี่ยค่ะจะมีมูฟเม้นท์มากขึ้น ก็ถึงได้ตั้งชื่อว่า Moving On ที่มีหลายความหมายมาก เพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป มีความหมายว่าฉันเดินหน้าไปแล้วจะไม่ถอยเวลากลับไป เหมือนเธอเพิ่งกลับมาตอนนี้แต่ฉันไปแล้ว ส่วนเพลงที่ 2 เกี่ยวกันไหม จะมีการเต้นขึ้นมานิดนึง ก็จะเป็นเพลงสไตล์แบบน่ารักๆ
อุปสรรคในการทำงานของอัลบั้มชุดนี้?
ลีเดีย : ยากกว่าอัลบั้มก่อนเหมือนกันค่ะ อุปสรรคที่เจอคือเดียจะไม่สบาย ต่อมบวม 2 ข้าง เพราะเดียจะไม่สบายง่ายค่ะ เพราะว่าพักผ่อนน้อย เวลาอัดเพลงเดียก็จะอัดดึกๆ สัก 3 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าค่ะ แล้วอัดติดต่อกันทุกวัน และบางวันเดียจะมีงานตอนกลางวันด้วย ก็ค่อนข้างเหนื่อย แล้วเหมือนกับสถานที่ถ่าย MV เดียก็หาเอง พระเอก MV ก็หาเอง เสื้อผ้าก็หาเอง คือมันก็เหนื่อยค่ะ
พอพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าทำไม ลีเดีย ถึงตัดหน้าม้า?
ลีเดีย : ที่ผ่านมาเดียจะเป็นแบบม้วนตลอดไม่มีผมม้า กลัวคนจะเบื่อรึเปล่าแบบออกอัลบั้มใหม่ก็ดูเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยอย่างนี้ก็เลยคิดว่าถ้าเราตัดผมม้าแล้วทำผมตรง ก็คงมีลุคที่ดูเปลี่ยนไป
ดูเป็นแนวหวานๆ ?
ลีเดีย : คือจะเน้นที่แบบโทนสีมากกว่า เพราะอัลบั้มที่ผ่านมาจะเป็นสีทองๆ สีขาวมากกว่าค่ะแต่อัลบั้มนี้ก็เป็นสีเงินๆ มากกว่า เงิน-ดำ อะไรแบบนี้ค่ะ
ฝากแฟนๆ ถึงอัลบั้ม Moving On
ลีเดีย : ก็ติดตามผลงานเพลงของเดียได้รวมถึง MV เพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป ของเดียได้ทาง www.youdumv.com นะคะ
มีอีกเพียบ >>
แต่สิ่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเปลี่ยนคือความชอบในดนตรี อาร์แอนด์บี และวันนี้ ลีเดีย- ศรัณย์รัชต์ วิสุทธิธาดา สาวน้อยที่ใครๆ ก็น่าจะรู้จักเธอมากขึ้นจะมาเปิดเผยว่า นอกจากความรักในเพลงอาร์แอนด์บีและความเซ็กซี่ของเธอนั้น ยังมีอะไรอีกบ้างที่ทำให้เธออยาก Moving On
ความหมายของคำว่า Moving On
ลีเดีย : ก็ Moving On แปลว่า ขยับต่อไป หรือเดินหน้าต่อไปอะไรอย่างนี้ เพราะว่าตัวเพลงเนี่ยเดียจะพัฒนาเพิ่มขึ้นในการร้อง แนวดนตรี มีโปรดิวเซอร์มาร่วมทีมงานด้วยกัน 3 คน รวมถึงเรื่องข่าวส่วนตัวด้วยว่า ถึงจะเจอข่าวอะไรเยอะแยะเดียต้องเดินหน้าต่อไป เพราะว่าเวลามันไม่ได้หยุดนิ่ง ทุกอย่างก็ต้องเดินหน้าต่อไป
ในส่วนเนื้อหาของเพลงโตขึ้นยังไงบ้าง?
ลีเดีย : อย่างเนื้อเพลงในอัลบั้มนี้จะไม่มีที่เกี่ยวกับโทรศัพท์คือเปลี่ยนบ้าง (หัวเราะ)
ไม่ได้ใช้โทรศัพท์แล้วใช่ไหม?
ลีเดีย : ยังใช้อยู่ แต่อาจจะไม่ใช่เรื่องที่แบบเป็นเด็กๆ อะไรอย่างนี้ ก็คือเนื้อเพลงอาจจะโตขึ้นมานิดหน่อย อะไรอย่างนี้ค่ะ
การร้องยากขึ้นไหม?
ลีเดีย : จะเปลี่ยนแนวการร้องมากกว่าค่ะ ก็คือที่ผ่านมาจะมีกระแสว่าเดียร้องได้แค่เสียงเอื้อน และหลบไม่เนียนเท่านั้นเองแต่เสียงจริงๆ แล้วมันไม่มีพาวเวอร์ ไม่มีแรงร้องเพลง ก็เลยคิดว่าเพลงแรกที่ปล่อยออกมาน่าจะเป็นเพลงที่โชว์พลังเสียงค่ะ ก็เลยเป็นเพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป แต่บางคนก็อาจจะชอบที่เดียร้องแบบเดิม บางคนก็บอกเออแบบนี้ดีกว่า
แล้วเพลงอื่นๆ ล่ะ?
ลีเดีย : ยังมีการเอื้อนๆ แบบของเดียอยู่ค่ะ เพราะว่าอัลบั้มนี้มีโปรดิวเซอร์ทั้งหมด 3 คน แต่ละเพลงมันก็จะไม่เหมือนกันเลยได้หลายๆ รสชาด แล้วก็เนื้อเพลงก็ไม่เหมือนกันคือมันจะได้หลายๆ อารมณ์ในอัลบั้มนี้ค่ะ
ลีเดีย ช่วยอะไรบ้างในเรื่องของเพลง?
ลีเดีย : เหมือนเพลงที่ พี่มิกซ์-เชษฐา (ยารสเอก) แต่งให้ชื่อว่า เปลี่ยน ค่ะ ก็เหมือนกับว่า เปลี่ยนจากคำว่าเพื่อนเป็นคำว่ารักได้ไหม โปรดิวเซอร์อีกคนที่ร่วมงานก็คือ พี่โบ้ท-บานาน่าโบ้ท ค่ะ เพลงที่เขาแต่งก็คือ เข็ดไหม ก็จะออกแบบว่าโซลร็อค คือมันจะหนักขึ้นมานิดนึงคือ เข็ดไหมที่โดนเขาทิ้งแล้วยังรักเขาอยู่ เพลงเนี่ยเพราะหมดเพราะ พี่ป็อบ เขาแต่งเพลงเก่ง คือเดียเปลี่ยนโปรดิวเซอร์จาก พี่ปอนด์ มาเป็น พี่ป็อบ ซึ่งค่อนข้างเก่งในเรื่องการแต่งเมโลดี้ที่สวย แต่ละโน้ตแต่ละเพลงก็คือเพราะ
มีโปรดิวเซอร์ 3 คนแล้วไปด้วยกันได้ยังไง?
ลีเดีย : ก็เชื่อมกันด้วยความเป็นเดียนี่แหละค่ะ แต่ละคนก็คงรู้ว่าเดียเป็นนักร้องแนวนี้ถ้าทำเพลงร็อคมาเลยคงไม่ใช่ ก็จะมีลิมิตในการแต่งว่าเป็นยังไงบ้าง
เพลง เข็ดไหม ดูจะมีความเป็นร็อค?
ลีเดีย : คือเพลงนี้มันจะเน้นที่แบบจังหวะ จะร้องแบบ เข็ดไหม...ตึดตือ...ตึดตือ แบบทิ้งลงจังหวะแบบนี้ค่ะ คือ พี่โบ้ท เขาจะชอบแต่งเพลงแนวแบบนี้ จังหวะจะเป็นแบบนี้ตลอดจะไม่เป็น อาร์แอนด์บี มากเกินไปมันจะออกไปทางโซลร็อคมากกว่า
แล้วเพลงนี้เข้ากันได้กับสไตล์ของ ลีเดีย ไหม?
ลีเดีย : ก็ได้ค่ะ เพราะว่าไม่ได้ร็อคเกินเหตุ
ฟีดแบ็คกับอัลบั้มนี้เป็นยังไงบ้าง?
ลีเดีย : ก็ดีค่ะ ตอนนี้กำลังไต่ขึ้นชาร์จอยู่ค่ะ ทั่วประเทศตอนนี้ก็อยู่ท็อป 20 ค่ะ
พูดถึง MV 1 วินาที..ก็ช้าไป?
ลีเดีย : MV ก็ไปถ่ายที่โรงละครของ คิงพาวเวอร์ ค่ะ โรงละครค่อนข้างอลังการมาก ใหญ่มากเลย พระเอก MV ก็อิมพอร์ตมาจากเกาหลีเลยค่ะ เขาเป็นนายแบบที่ค่อนข้างดังอยู่ที่เกาหลีเพิ่งมาทำงานเมืองไทยได้อาทิตย์เดียวเองแล้วเราก็มาร่วมงานกัน
ใครเป็นคนแนะนำ?
ลีเดีย : ก็เดียรู้จักเพื่อนในวงการที่เป็นนายแบบค่ะก็บอกว่ามีเพื่อนที่เป็นเกาหลีรึเปล่า เพราะเห็นสาวๆ กรี้ดหนุ่มเกาหลีก็เลยเลือกเป็นชาวเกาหลี
มีมาให้ดูกี่คนก่อนจะเลือกคนนี้?
ลีเดีย : ก็มีประมาณ 7-8 คน เลือกเองด้วยเพราะว่าบางคนอาจจะดูโตเกินไป ด้วยอายุ หน้าตา หรือบุคลิกอาจจะโตไปสำหรับเดีย แต่เท่าที่ดูมาคนนี้ลงตัวที่สุดค่ะ
แนวเพลง ลีเดีย อยากให้เป็นแดนซ์อาร์แอนด์บีบ้างไหม?
ลีเดีย : ก็เพลงที่ 2 เนี่ยค่ะจะมีมูฟเม้นท์มากขึ้น ก็ถึงได้ตั้งชื่อว่า Moving On ที่มีหลายความหมายมาก เพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป มีความหมายว่าฉันเดินหน้าไปแล้วจะไม่ถอยเวลากลับไป เหมือนเธอเพิ่งกลับมาตอนนี้แต่ฉันไปแล้ว ส่วนเพลงที่ 2 เกี่ยวกันไหม จะมีการเต้นขึ้นมานิดนึง ก็จะเป็นเพลงสไตล์แบบน่ารักๆ
อุปสรรคในการทำงานของอัลบั้มชุดนี้?
ลีเดีย : ยากกว่าอัลบั้มก่อนเหมือนกันค่ะ อุปสรรคที่เจอคือเดียจะไม่สบาย ต่อมบวม 2 ข้าง เพราะเดียจะไม่สบายง่ายค่ะ เพราะว่าพักผ่อนน้อย เวลาอัดเพลงเดียก็จะอัดดึกๆ สัก 3 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าค่ะ แล้วอัดติดต่อกันทุกวัน และบางวันเดียจะมีงานตอนกลางวันด้วย ก็ค่อนข้างเหนื่อย แล้วเหมือนกับสถานที่ถ่าย MV เดียก็หาเอง พระเอก MV ก็หาเอง เสื้อผ้าก็หาเอง คือมันก็เหนื่อยค่ะ
พอพูดถึงเรื่องเสื้อผ้าทำไม ลีเดีย ถึงตัดหน้าม้า?
ลีเดีย : ที่ผ่านมาเดียจะเป็นแบบม้วนตลอดไม่มีผมม้า กลัวคนจะเบื่อรึเปล่าแบบออกอัลบั้มใหม่ก็ดูเหมือนเดิมไม่เห็นมีอะไรแปลกเลยอย่างนี้ก็เลยคิดว่าถ้าเราตัดผมม้าแล้วทำผมตรง ก็คงมีลุคที่ดูเปลี่ยนไป
ดูเป็นแนวหวานๆ ?
ลีเดีย : คือจะเน้นที่แบบโทนสีมากกว่า เพราะอัลบั้มที่ผ่านมาจะเป็นสีทองๆ สีขาวมากกว่าค่ะแต่อัลบั้มนี้ก็เป็นสีเงินๆ มากกว่า เงิน-ดำ อะไรแบบนี้ค่ะ
ฝากแฟนๆ ถึงอัลบั้ม Moving On
ลีเดีย : ก็ติดตามผลงานเพลงของเดียได้รวมถึง MV เพลง 1 วินาที..ก็ช้าไป ของเดียได้ทาง www.youdumv.com นะคะ