ไวพจน์ ออกโรง! จี้ สายัณห์ ยอมขอโทษ ยอดรัก | Sanook Music

ไวพจน์ ออกโรง! จี้ สายัณห์ ยอมขอโทษ ยอดรัก

ไวพจน์ ออกโรง! จี้ สายัณห์ ยอมขอโทษ ยอดรัก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook


เครียด- ยอดรัก สลักใจ อ่านข่าวความขัดแย้งของตัวเองกับ สายัณห์ สัญญา อย่างเคร่งเครียด ล่าสุด ลูกทุ่งรุ่นพี่ของทั้งสอง ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ออกโรงเรียกร้องสายัณห์ควรเป็นฝ่ายถอย ด้วยการเอ่ยขอโทษยอดรัก ตามข่าว

ลูกทุ่งรุ่นใหญ่ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ออกโรงหย่าศึก ยอดรัก-สายัณห์ เชื่อฝ่ายหลังเจตนาดีแต่ใช้คำพูดแรงเกินไป แนะให้ยอมถอยกล่าวขอโทษ ยอดรัก เรื่องจะได้ยุติ ขณะที่กลุ่มแฟนเพลงชาวสุพรรณฯ บ้านเกิด สายัณห์ แท้ๆ ยังยอมรับไม่ได้ ขู่ถ้าไม่ยอมขอโทษนักร้องรุ่นน้อง จะเคลื่อนไหวนำเทป-ซีดีอดีตลูกทุ่งดังมาทำลายทิ้ง ด้านกลุ่มนักจัดวิทยุชุมชนจังหวัดพิจิตร บ้านเกิด ยอดรัก เตรียมงดเปิดเพลง สายัณห์ เรียกร้องให้กล่าวขอโทษ ไม่เช่นนั้นจะบุกกรุงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ ยอดรัก ฝ่าย สายัณห์ ท้าสาบานถ้าตัวเองขี้อิจฉาจริง ขอให้มีอันเป็นไป ยอดรัก บอกไม่ต้องขอโทษ แค่รับผิดชอบคำพูดของตัวเองก็พอ ท้ากลับ สายัณห์ ถ้าไม่ได้ให้สัมภาษณ์จริง ต้องกล้าฟ้องสื่อที่ลงข่าว

จากเหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการลูกทุ่งเมืองไทย เมื่อขุนพลเพลง ยอดรัก สลักใจ ซึ่งป่วยเป็น มะเร็งตับ ประกาศตัดสัมพันธ์พี่น้องร่วมวงการกับอดีตสุดยอดลูกทุ่ง สายัณห์ สัญญา หลังจากที่สายัณห์ ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองไม่เชื่อว่ายอดรัก ป่วยเป็นมะเร็งจริง ทั้งยังปฏิเสธไม่ไปร่วมขึ้นเวทีคอนเสิร์ตเพื่อหาเงินช่วยเหลือ เพราะกลัวเป็นการหลอกลวงประชาชน กระทั่งคณะแพทย์ร.พ.ศิริราชที่ให้การรักษายอดรัก ต้องออกมาแถลงข่าวยืนยันว่า ยอดรักป่วยเป็นมะเร็งตับจริง แต่ดูเหมือนเรื่องจะยังไม่จบง่ายๆ เนื่องจากฝ่ายยอดรักและสายัณห์ ยังคงเปิดศึกตอบโต้ผ่านสื่อกันด้วยถ้อยคำดุเด็ดเผ็ดมัน ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าศึก 2 ขุนพลเพลงลูกทุ่ง สายัณห์-ยอดรัก เมื่อวันที่ 15 มี.ค. ที่ จ.พิจิตร ซึ่งเป็นจังหวัดบ้านเกิดของยอดรัก สลักใจ นักร้องลูกทุ่งคนดัง นายปรีชา จันทร์ศรี ประธานชมรมผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ที่มีเครือข่ายวิทยุชุมชนครอบคลุมทั้งจังหวัดพิจิตร กว่า 20 แห่ง เปิดเผยว่าขณะนี้คนพิจิตรรู้สึกไม่พอใจที่สายัณห์ สัญญา ออกมาพูดวาจากล่าวร้ายยอดรัก สลักใจ หาว่าเป็นคนโกหกและไม่ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งจริงทั้งที่แพทย์ยืนยันแล้วว่า ยอดรักป่วยเป็นมะเร็งจริง

นายปรีชา กล่าวอีกว่า คนเจ็บป่วยไม่น่าจะมาซ้ำเติมกัน น่าจะเป็นกำลังใจในฐานะเป็นนักร้องด้วยกัน ดังนั้นคนพิจิตรฝากอยากจะถามสายัณห์ว่า ออกมาพูดอย่างนี้เพื่ออะไร หรืออยากจะทำให้ตัวเองดังขึ้นหรืออย่างไร ขณะนี้มีประชาชนซึ่งเป็นแฟนเพลงของยอดรัก โทรศัพท์มาขอให้งดเปิดเพลงของสายัณห์ สัญญา ทางพวกเรานักจัดรายการวิทยุชุมชนพิจิตรจึงได้ประชุมหารือกันว่าจะงดเปิดเพลงของสายัณห์ ตามที่แฟนเพลงเรียกร้องเนื่องจากกลัวว่าจะเสียแฟนเพลง

"ขณะนี้คนพิจิตรในฐานะคนบ้านเดียวกับยอดรัก สลักใจ ยังฝากเรียกร้องขอให้สายัณห์ สัญญา ออกมาขอโทษยอดรัก กับคำพูดที่ใช้ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นคนพิจิตรจะบุกกรุงเทพฯ เพื่อหาผู้หลักผู้ใหญ่เรียกร้องความชอบธรรมให้กับยอดรัก" ประธานชมรมผู้ประกอบการวิทยุชุมชนจังหวัดพิจิตร กล่าว

ขณะเดียวกันที่ จ.สุพรรณบุรี บ้านเกิดของสายัณห์ สัญญา ผู้สื่อข่าวติดต่อไปยังนายนพดล ดาววีระกุล สมาชิกสมาคมผู้สื่อข่าวจังหวัดสุพรรณบุรี เพื่อสอบถามกรณีที่มีข่าวทางกลุ่มจะรวมตัวกันต่อต้านสายัณห์ สัญญา โดยนายนพดล เปิดเผยว่า หลังจากมีข่าวว่า ยอดรักป่วยเป็นมะเร็งแล้วสายัณห์ สัญญา ออกมาพูดว่ายอดรักโกหก ไม่ได้ป่วยจริงนั้น ชาวสุพรรณบุรีฟังข่าวแล้วเกิดความรู้สึกว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ จากเดิมที่เคยชื่นชอบสายัณห์ ก็กลายเป็นไม่ชอบ และคุยกันว่าใครมีเทปหรือซีดีของสายัณห์ให้เอามารวมกันแล้วทำลายทิ้ง เลิกเปิดไปเลย แต่เรื่องนี้อยู่ในระหว่างคุยกันอยู่

"คุณเป้า สายัณห์ เป็นคนสุพรรณบุรี เสรี รุ่งสว่าง ก็เป็นคนสุพรรณบุรีเหมือนกัน ปกติคนสุพรรณบุรีเป็นคนจริงใจ ไม่ใช่นักเลงเกเร เป็นคนพูดจริงทำจริง ก่อนเกิดเหตุการณ์นี้ชาวสุพรรณบุรีก็ชื่นชอบคุณสายัณห์ ในเรื่องน้ำเสียงอยู่แล้วในฐานะแฟนเพลง และทำชื่อเสียงให้กับจังหวัดสุพรรณบุรี แต่พอมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทำให้ภาพติดลบไปเลย"

นายนพดล กล่าวด้วยว่า ฟังข่าวแล้วรู้สึกสะท้อนภาพและเสียชื่อเสียงคนสุพรรณบุรีหมด เราไม่ถึงขนาดโกรธแค้น เพียงแต่ว่าสายัณห์ ไม่น่าทำแบบนี้ ทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี สิ่งที่สายัณห์ทำก็ต้องเข้าตัวเขาเอง ผลมันออกมาเห็นๆ อยู่แล้ว เขาพูดก็ต้องรู้อยู่แล้วเพราะสื่อปัจจุบันทันสมัยและรวดเร็ว ทุกอย่างมีการบันทึกไว้หมด เขาจะโกหกตัวเองไม่ได้ เขาทำลายตัวเอง ไม่น่าทำตัวเอง ชาวสุพรรณบุรีกลุ่มหนึ่งที่เคยชื่นชอบเสียงเพลงของสายัณห์ ก็เกิดความรู้สึกว่าทำลายดีกว่า ชาวสุพรรณบุรีด้วยกันยังคิดเลยว่าสายัณห์ ไม่น่าเป็นชาวสุพรรณบุรี อยากให้ทุกคนรู้ว่าชาวสุพรรณฯไม่ใช่คนแบบนี้ เดี๋ยวคนจะเหมาว่าคนสุพรรณบุรีเป็นแบบนี้หมด

"ผมก็เหมือนเป็นแนวร่วม ตอนนี้เราคุยกันอยู่เรื่องที่จะทำลายซีดีของคุณเป้า แต่ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง แค่คิดขึ้นมา ถ้าเกิดทางคุณเป้าออกมาขอโทษก็จบ เราคิดถึงหลักความจริงว่ามันต้องมีผลกับตัวเขาเอง โดนสังคมส่วนใหญ่ที่กว้างกว่าสุพรรณบุรีคือทั้งประเทศทำร้ายตัวเขาเอง ไม่ถึงกับซ้ำเติมเขา ถ้าเกิดคุณเป้าต้องจบก็ถือว่าสังคมลงโทษตัวเขาแล้วกัน" แฟนเพลงชาวสุพรรณฯ กล่าว

นายนพดล ยังกล่าวด้วยว่า ตนและเพื่อนกว่า 20 ชีวิตที่หลงใหลในเสียงเพลงของสายัณห์ และยอดรัก เห็นว่าถ้าสถานการณ์เรื่องนี้เลวร้ายลงไปอีก อาจจะแอนตี้ไม่ฟังเพลงของสายัณห์อีกก็ได้ เพราะเรื่องนี้ได้รับผลกระทบอย่างมากเกี่ยวกับความรู้สึกที่อาจเสียขวัญกำลังใจแก่ยอดรักที่กำลังป่วย ไม่รู้ว่าทำไมสายัณห์ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างนี้ เสียความรู้สึกกับกลุ่มผู้ฟังเพลงลูกทุ่ง หมอก็ออกมาแถลงแล้ว คนไทยแฟนเพลงก็เข้าใจดีแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น หายคลางแคลงสงสัย เรื่องกำลังใจกับคนเป็นโรคมะเร็งนั้นสำคัญมาก เสียเงินก็เสียครั้งเดียวก็จบ แต่เสียใจ เสียความรู้สึก เสียเพื่อนอย่างนี้ ถือว่าหมดสิ้นหมดกัน หมดกำลังใจ เรื่องนี้ต้องมีคนออกมารับผิดชอบ และถ้าเรื่องนี้ยังไม่ดีขึ้น กลุ่มคนฟังเพลงลูกทุ่งต้องออกมาเคลื่อนไหวแน่นอน

ด้าน ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ศิลปินแห่งชาติ นักร้องเพลงลูกทุ่งระดับตำนาน เปิดเผยว่า เกี่ยวกับเรื่องนี้ในฐานะผู้ใหญ่คนกลางที่รู้จักทั้ง 2 ฝ่าย เรื่องนี้เราไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลัง ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด แต่เชื่อว่าสายัณห์ คงเป็นห่วงเพื่อนก็เลยแสดงความคิดเห็นแต่อาจใช้คำพูดไม่เป็นหรือแรงไปนิด แต่เชื่อว่าน่าจะมาจากความหวังดี เจตนาดี ไม่อยากให้เพื่อนเป็นคนลวงโลก ขายโน่นขายนี่อะไรทำนองนี้ หรืออะไรชี้แจงได้ก็น่าจะชี้แจงออกมาให้ทุกคนที่ยังคลางแคลงสงสัยหายข้องใจ และเชื่อว่าคำว่าเพื่อน คำว่าศิลปิน ช่วงนี้อาจโกรธกันสักระยะแต่น่าจะกลับมาคืนดีกันในเวลาไม่นานนัก ในฐานะคนกลางอยากให้สายัณห์ ถอยหลังออกมากล่าวคำขอโทษยอดรักสักนิด ก็น่าจะน่ารักกว่านี้ เพราะเรื่องจริงปรากฏออกมาแล้วว่าอะไรเป็นอะไร สำหรับเรื่องของคนพิจิตรและคนสุพรรณฯ และคนทั่วประเทศที่ยังมีความเมตตาศิลปินเพลงลูกทุ่ง ก็คงไม่อยากให้เรื่องราวบานปลายไปมากกว่านี้ อยากให้ทุกคนหันมามองเรื่องเหตุผลและความหวังดี รอมชอมกันเพื่อให้เรื่องจบด้วยความสุขทั้งคู่และพอใจทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายสายัณห์ สัญญา ยังคงให้สัมภาษณ์ผ่านรายการวิทยุ ยืนยันว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องขอโทษยอดรัก เพราะตนเองไม่เคยพูดว่ายอดรักเป็นลูกทุ่งลวงโลก และไม่เข้าใจว่าทำไมยอดรักไม่โกรธเว็บไซต์หรือหนังสือพิมพ์ แต่กลับมาด่าตน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะมีประเด็นการเมืองแอบแฝง เพราะตัวยอดรักก็ให้สัมภาษณ์ว่ารอเศรษฐีใจบุญกลับไทยมาช่วยซื้อบ้าน และเว็บไซต์ที่กล่าวหาว่ายอดรักลวงโลกก็แอนตี้เศรษฐีคนนั้นอยู่ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพราะสื่อพยายามเสี้ยมเขาควายให้ชนกัน ชอบทำให้คนมีเรื่องแตกคอกัน

สายัณห์ ยังกล่าวฝากไปถึงยอดรักด้วยว่า รู้สึกละอายบ้างหรือไม่ที่ออกมาด่าผ่านสื่อว่าตนเป็นคนขี้อิจฉา เป็นหอกข้างแคร่มาตลอด และวงการลูกทุ่งจะเสียก็เพราะตนปากไม่ดี พร้อมกับท้าว่าหากทุกอย่างเป็นจริงตามที่ยอดรักพูด ขอให้ตนมีอันเป็นไป แต่ถ้าหากไม่เป็นจริง ขอให้ย้อนกลับไปหาตัวยอดรักเอง

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านพักของยอดรัก สลักใจ ในหมู่บ้านกฤษดานคร 17 ย่านพุทธมณฑลสาย 3 พบว่ายอดรักมีสีหน้าสดใสขึ้น จากนั้นได้ให้สัมภาษณ์ถึงสายัณห์ ว่า รู้สึกน่าสมเพชเวทนาสายัณห์ที่ไม่รู้ภาษาอะไรเลย ที่มาบอกว่าทำไมตนไม่ไปฟ้องร้องเว็บไซต์ เว็บไซต์เป็นกระทู้ถามตอบจะไปฟ้องได้อย่างไร ถ้าคนมีความรู้จะเข้าใจแต่สายัณห์ไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ที่มาบอกว่าเขาโดนโจมตีอยู่คนเดียว เรื่องนี้ไม่ใช่การโจมตี ถ้าเขาไม่พูดตั้งแต่แรกหนังสือพิมพ์จะไปเขียนได้อย่างไร แล้วถ้ายืนยันว่าไม่ได้พูดอย่างที่หนังสือพิมพ์ลง ทำไมสายัณห์ไม่ไปฟ้องร้องหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น

"ผมไม่เคยโกรธเคืองใคร ถ้าสายัณห์ยอมรับคำที่เขาพูด ผมก็ไม่ถือสาเขาแล้ว ผมจะเอาเวลาที่เหลือมาต่อสู้กับมะเร็ง ไม่ใช่ไปต่อสู้เรื่องไร้สาระกับสายัณห์ ผมก็ไม่รู้ว่าจะอยู่อีกนานเท่าไร" ยอดรัก กล่าว

ส่วนที่สายัณห์ ยืนยันจะไม่ขอโทษนั้น ยอดรัก กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของเขา ตนไม่ได้ติดใจ ถ้าเป็นตนเมื่อเห็นหนังสือพิมพ์ลงข่าวไปแบบนั้น ถ้าไม่ได้พูดจริงก็คงฟ้องหนังสือพิมพ์ที่ทำให้ต้องมาทะเลาะกับน้องในวงการ ทำให้ตัวเองและวงการต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง แต่นี่สายัณห์ไม่กล้าฟ้องหนังสือพิมพ์ เพราะคงกลัวว่าก่อนหนังสือพิมพ์จะลงข่าวก็ต้องอัดเทปสัมภาษณ์เป็นหลักฐาน คงกลัวหลักฐานจะแดงขึ้นมา

เมื่อถามว่าเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วจะมองหน้ากันติดหรือเปล่า ยอดรัก กล่าวว่า หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ไม่เคยนึกอยากมองหน้าเขาเลย เรื่องแบบนี้ถ้าสงสัยหรือเป็นคนมีความคิดมีความรู้ ทั้งยังเป็นคนรักใคร่กันด้วย ก็ต้องเดินเข้ามาถามกันว่าเรื่องเป็นอย่างไร ไม่ใช่ไปให้สัมภาษณ์ใหญ่โตว่าตัวเองไม่ไปร่วมคอนเสิร์ตด้วยเดี๋ยวเสียชื่อเสียง สุดท้ายพอเกิดเรื่องขึ้นมาก็ไม่ยอมรับคำพูดตัวเอง

เมื่อถามว่ากลัวคนมองว่าวงการลูกทุ่งไม่รักกันหรือไม่ ยอดรัก กล่าวว่า มีสายัณห์คนเดียวที่ไม่รักใคร ลองดูวันที่ 26 มี.ค. กับวันที่ 30 มี.ค. ที่คอนเสิร์ตของตนว่านักร้องลูกทุ่งเขารวมตัวกัน รักใคร่กันขนาดไหน มีสายัณห์คนเดียวที่เขาไม่ร่วมด้วย ตนก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว แต่จะมาบอกว่าลูกทุ่งไม่รักกัน อิจฉาริษยากัน มันไม่ใช่ มีสายัณห์ที่ไม่รักใครอยู่คนเดียว

ยอดรัก กล่าวต่อว่า วันนี้ตนอยากจะจบเรื่องนี้ด้วยซ้ำไป แต่จะรอว่าหนังสือพิมพ์ที่ตนจะฟ้อง จะออกมาในรูปแบบไหน ถ้าเขายืนยันว่าคำสัมภาษณ์เป็นคำพูดของสายัณห์จริง ก็ต้องลงข่าวว่าสายัณห์กลับคำปลิ้นปล้อน หลอกลวงประชาชน แต่ถ้าไม่กล้าเขียนแบบนี้แสดงว่าสายัณห์ไม่ได้พูด ถ้าเป็นอย่างนั้นตนจะเป็นฝ่ายไปขอโทษสายัณห์ด้วย เรื่องนี้ได้คุยกับทางหนังสือพิมพ์เล่มนั้นแล้ว เขากำลังไปปรึกษาว่าจะลงแบบไหน เพราะทางหนังสือพิมพ์บอกว่ามีหลักฐานอยู่ในเทป และยืนยันว่าสายัณห์พูดแรงกว่าที่ลงข่าวด้วย

ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นทางสายัณห์อ้างว่าเป็นเกมการเมือง ยอดรักส่ายหน้าก่อนตอบว่า ไม่เกี่ยว เขาอยากจะเล่นการเมืองตั้งแต่สมัยนี้แล้ว เขามาคุยกับตนว่าอยากจะลงพรรคพลังประชาชน แต่พรรคพลังประชาชนเขาฉลาด เขาไม่เอาไปลงหรอก สายัณห์คุยกับตนว่าเขาลงที่สุพรรณบุรีไม่ได้ เขาจะรอลงปาร์ตี้ลิสต์ ตนก็บอกว่ายุคนี้ไม่มีปาร์ตี้ลิสต์แล้ว เขาก็ยังตะแบงว่ามี

เมื่อถามว่าความเป็นพี่เป็นน้องจะกลับคืนมาได้มั้ย ขุนพลลูกทุ่งรุ่นน้องกล่าวว่า ทำไมจะกลับมาไม่ได้ แค่เขายอมรับว่าที่เขาพูดลงหนังสือพิมพ์เขาพูดจริง ไม่จำเป็นเลยที่ต้องมาขอโทษ ตนจะไปขอโทษเขาด้วยซ้ำเพราะว่าตนเป็นรุ่นน้อง ไม่ควรจะไปใช้วาจาสามหาวกับเขา แต่ทุกวันนี้เขาไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง เพราะกลัวหนังสือพิมพ์จะเอาเทปที่บันทึกไว้มาแฉใช่หรือไม่ ถ้าไม่กลัวก็ฟ้องหนังสือพิมพ์ ถ้าสายัณห์ฟ้องหนังสือพิมพ์และชนะคดี ตนจะเอาดอกไม้ธูปเทียนไปกราบขอขมาสายัณห์ถึงที่บ้านเลย

ผู้สื่อข่าวถามเรื่องที่มีข่าวแฟนเพลงบางจังหวัดจะรวมตัวกันต่อต้านสายัณห์ และจะนำซีดีกับเทปเพลงของสายัณห์มาทำลายหากสายัณห์ไม่ยอมขอโทษเรื่องนี้ ยอดรัก กล่าวว่า อันนี้ช่วยอะไรไม่ได้ เขาทำอะไรไปก็ต้องรับผิดชอบ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เสียแค่ตน แต่เสียไปถึงวงศ์ตระกูลของตนด้วย ถ้าจะมีคนเผาซีดีสายัณห์จริง คงห้ามอะไรไม่ได้ ถือเป็นกรรมของสายัณห์ แต่ถ้าเขารับผิดชอบคำพูด ตนจะได้บอกแฟนเพลงว่าให้อภัยเถอะ

ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อกังขาของสายัณห์ ว่าทำไมหมอไม่บอกว่าป่วยเป็นมะเร็งขั้นที่เท่าไหร่ ยอดรัก หัวเราะพร้อมกล่าว จรรยาบรรณของหมอเขาไม่แถลงอาการของคนป่วย โดยเฉพาะคนป่วยโรคมะเร็งว่าเป็นขั้นไหน แค่รู้ว่าเป็นมะเร็งก็ใจฝ่อจะตายแล้ว ทำไมต้องมาซ้ำเติมว่าเป็นขั้นสุดท้าย หรือบอกว่าเหลืออีก 6 เดือนต้องตายแน่ถ้าไม่ให้คีโม

"เวลานี้ผมสบายใจที่โรงพยาบาลแถลงให้ แต่ไม่ต้องแถลงหรอกว่าผมเป็นมะเร็งขั้นที่เท่าไหร่ ปุถุชนคนธรรมดาเขาคงไม่อยากรู้ขนาดนั้น แสดงว่าสายัณห์อยากรู้มากว่ายอดรักจะตายวันไหน ไม่อย่างนั้นจะมาถามแบบนี้ทำไม แค่เป็นมะเร็งยังไม่สะใจพออีกเหรอ ผมบอกเลยว่าผมเป็นมะเร็ง แต่ผมตายทีหลังก็แล้วกัน" ยอดรักกล่าวทิ้งท้าย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ยอดรักให้สัมภาษณ์อยู่นั้น มีโทรศัพท์จากแฟนเพลงโทร.มาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้น และให้กำลังใจเป็นระยะๆ ในจำนวนนั้นมีสายหนึ่งโทร.มาจากนครราชสีมา บอกกับยอดรักว่าเขาถีบทีวีที่บ้านพังไปแล้วเครื่องหนึ่งเพราะทนไม่ได้ที่เห็นข่าวของสายัณห์

สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook