วันบินเดี่ยวของ บี พีระพัฒน์
เคว้งคว้างอยู่พักใหญ่หลังตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนักร้องนำ วงเครสเซนโด ท่ามกลางกระแสข่าวลือที่ถาโถมว่าเป็นเพราะความเรื่องมากของตัวเขาเองที่ทำให้ต้องกระเด็นออกจากวง
เวลาผ่านไปวันนี้ บี- พีระพัฒน์ เถรว่อง หรือที่หลายคนรู้จักในชื่อ บี เครสเซนโด ได้สังกัดใหม่อย่าง วอร์นเนอร์ มิวสิค ไว้พึ่งพิงเป็นที่เรียบร้อย พร้อมเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่หันมาเป็นนักร้องเดี่ยว โดยส่งอัลบั้มที่ชื่อ Dedicated To Love ซึ่งจะวางแผงในเดือนเมษายนออกมาให้ฟังกันเป็นลำดับแรก
"ผมเลือกมาทำงานกับ วอร์นเนอร์ มิวสิค เพราะรู้สึกประทับใจทีมงาน จากที่ผมเคยร่วมงานในอัลบั้ม 25 ปี คาราบาว มนต์เพลงคาราบาว ทีมงานที่นี่มีความตั้งใจ อยากทำงานให้ผม มีเป้าหมายเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ผมมีโอกาสคุยกับหลายๆ ค่าย คุยกับทุกที่ แต่กับ วอร์นเนอร์ มิวสิค เหมือนตัวผมได้ไปลองแล้วมันโอเค ทำให้ตัดสินใจได้ง่าย
ก่อนหน้านี้ช่วงเวลาว่างๆ ผมก็ทำเพลงเก็บมาเรื่อยๆ ไม่เคยหยุด ชุดนี้ผมเป็นโปรดิวเซอร์เองด้วย ก็จะเข้าไปดูทุกอย่างเองหมด ส่วนตัวเพลง ผมจะเป็นคนคิดทำนองเกือบทั้งหมด ที่ผ่านมาน้อยคนจะรู้ว่าผมเป็นคนทำงานด้านนี้ อย่างอัลบั้มเครสเซนโดผมก็คิดทำนอง แต่ผมไม่เคยพูดเท่านั้นเอง"
บียังบอกด้วยว่า เมื่อต้องมาทำงานคนเดียว ทำให้รู้สึกเหนื่อยมาก แต่ก็ได้หลายๆ คนมาช่วย ไม่ว่าจะเป็น บอย โกสิยพงษ์, พยัค ภูวิชัย, ทิวา สาระจูฑะ, เชษฐา ยารสเอก, ป๊อป เดอะ ซัน, โก้ มิสเตอร์แซกแมน, โต๋- ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร รวมไปถึงแฟนสาว ลินา- ภัคศรณ์ ลีนุตพงษ์ เรียกว่ารู้จักใครก็ชวนมาช่วยงานโดยที่ทุกคนล้วนแต่มาด้วยใจ ไม่ปริปากเรื่องตัวเงินแม้แต่น้อย
"อัลบั้มนี้มีทั้งป๊อปโซล อาร์แอนด์บี อะคูสติก บลูส์ เกือบทุกอย่างที่ผมอยากจะทำ เรื่องราวก็จะเป็นเรื่องรัก ถามว่าแตกต่างจากงานของ เครสเซนโด ยังไง แตกต่างแน่นอน เนื้อร้องจะไม่แรงเท่า ภาคดนตรีก็จะเข้มข้นแต่ไม่ดุดันเท่า ที่เหมือนกันคือผมยังคงใช้วิธีอัดเสียงด้วยเครื่องดนตรีจริงทั้งหมด เพราะเป็นความชอบส่วนตัวอยู่แล้ว โดยใช้เวลาในห้องอัดทั้งสิ้น 3 เดือน"
เมื่อย้อนถามถึงความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับสมาชิกวงเครสเซนโด บี เล่าอย่างหมดเปลือกว่า
"เปรียบเทียบอย่างนี้แล้วกัน คือ ตอนที่เราทำเครสเซนโดชุดแรก เพื่อนๆ ทุกคนก็ยังไม่ได้คิดอะไร เหมือนคนที่มีรถแล้วก็อยากลองขับ แต่พอทุกคนขับรถได้แล้ว ก็อยากที่จะเดินทางต่างจุดหมายกันไป แล้วในเมื่อผมไม่สามารถไปจุดหมายเดียวกับคนอื่นได้ ผมก็แค่ขอจอดรถแล้วลงมาเพื่อแยกไปตามทางของผม
เรื่องมีปัญหากันมันมีอยู่แล้วไม่ว่าจะดีหรือชั่ว พอเกิดเรื่องนักร้องก็โดนก่อนอยู่แล้ว เมื่อก่อนผมก็กังวล เซ็ง หลายอย่างทำไมต้องโดนอยู่คนเดียว แต่พอคุยกับพี่ฟอร์ด (สบชัย ไกรยูรเสน) พี่เขาก็บอกให้ทำใจดีๆ เป็นนักร้องก็แบบนี้ จนผมทำใจได้
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้เราต้องแยกกันเดินอยู่ที่แนวเพลง วงเครสเซนโดเป็นวงที่มีพลังเยอะ แต่ผมสู้ไม่ไหว ในเมื่อนักดนตรีอยากจะมัน แต่ผมอยากเบาบ้างในบางครั้ง มันก็เลยไปด้วยกันไม่ได้ ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเราไม่ปรับตัวกัน ผมรักวงนี้มาก ผมเลิกงานร้องเพลงกลางคืน เพื่อมาทำงานกับวงนี้อย่างเดียว ชื่อวงผมก็เคาะมากับนอร์ (นรเทพ มาแสง มือเบส) นะ
การทำงานเราตรงนี้ต้องคิดถึงตลาดด้วยอยากจะเล่นอย่างเดียวก็ไม่ได้ อีกอย่างการเป็นนักร้องก็เป็นภาระที่ต้องรับผิดชอบหนักมาก อย่างนักดนตรีเวลาเล่นเสร็จก็คือจบงาน แต่สำหรับนักร้องเล่นเสร็จ ผม ต้องลงไปเจอแฟนเพลง ถ่ายรูป พูดคุย หรืออย่างเวลามีงานพบปะสื่อ นักดนตรีเขาไม่อยากทำ ไม่ชอบ ก็เป็นหน้าที่ของผม ถ้าถามผมว่าวงอื่นๆที่แยกวงกันเป็นแบบนี้หรือเปล่า ผมว่าก็น่าจะมีเรื่องนี้ด้วย เพราะมันเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำกันทางความรู้สึก"
ถามต่อว่าการเลือกที่จะเป็นนักร้องเดี่ยวแทนที่จะหาสมาชิกวงใหม่เพราะเข็ดด้วยหรือเปล่า นักร้องหนุ่มปฏิเสธว่า ไม่เชิง แต่เพราะรู้สึกว่าวงที่ดีที่สุดของตัวเอง คือ วงเครสเซนโด ซึ่งเขาก็เคยคุยกับทางวงไว้ตั้งแต่แรกด้วยว่า จะไม่ทำงานในรูปแบบวงอีกแล้ว จะทำวงนี้เป็นวงสุดท้ายร่วมกัน อีกอย่างหากจะหาสมาชิกใหม่มาแทนย่อมต้องถูกเปรียบเทียบอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องที่เขาออกอัลบั้มใหม่มาใกล้เคียงกับช่วงที่วง เครสเซนโด จะออกอัลบั้มใหม่เช่นกันถือว่าเป็นคู่แข่งกันเลยหรือไม่ บี ปฏิเสธว่า ไม่ใช่อย่างแน่นอน เพราะในเรื่องของแนวทางดนตรีก็ไม่เหมือนกันแล้ว
"เรื่องความกดดันที่จะโดนเปรียบเทียบ ผมรู้อยู่แล้วว่ามันก็ต้องมี หรือจะโดนอะไรมั่ง ก็คงต้องปล่อยไปให้เพลงทำหน้าที่ของมัน ถามว่าผมมั่นใจกับงานตัวเองแค่ไหน ผมมั่นใจว่างานออกมาอย่างที่เราอยากให้เห็น แต่ก็ไม่รู้ว่าคนฟังจะชอบหรือไม่นักร้องหนุ่ม กล่าวทิ้งท้าย
วันนี้ผมอยากให้คนมองผมเป็น บี- พีระพัฒน์ เพราะส่วนใหญ่คนจะติดคำว่า บี เครสเซนโด มากๆ ก็คงต้องใช้เวลา คิดว่าอีกไม่นานคนคงจำผมในแบบใหม่ได้"