นักร้องคู่ขวัญยอดรัก เรไร สลักจิต
2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่ยอดรัก สลักใจ ยังนอนป่วยอยู่ มีคนในวงการเพลงมาเยี่ยมไม่ขาดสาย บางคนห่างหายจากวงการไปนาน เรไร สลักจิต อดีตนักร้องลูกทุ่งหญิงเสียงดี ที่ถือเป็นคู่ขวัญของยอดรัก สลักใจ ต้นฉบับเพลง โรงแรมใจ
ทีมข่าว คม ชัด ลึก พาย้อนเรื่องราวของ เรไร สลักจิต กับชีวิตหลังเลิกวงการ ซึ่งปัจจุบันเธอหันมาขายก๋วยเตี๋ยวน้ำใสอยู่ย่านพัทยา โดยเปิดใจถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนเข้าวงการให้ฟังว่า
“ชื่อจริง เรไร สงค์ใย พ่อแม่เป็นลิเก เกิดที่ ต.ในเขต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร อยู่ติดกับบ้านงิ้วรายบ้านเกิดพี่แอ๊ว (ยอดรัก) พี่เขาเข้าวงการก่อน โดยร้องเพลงเชียร์รำวง เจ้าของบาร์รำวงเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตาคลี พี่แอ๊วเขาก็วิ่งรอกร้องเพลงทั้งสองแห่ง จนบาร์รำวงปิดพี่เขาก็มาร้องเพลงอย่างเดียว พี่เขาชวนมาร้องเพลงด้วย ที่สวนอาหารตาคลี ตอนนั้นอายุ 14-15 ส่วนพี่แอ๊วอายุ 16-17 ปี ช่วงนั้นก็ร้องเพลงของบุปผา สายชล ผ่องศรี เพลินพิศ พูนชนะ (เหมือนข้าวคอยเคียว) ส่วนพี่แอ๊ว เขาร้องเพลงไพรวัลย์ ลูกเพชร ระพิน ภูไท ชายเมืองสิงห์ ร้องได้ปีกว่าๆ พ่อแม่ก็มาตามให้ไปเล่นลิเก ซึ่งไม่ชอบแต่ก็ต้องตามใจพ่อแม่”
เรไร สลักจิต ในวัย 50 ปี เล่าย้อนความหลังต่อว่า จนกระทั่งยอดรักได้อัดเทปและตั้งวงดนตรีกับ เด็ดดวง ดอกรัก ก็ถูกเรียกตัวมาร่วมวงดนตรีอีกครั้ง
“มาอยู่วงจริงๆ อยากเป็นหางเครื่อง แต่พี่เขาให้ร้องเพลง และได้บันทึกเสียงแก้เพลง กำนันกำใน และร้องประกบในแผ่นชุดต่างๆ เช่น เพลงโรงแรมใจ บันทึกเสียงปี 2520 (ต้นฉบับก่อนคัฑลียา มารศรี มาร้องจนโด่งดัง) สิ้นฝนสิ้นฝัน สาวนาคอยคู่ กำนันจำนำ เพลงประกอบหนังอีกหลายเรื่อง อยู่ในวงดนตรีลำบากมากช่วงนั้น ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะนักร้องตอนนั้นเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องครอบครัว นายทุนเขาห้ามพูด คนก็สงสัยกัน ประมาณ 5 ปีก็แยกจากกัน ออกมาจากวงเองเพราะความน้อยใจหลายเรื่อง และตอนนั้นก็ยังคิดแบบเด็กๆ”
เรไรพยายามปะติดปะต่อข้อมูล แต่ก็จำไม่ค่อยได้ เพราะข้อมูลเพลงต่างๆ สูญหายไปหมดเมื่อครั้งมีเหตุการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิจิตร เรไรหันหลังให้วงดนตรี มาร้องเพลงเล่นหนังบ้าง แต่ไม่ได้ไปเล่นลิเก และมาเปิดร้านคาราโอเกะที่พัทยา ชื่อร้าน โบว์คาราโอเกะ ประมาณ 8 ปี หมดสัญญาเช่าเลยเลิก แต่เธอมีเงินเก็บจนสามารถสร้างตึกแถวให้คนเช่าได้ในเวลาต่อมา
“มีญาติๆ เขาขายหินขายต้นไม้ริมถนน มีที่ว่างเลยมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส เพราะน้องสาวขายอยู่ที่หน้าเมืองทองธานีมานานเลยได้สูตรมา ตอนแรกใช้ชื่อร้านมาเรียมลูกชิ้นน้ำใส สาขา 2 มีนักจัดรายการวิทยุมากินแล้วเขาจำได้ ก็บอกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็น ลูกชิ้นน้ำใส เรไร สลักจิต เป็นร้านเล็กๆ อยู่ใกล้ดับเพลิงสาย 3 พัทยาใต้ เรื่องงานร้องเพลงก็ยังคิดถึงวงการอยู่ แต่ไม่กล้ารับงานร้องเพลง แถวนี้เขาก็เชิญไปร้องเพลง แต่ไม่พร้อม เพราะไม่มั่นใจตัวเอง อายเขาด้วยเพราะอ้วน”
เรไร สลักจิต ได้มาเยี่ยมอาการป่วยของ ยอดรัก สลักใจ ที่บ้าน เมื่อครั้งป่วยใหม่ๆ และเมื่อ 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา มาเยี่ยมอีกครั้งที่โรงพยาบาลพระรามเก้า แต่ไม่ได้เข้าพบ เพราะยอดรักอาการทรุด
“เจอกันก็ยังคุยกันดีอยู่ แซวกันว่า เป็นตาเป็นยายกันแล้ว เพราะเรไรมีลูกสาวคนเดียวและมีหลาน 2 คนแล้ว ส่วนพี่แอ๊วมีหลาน 1 คน ตอนรู้ว่าเขาป่วยก็ใจหาย ลืมตาขึ้นมาก็คิดถึงพี่เขา พี่แอ๊วเป็นพี่ที่ไม่เรื่องมาก ไม่เอาเปรียบใคร” เรไรกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก
ทีมข่าว คม ชัด ลึก พาย้อนเรื่องราวของ เรไร สลักจิต กับชีวิตหลังเลิกวงการ ซึ่งปัจจุบันเธอหันมาขายก๋วยเตี๋ยวน้ำใสอยู่ย่านพัทยา โดยเปิดใจถึงอดีตเมื่อครั้งก่อนเข้าวงการให้ฟังว่า
“ชื่อจริง เรไร สงค์ใย พ่อแม่เป็นลิเก เกิดที่ ต.ในเขต อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร อยู่ติดกับบ้านงิ้วรายบ้านเกิดพี่แอ๊ว (ยอดรัก) พี่เขาเข้าวงการก่อน โดยร้องเพลงเชียร์รำวง เจ้าของบาร์รำวงเป็นเจ้าของร้านอาหารที่ตาคลี พี่แอ๊วเขาก็วิ่งรอกร้องเพลงทั้งสองแห่ง จนบาร์รำวงปิดพี่เขาก็มาร้องเพลงอย่างเดียว พี่เขาชวนมาร้องเพลงด้วย ที่สวนอาหารตาคลี ตอนนั้นอายุ 14-15 ส่วนพี่แอ๊วอายุ 16-17 ปี ช่วงนั้นก็ร้องเพลงของบุปผา สายชล ผ่องศรี เพลินพิศ พูนชนะ (เหมือนข้าวคอยเคียว) ส่วนพี่แอ๊ว เขาร้องเพลงไพรวัลย์ ลูกเพชร ระพิน ภูไท ชายเมืองสิงห์ ร้องได้ปีกว่าๆ พ่อแม่ก็มาตามให้ไปเล่นลิเก ซึ่งไม่ชอบแต่ก็ต้องตามใจพ่อแม่”
เรไร สลักจิต ในวัย 50 ปี เล่าย้อนความหลังต่อว่า จนกระทั่งยอดรักได้อัดเทปและตั้งวงดนตรีกับ เด็ดดวง ดอกรัก ก็ถูกเรียกตัวมาร่วมวงดนตรีอีกครั้ง
“มาอยู่วงจริงๆ อยากเป็นหางเครื่อง แต่พี่เขาให้ร้องเพลง และได้บันทึกเสียงแก้เพลง กำนันกำใน และร้องประกบในแผ่นชุดต่างๆ เช่น เพลงโรงแรมใจ บันทึกเสียงปี 2520 (ต้นฉบับก่อนคัฑลียา มารศรี มาร้องจนโด่งดัง) สิ้นฝนสิ้นฝัน สาวนาคอยคู่ กำนันจำนำ เพลงประกอบหนังอีกหลายเรื่อง อยู่ในวงดนตรีลำบากมากช่วงนั้น ต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะนักร้องตอนนั้นเขาจะไม่เปิดเผยเรื่องครอบครัว นายทุนเขาห้ามพูด คนก็สงสัยกัน ประมาณ 5 ปีก็แยกจากกัน ออกมาจากวงเองเพราะความน้อยใจหลายเรื่อง และตอนนั้นก็ยังคิดแบบเด็กๆ”
เรไรพยายามปะติดปะต่อข้อมูล แต่ก็จำไม่ค่อยได้ เพราะข้อมูลเพลงต่างๆ สูญหายไปหมดเมื่อครั้งมีเหตุการณ์น้ำท่วมที่ จ.พิจิตร เรไรหันหลังให้วงดนตรี มาร้องเพลงเล่นหนังบ้าง แต่ไม่ได้ไปเล่นลิเก และมาเปิดร้านคาราโอเกะที่พัทยา ชื่อร้าน โบว์คาราโอเกะ ประมาณ 8 ปี หมดสัญญาเช่าเลยเลิก แต่เธอมีเงินเก็บจนสามารถสร้างตึกแถวให้คนเช่าได้ในเวลาต่อมา
“มีญาติๆ เขาขายหินขายต้นไม้ริมถนน มีที่ว่างเลยมาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นน้ำใส เพราะน้องสาวขายอยู่ที่หน้าเมืองทองธานีมานานเลยได้สูตรมา ตอนแรกใช้ชื่อร้านมาเรียมลูกชิ้นน้ำใส สาขา 2 มีนักจัดรายการวิทยุมากินแล้วเขาจำได้ ก็บอกว่าให้เปลี่ยนชื่อเป็น ลูกชิ้นน้ำใส เรไร สลักจิต เป็นร้านเล็กๆ อยู่ใกล้ดับเพลิงสาย 3 พัทยาใต้ เรื่องงานร้องเพลงก็ยังคิดถึงวงการอยู่ แต่ไม่กล้ารับงานร้องเพลง แถวนี้เขาก็เชิญไปร้องเพลง แต่ไม่พร้อม เพราะไม่มั่นใจตัวเอง อายเขาด้วยเพราะอ้วน”
เรไร สลักจิต ได้มาเยี่ยมอาการป่วยของ ยอดรัก สลักใจ ที่บ้าน เมื่อครั้งป่วยใหม่ๆ และเมื่อ 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมา มาเยี่ยมอีกครั้งที่โรงพยาบาลพระรามเก้า แต่ไม่ได้เข้าพบ เพราะยอดรักอาการทรุด
“เจอกันก็ยังคุยกันดีอยู่ แซวกันว่า เป็นตาเป็นยายกันแล้ว เพราะเรไรมีลูกสาวคนเดียวและมีหลาน 2 คนแล้ว ส่วนพี่แอ๊วมีหลาน 1 คน ตอนรู้ว่าเขาป่วยก็ใจหาย ลืมตาขึ้นมาก็คิดถึงพี่เขา พี่แอ๊วเป็นพี่ที่ไม่เรื่องมาก ไม่เอาเปรียบใคร” เรไรกล่าวทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก