ยอดรัก สลักใจ ลูกทุ่งผู้ไม่มีวันตาย
ว่ากันว่านักร้องลูกทุ่งในฟ้าเมืองไทยแห่งนี้มีตำนานเพียง 2 ท่าน คือ สุรพล สมบัติเจริญ และ พุ่มพวง ดวงจันทร์ ที่ชื่อเสียงและผลงานยังคงติดตาตรึงใจเป็นอมตะแม้จะล่วงลับไปนานแสนนานแล้วทั้งคู่ แต่หากจะจัดลำดับความสูญเสียครั้งล่าสุดในวงการ ที่ต้องเสีย ยอดรัก สลักใจ ไปอย่างไม่มีวันกลับเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ที่ผ่านมา การคงต้องถือว่า เป็นอีกหนึ่งความสูญเสียของตำนานเพลงลูกทุ่งไทยอีกคนหนึ่งก็คงจะว่าได้
หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งตับมานานนับปี ยอดรัก สลักใจ ก็จากไปอย่างสงบ ในวัย 52 ปี ทิ้งผลงานเพลงหว่า 2500 เพลง และชื่อเสียงในฐานะนักร้องลูกทุ่งขวัญใจมหาชน กับชีวิตที่ฝ่าฟันทั้งความยากจน อุปสรรค จุดสูงสุด และ จุดตกต่ำ ไม่ต่างจากละครชีวิตเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
เด็กชายแอ๊วแห่งวัดหาดแตงโม
6 กุมภาพันธ์ 2499 คือวันเกิดของเด็กชาย นิพนธ์ ไพรวัลย์ หรือเด็กชายแอ๊ว แห่งบ้านหาดแตง ต.งิ้วราย อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร เด็กยากขนลูกคนสุดท้องของครอบครัวที่มีลูกชายและลูกสาวรวมกัน 8 คน ในวัยเด็ก เด็กชายนิพนธ์จัดว่าเป็นเด็กยากจน แม้ใจจะรักฝักใฝ่ในการเรียนแต่ครอบครัวก็ไม่มีเงินพอจะส่งเสีย ซ้ำร้ายยังสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุได้เพียง 7 ขวบ เส้นทางชีวิตจึงหักเห เมื่อเด็กชายนิพนธ์ขอเข้าไปอยู่กับคณะรำวง เกตุน้อยวัฒนา ทำงานสารพัดทั้งเป็นนักร้องและเชียร์รำวง
ยอดรัก ลูกพิจิตร
คล้อยหลังเปลี่ยนปีพุทธศักราชเป็น 2500 ได้ไม่กี่ปี นิพนธ์ ไพรวัลย์ หันไปยึดอาชีพนักร้องห้องอาหาร สร้างชื่อประหนึ่งเงาเสียงของ ไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งขณะนั้นถือเป็นนักร้องลูกทุ่งแถวหน้าของไทย โดยมีโฆษกจอมสร้างแห่งตาคลี เด็ดดวง ดอกรัก แห่งรายการ ขวัญใจชาวบ้าน ให้ความสนใจในตัวของเขาทันที
"ไปเจอยอดรักที่ร้านอาหารบ้านไร่ ผมนั่งกินข้าวกับเพื่อน ไอ้แอ๊ว (ชื่อเล่นยอดรัก) มันร้องเพลง ใต้เงาโศก, คนไร้ค่า ของ ไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งผมรัก ชอบพอกันมาก ทีแรกนึกว่าไพรวัลย์มา เพื่อนบอกว่าไม่ใช่ เลยให้เพื่อนไปตามมาดูหน้า ตอนนั้นมันไว้ผมทรงฮิปปี้ ไม่หล่อ เลยบอกว่าร้องเพลงได้ดีมาก ไม่อยากให้มาร้องอยู่แบบนี้ อยากเป็นนักร้องอัดแผ่นไหม จะช่วยส่งเสริม แต่ขออย่าง ให้เลิกกินเหล้า เพราะมันจะทำให้เสียงเสีย ผมเลยพามาฝากกับเพื่อนรุ่นน้องที่ชื่อ ชลธี ธารทอง (ศิลปินแห่งชาติ) ให้ฝึกให้ แต่มันอยู่กับเขา 5 ปีก็ไม่ดัง จนมันชวนผมเลิก" (คมชัดลึก 2551)
เด็ดดวง ดอกรัก ย้อนความไปในวันที่เจอกับยอดรักเป็นครั้งแรก ก่อนจะถูกถูกใจพาไปฝากฝังกับ ชลธี ธารทอง ผู้กรุณามอบบทเพลงให้เขานำไปบันทึกเสียง ในฐานะนักร้องลูกทุ่งหน้าละอ่อน ยอดรัก ลูกพิจิตร
เด็ดดวง ดอกรัก เผยต่อว่า เขาหมายมั่นเหลือเกินที่จะปั้น ยอดรัก ลูกพิจิตร ให้ดังพอๆ กับ สายัณห์ สัญญา ซึ่งในยุคนั้นไม่มีใครกินนักร้องหนวดจิ๋มได้ลง แต่โฆษกจอมสร้างเชื่อว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิด ถึงกับลงทุนขายที่นา เพื่อปั้นนักร้องบ้านนอกจากตะพานหินคนนี้ให้เป็นที่รู้จักให้จงได้
"แอ๊วมันชวนผมเลิกทำเพลง มันสงสารผม แต่ผมเชื่อในหูตัวเอง ว่าไม่น่าพลาด ผมเลยขายที่นาไปเกือบ 3 ไร่ ได้เงินมา 2 ล้านบาท ผมเลยไปหา สนิท มโนรัตน์ ให้แต่งเพลงเกี่ยวกับทหารตำรวจให้ ระยะนั้นกำลังมีปัญหาชายแดนก็ได้เพลง ทหารเรือมาแล้ว อัดเสร็จหิ้วไปให้ห้างแผ่นเสียง แต่ไม่มีใครเอา เขาบอกว่ามันไม่ดังหรอก ผมเลยเอาไปให้ มนต์ เมืองเหนือ ตอนนั้นไม่มีผลประโยชน์อะไรมาก นอกจากวงดนตรี ผมอาศัยโฆษกจากทั่วประเทศ" (คมชัดลึก 2551)
ยอดรัก สลักใจ ขวัญใจทหาร-ตำรวจชายแดน
ก่อนที่จะบันทึกแผ่นเสียงนั้นเด็ดดวง ดอกรัก นำ ยอดรัก ลูกพิจิตร มาฝากกับ ชลธี ธารทอง ยอดรัก อยู่เลี้ยงลูกให้อาจารย์ ชลธี ธารทอง เป็นเวลาเกือบ 1 ปี อาจารย์ชลธี หาแนวเพลงว่ายอดรักจะไปแนวไหนดี เพราะว่าช่วงนั้น สายัณห์ สัญญา กำลังดังจากเพลง ลูกสาวผู้การ และ รักเธอเท่าฟ้า จึงคิดแนวเพลงให้ยอดรักฉีกไปอีกแบบหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งเกิดสงครามทางชายแดนขึ้น เมื่อปี 2518 เหล่าทหารที่รอดตายจากสงครามมาออกรายการโทรทัศน์ ว่าคนที่อยู่แนวหน้าลำบากเหลือเกิน อยากให้แนวหลังช่วยส่งกำลังใจไปช่วยบ้าง อาจารย์ชลธี ธารทอง จึงแต่งเพลง จดหมายจากแนวหน้า มาให้ยอดรักร้องในปลายปี2518 โดย ชวนชัย ฉิมพะวงศ์ เปลี่ยนนามสกุลจาก ยอดรัก ลูกพิจิตร มาเป็น ยอดรัก สลักใจ และประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดัง ตั้งวงดนตรีเดินสายทั่วเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2519 ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลงทั่วประเทศ
วงดนตรียอดรัก สลักใจ เปิดวงครั้งแรกด้วยการแสดงที่ อ.หนองบัว จ.นครสวรรค์ และวงดนตรียอดรัก สลักใจก็สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้เข้าชมและมิตรรักแฟนเพลงของเขามาโดยตลอด สิ่งที่เป็นเครื่องยืนยันก็คือไม่ว่าจะเปิดทำการแสดงที่ไหนมิตรรักแฟนเพลงของยอดรักก็จะซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงของวงดนตรียอดรัก สลักใจ อย่างล้นหลามจนเป็นที่มาของวงดนตรี ที่ครองแชมป์รายได้สูงสุดในประเทศถึง 3 ปี ซ้อน
งานเพลง- งานหนัง ที่ฝากไว้
กว่า 2500 บทเพลงที่ยอดรัก สลักใจ ขับร้อง หากจะรวบรวมไว้ทีเดียวพร้อมกันคงต้องแจกแจงกันหลายหน้ากระดาษ หากแต่เพลงฮิตที่สร้างชื่อเสียง ก็มีตั้งแต่ จ.ม.จากแนวหน้า น้ำสังข์หลั่งน้ำตาริน ห่มธงนอนตาย ทหารเรือมาแล้ว แต่ที่โดดเด่นเป็นเพลงเอกของยอดรักที่ใครนำมาร้องก็ไม่มีเสมอเหมือน เห็นจะเป็นเพลง 30 ยังแจ๋ว ที่ถูกนำไปบันทึกเสียงใหม่ถึง 9 ครั้ง ทั้งยังไม่นับที่ศิลปินรุ่นหลังอีกหลายคนหยิบยืมไปร้องใหม่ ทั้งในอัลบั้ม และในการแสดงคอนเสิร์ต นี่คงอาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เพลง 30 ยังแจ๋ว ยังสดใหม่และครองใจคนฟังแม้จะผ่านไปนานกว่า 30 ปี
งานเพลงชุดสุดท้ายก่อนเสียชีวิตคือ มะเร็งไม่มายิง ออกโดยค่าย เอสเอส มิวสิค เอ็นเตอร์เทนเมนท์ ซึ่ง ยอดรัก สลักใจ ได้รับค่าตอบแทนจากเพลงนี้ เป็นเงิน 570,000 บาท (ห้าแสนเจ็ดหมื่นบาท) (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)
ในส่วนของงานแสดงภาพยนตร์ ก็ยังมีคอหนังรุ่นใหญ่อีกหลายคนที่เคยผ่านตาการแสดงของยอดรักกันมาบ้างแล้ว อาทิเช่น
เรือเพลง (2522)
ไอ้หนุ่มรถอีแต๋น (2527)
อีแต๋น ไอเลิฟยู (2527)
สาวนาสั่งแฟน (2527)
สาลิกาลิ้นทอง (2527)
ทหารเกณฑ์เจอผี (2527)
นักร้องพ่อลูกอ่อน (2528)
เพลงรัก เพลงปืน (2530)
อยู่กับยาย (2531)
อ้อนรักแฟนเพลง (2532)
มนต์เพลงลูกทุ่ง F.M. (2545)
อีส้ม สมหวัง (2550)
รางวัลเกียรติยศ
รางวัลชีวิตและเกียรติยศแห่งวิชาชีพ
ในชีวิตนักร้องของยอดรัก สลักใจ ที่ได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งชีวิตคือ
- เสาอากาศทองคำพระราชทาน นักร้องชายยอดเยี่ยมยอดนิยม เมื่อปี พ.ศ.2520 ในเพลง ทหารเรือมาแล้ว
- ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำพระราชทาน ปี พ.ศ. 2522 นักร้องชายยอดเยี่ยม จากเพลง กำนันกำใน
- ได้รับรางวัล ในงานกึ่งศตวรรษลูกทุ่งไทย จากเพลงทหารใหม่ไปกอง, จักรยานคนจน
- ได้รับรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน นักร้องชายยอดเยี่ยม ปีพ.ศ. 2539 จากเพลง มนต์รักลูกทุ่ง
- ได้รับรางวัลทีวีมาชนของหนังสือพิมพ์บ้านเมือง
- ปี 2523 ได้รับเกียรติให้ร้องเพลงชนะเลิศ จากการประกวดวันแม่แห่งชาติ คือ เพลง แม่พระประชาไทย,แด่พระบารมี
- ได้ร้องเพลงถวายวันครบรอบ 90 พรรษา ของสมเด็จย่า ในเพลง สมเด็จย่า แต่งโดย จิ๋ว พิจิตร จัดทำโดย กองทัพบก
- ปี 2535 ได้ร้องเพลงในชุดเฉลิมพระเกียรติ สดุดี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในเพลง แม่สยาม
- ได้รับรางวัลพระพิฆเนศทองพระราชทาน นักร้องชายยอดเยี่ยม ปีพ.ศ. 2542 จากเพลง เทพธิดาพยาบาล
- ได้รับรางวัลนักร้องยอดนิยม จากเพลง ไอ้หนุ่มตู้เพลง ปี พ.ศ. 2523
- ได้รับรางวัลนักร้องยอดนิยม จากเพลง รักแม่ม่าย ปี พ.ศ. 2524
- 30 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ได้ร่วมขับร้องเพลง ชุด ลูกทุ่งดอนเจดีย์ โดยขับร้องไว้ 2 บทเพลงคือ เพลง ลูกทุ่งดอนเจดีย์ (ร้องหมู่) และเพลงกะเหรี่ยงลาตาย ในงานมหกรรมดอนเจดีย์ ที่จังหวัด สุพรรณบุรี
ชีวิตหลังยุครุ่งเรือง
ด้วยความที่ออกผลงานเพลงอย่างต่อเนื่อง ทัวร์คอนเสิร์ตทั้งในและต่างประเทศแทบไม่เว้นแต่ละวัน มีการคำนวณกันว่า ยอดรักมีทรัพย์สินกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งมากพอจะทำให้ครอบครัว ซึ่งมีภรรยา และลูกชายเพียง 1 คนคือ เอส- เกรียงศักดิ์ ไพรวัลย์ มีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย
แต่เงินจำนวนดังกล่าวสูญเปล่าในทันที เมื่อยอดรัก ตัดสินใจลงทุนก้อนใหญ่ไปกับค่ายเพลงของตัวเองที่มืชื่อว่า สลักใจโปรโมชั่น ผลปรากฏว่าขาดทุนย่อยยับ แถมยังมีหนี้สินพอกพูนตามมาอีก ด้วยความเครียด และความต้องการนำเงินมาดูแลครอบครัว ยอดรัก จึงตัดสินใจเดินทางไปขุดทองที่สหรัฐอเมริกา โดยทำงานอยู่ในร้านอาหาร เดินสายโชว์ตัวบ้างตามแต่จะมีงานจ้าง ห่างหายจากวงการเพลงเมืองไทยไปนานหลายปี
มะเร็งร้าย กัดกินทั้งร่างกายและจิตใจ
ยอดรักถูกตรวจพบว่ามีก้อนเนื้อมะเร็งในตับเมื่อปี 2550 แต่สื่อมวลชนและแฟนเพลงเพิ่งจะได้ทราบข่าวเกี่ยวกับอาการป่วยของยอดรักก็เมื่อถูกตรวจพบว่ามะเร็งเริ่มเข้าสู่ระยะที่สาม ซึ่งยอดรักเปิดเผยว่า อาจเป็นเพราะการที่เคยดื่มและสูบบุหรี่จัดเมื่อ 20 กว่าปีก่อน แม้ปัจจุบันจะเลิกไปอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตาม แต่ก็อาจมีสาเหตุจากความเครียดเรื่องหนี้สินมาประกอบ
"ตอนนี้พี่เลิกสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาดแล้ว เพราะหมอบอกว่าถ้าสูบมากๆ เข้าเชื้อจะเข้ามาในร่างกายได้ง่าย ส่วนเรื่องเหล้าก็ห่างมา 20 ปีแล้ว ไม่ได้กินเลย สาเหตุที่เกิดก็น่าจะเกี่ยวกับการสะสมมาตลอดชีวิต เพราะก่อนหน้านี้ยอมรับเลยว่ากินเหล้าหนักเหมือนกัน และเครียดช่วงที่ครอบครัวมีปัญหาเรื่องการเงิน' (สยามดารา 2551)
ธารน้ำแห่งกำลังใจหลั่งไหลมาสู่ยอดรักทันทีที่ได้ทราบข่าวร้าย หลายคนเชื่อว่ายอดรักมีกำลังใจที่ดีเยี่ยม เพราะในระหว่างนั้น ยอดรักยังใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่แสดงอาการเจ็บป่วยเด่นชัด ปฏิเสธการใช้เคมีบำบัดในการรักษาเพราะกลัวร่างกายต่อต้าน มีเพียงยาสมุนไพรเท่านั้นที่ยอดรักขอใช้เป็นยารักษา และดูเหมือนยอดรักจะยังไม่หมดหวังกับการทำค่ายเพลง เพราะในช่วงนั้น เขาเปรยว่า กำลังตั้งค่ายเพลงชื่อ ค่ายอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ด้วยเจตนาดีที่อยากส่งเสริมเพลงลูกทุ่งที่ใช้ภาษาไพเราะน่าฟัง และในขณะเดียวกันก็พยายามผลักดันให้มีการรณรงค์ไม่ให้มีการใช้ภาษาลามกอนาจารในบทเพลง และหวังที่จะนำเงินที่ได้จากการขายซีดี มาเป็นทุนในการรักษาโรคมะเร็ง
6 กุมภาพันธ์ 2551 ยอดรักฉลองวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 52 ปีพร้อมกับออกมาประกาศว่า เจ้าตัวอาจอยู่ได้ไม่เกิน 6 เดือน ยิ่งนำความใจหายมาสู่แฟนเพลงขึ้นไปอีก ในระหว่างนั้น เพื่อนฝูงในวงการเพลง ก็ได้จัดงานคอนเสิร์ต เพื่อนรักสลักใจ เพื่อระดมทุนก้อนแรกให้แก่ยอดรักในการรักษาโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 25 มีนาคม
แต่ในขณะที่เรื่องราวกำลังจะดำเนินไปได้ด้วยดี เหตุบาดหมางระหว่างเพื่อนรักที่ไม่น่จะเกิดขึ้น ระหว่าง ยอดรัก และ สายัณห์ สัญญา กลับกลายเป็นข่าวปะทะคารมอันเกิดจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน หรือเจตนาดีที่ผิดที่ผิดทางก็สุดแล้วแต่ แต่จากเหตุการณ์ครั้งนั้น จากเพื่อนรักเพื่อนสนิท ทั้งคู่กลับต้องเปลี่ยนสถานภาพมาเป็นโจทก์และจำเลย จนกระทั่งถึงวาระสุดท้ายที่ยอดรัก สิ้นลมหายใจ
ชนวนเหตุแห่งความบาดหมาง เริ่มจาก สายัณห์ สัญญา ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า ยอดรัก อาจไม่ได้ป่วยเป็นมะเร็งจริง แต่ที่ออกมาป่าวประกาศนั้น คงต้องการใช้สถานการณ์ดังกล่าวเรียกร้องเงินทอง ไปจนถึงหาคนช่วยซื้อบ้านเป็นเงินกว่า 5 ล้านบาท ซึ่ง สายัณห์ ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านนสพ. สยามดารา เอาไว้ว่า อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
"ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับการกระทำอย่างนี้ของนักร้องรุ่นน้อง แอ๊ว-ยอดรัก สลักใจ เพราะเข้าใจว่าแอ๊วเขาไม่ได้เป็นมะเร็ง อันนี้เป็นเหมือนการเล่นละคร ผมเลยไม่ขอเกี่ยวข้อง อย่างในคอนเสิร์ตช่วยเหลือต่างๆ ก็เอาชื่อผมไปโปรโมตว่าผมไปร้องด้วย ที่จริงไม่มี ผมไม่เอาด้วยตั้งแต่แรก เพราะมีคนที่ใกล้ชิดกับผมมาบอกว่า จริงๆ มันเป็นการจัดฉากของคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งสนิทกับ แอ๊ว-ยอดรัก สลักใจ คนหนึ่งเป็นเพื่อนซี้ อีกคนหนึ่งเป็นครูเพลง โดยมีผู้หญิงคนหนึ่งคอยปูทาง และทำคอนเสิร์ตโปรโมตให้ โดยใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการนำเสนอข่าว เรื่องทั้งหมดที่ผมออกมาพูด ไม่ใช่ความรู้สึกส่วนตัวและผมก็ไม่ได้หวังร้ายกับแอ๊ว แต่กลัวว่าถ้าเรื่องนี้แดงขึ้นมาจะกลายเป็นจำเลยของสังคม กลายเป็นเรื่องโอละพ่อ พี่รู้เต็มอกว่าความจริงคืออะไร ใครทำอะไรอยู่ และแอ๊วก็รู้เต็มอกด้วยว่ามันเกิดอะไรขึ้น มีคนโทร.มาหาผมทั้งที่เป็นแฟนเพลงและคนใกล้ชิด เขาถามผมว่า จริงๆ แล้วการที่คนเราจะออกมาแถลงข่าวว่าเป็นมะเร็ง จะต้องมีแพทย์เจ้าของไข้มานั่งชี้แจงด้วยสิ ไม่ใช่แอ๊วมานั่งบอกคนเดียว บอกว่าจุดนี้โตเท่านั้น ตรงนี้แค่เท่านี้"
สงครามน้ำลายบานปลายจนไม่มีท่าว่าจะยุติ มีการขุดคุ้ยสาวกันไปมา แถมฝ่ายของยอดรักยังกระพือต่ออีกว่า มีเศรษฐีใจบุญที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร เอ่ยปากจะดูแลค่าใช้จ่ายในการรักษาให้ ก็ยิ่งทำให้สังคมที่เริ่มจะแบ่งข้างได้ เกิดความคลางแคลงใจยิ่งขึ้นไปอีก
สัญญาณสุดท้าย ก่อนสิ้น ยอดรัก
13 พ.ค. ชื่อของยอดรักกลับมาขึ้นหน้าหนึ่งอีกครั้ง หลังนสพ. รายวันฉบับหนึ่งรายงานข่าวว่า ยอดรัก อาการทรุดหนัก ผมร่วง น้ำหนักลด อันเกิดจากการรับ คีโมแบบอ่อน จากแพทย์รพ. พระราม 9 แล้วร่างกายทนไม่ได้กับผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น มีอาการปวดบริเวณช่องท้องและตับอย่างหนัก บริเวณใต้ฝ่าเท้าบวม หมดแรง น้ำหนักลด 4-5 กก. และที่ร้ายแรงที่สุดคือ จุดในตับกำลังลุกลามเพิ่มขึ่นเรื่อยๆ!
"ตอนนั้นคิดว่า ถ้าจะตายก็ไม่เป็นไร แต่ไม่ขอกินยาตัวนั้นอีกต่อไปแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เข้าไปเจาะเลือด และเอกซ์เรย์ พร้อมทั้งฟังผล ปรากฏว่า จุดในตับไม่ได้ลดลง แต่กลับเพิ่มขึ้นมาก จนเกือบจะไม่เหลือส่วนดี อีกทั้งยังกระจายไปที่ช่องท้องบริเวณกระเพาะ และยังพบติดเชื้อในกระแสเลือดด้วย บอกตรงๆ ว่าตกใจมาก ตอนแรกที่บอกว่าจะบล็อกเส้นเลือดคงจะไม่ได้ทำแล้ว เนื่องจากการบล็อกเส้นเลือด ต้องมีการฉีดคีโมควบคู่ไปด้วย จึงเลือกที่จะไม่ทำ เพราะขนาดกินยาคีโมแบบอ่อนยังทนไม่ไหว หากฉีดคงจะตายไปแล้ว" (เดลินิวส์ 2551)
เมื่อจู่ๆ อาการป่วยเกิดทรุดลงอย่างหนักจนยอดรักเองทนต่อความเจ็บปวดไม่ไหว จึงได้ขอให้ครอบครัวพามารักศาตัวที่ รพ. พระราม 9 หลังจากนั้น อาการของยอดรักก็ทรุดลงเรื่อยๆ มีเพียงแต่การรักษาเพื่ออประคองอาการไปเท่านั้น เพราะมะเร็งได้ลามไปทั่วหมดแล้ว จนกระทั่งวันที่ 5 ส.ค. ยอดรักมีอาการปวดท้องเนื้องจากแก๊ส อ่อนเพลีย และต้องการกำลังใจ แต่อาการโดยรวมยังไม่ดีขึ้น วันต่อมา ยอดรักถูกนำตัวเข้าห้องไอซียู ระดับความดันและการเต้นของหัวใจอยู่ในขั้นวิกฤต หลังจากนั้นอีกเพียง 1 วัน แพทย์ก็ออกแถงหยุดการรักษาหลังทรุดหนัก ในขณะท่ทางด้านครอบครัวก็ยินยอมที่จะหยุดการรักษาเช่นกัน
สัญญาณบอกเหตุเกิดขึ้นในวันที่ 8 ส.ค. ยอดรักมีอาการดีขึ้น ตื่นอยู่ตลอดเวลา ผิดกับทุกๆ วันที่ผ่านมา ทั้งยังส่งสายตาสื่อสารกับครอบครัวได้ มีเพียงเสมหะเยอะทำให้หายใจไม่สะดวก แต่แล้วในคืนวันเดียวกันนั้นเอง ยอดรัก ก็จากไปอย่างสงบ เมื่อเวลา 01.25 น. ของวันที่ 9 สิงหาคม 2551