BIGBANG เปิดใจแผนงานในอนาคต และตัวตนของสมาชิกในวง
บิ๊กแบง ( BIGBANG ) หลังจากประสบความสำเร็จกับ รางวัลศิลปินแห่งปี ในงานมหกรรมรางวัลคนดนตรีอย่าง MKMF 2008 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยในงานนี้มีโชว์สเปเชี่ยลสเตจระหว่าง บิ๊กแบง และนักร้องสาว อีฮโยริ ( Lee Hyo Ri ) โดยเฉพาะฉากจูบระหว่าง ท็อป (T.O.P ) และ อีฮโยริ ที่เกิดขึ้นในงานวันนั้น ก็ทำให้แฟนๆ ต่างฮือฮาจนชื่อของ ท็อป กลายเป็นข่าวอยู่ตามหน้าอินเตอร์เน็ตอีกเป็นเวลาหลายวันเลยทีเดียว ล่าสุดสำนักข่าว เอเชียคยองเจ ได้พา บิ๊กแบง มาเปิดใจในเรื่องราวต่างๆ หลังจากงานประกาศผลรางวัลในวันนั้น
ก่อนอื่น คุณท็อป ฉากจูบของคุณใน MKMF 08 ทำให้ชื่อของคุณได้กลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ไปหลายวัน คุณทำมันได้ยังไง ?
ท็อป : ตอนที่เรากำลังประชุมโชว์กันอยู่ ทันใดนั้นเราก็มีไอเดียนี้ขึ้นมาตรงกันเลยครับ แต่จะให้ตอบเรื่องแบบนี้ผมว่ามันพูดกันยากนะ ( หัวเราะ )
บิ๊กแบง มีกันตั้ง 5 คน แล้วทำไม ท็อป ถึงได้แสดงในฉากนี้อยู่คนเดียว ?
ซึงริ : เพราะเราคิดว่าในฉากนั้นจะต้องใช้คนที่มีความสามารถในการแสดงมาก และเราก็คิดว่า พี่ท็อป น่าจะเป็นคนที่ทำมันได้ดีที่สุดครับ
ใครเป็นเจ้าของไอเดียเพลง ยูโกเกิร์ล ( U-Go-Girl ) ของ ซึงริ ?
ซึงริ : พี่ฮโยริ มีไอเดียว่าอยากทำเพลง U-Go-Girl ในเวอร์ชั่นผู้ชายครับ แล้วพี่เขาก็เลือกผมเลย แต่ว่าเพราะอะไรนั้นผมไม่รู้เหมือนกันครับ ( หัวเราะ )
เข้าประเด็นกันเลย เรามีเรื่องสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ Sunset Glow เพลงนี้พวกคุณเอามารีเมคใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณทำแค่แซมปลิ้งหรือเปล่า ?
ซึงริ : แซมปลิ้ง ( Sampling ) ครับ ก่อนหน้านี้รุ่นพี่ Se7en ก็เคยทำแซมปลิ้งเพลง I Know ซึ่งมีต้นฉบับเป็นของรุ่นพี่ ซอแทจี ครับ ก็เหมือนกับของเรา เราเอามาแค่ท่อนคอรัสครับ แต่ส่วนอื่นๆ ในเพลงนั้นทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
เป็นที่รู้กันดีว่าพวกคุณทุกคนเป็นจ้าวแห่งความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีความคิดที่ขัดแย้งกันบ้างหรือ ที่พวกคุณบางคนอาจจะต้องการใช้เพลงใหม่ เพื่อเป็นเพลงไตเติ้ลอัลบั้มเท่านั้น ?
แทยัง : อัลบั้มแรกของเรา เพลงไตเติ้ลมีชื่อว่า Dirty Cash ซึ่งพุ่งเป้าไปในเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ครับ แต่สำหรับอัลบั้มนี้เราอยากพูดเกี่ยวกับสังคมมากยิ่งขึ้น ตอนที่บอสของเรา คุณยังฮยอนซอก เสนอให้นำเพลง Sunset Glow มาเป็นเพลงไตเติ้ลอัลบั้ม เราก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ แต่ว่าผลที่ได้ออกมานั้นมันก็ค่อนข้างดี และสำหรับเพลงในอัลบั้มทั้งหมดของเรา เราก็อยากให้แฟนๆ ได้ฟังเพลงที่เราแต่งทุกเพลงครับ เราได้เข้าบันทึกเสียงเพลงนี้ตอนที่วางจำหน่ายมินิอัลบั้มชุดที่ 3 แต่คือในตอนนั้น เราต้องการเก็บเพลงนี้เอาไว้สำหรับเป็นเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มใหม่นี่แหละครับ
เพราะมันเป็นอัลบั้มเต็มชุดใหม่ คุณเลยต้องทำกิจกรรมเป็นเวลานานขึ้น ?
แทยัง : เราจะมีคอนเสิร์ตของตัวเองสำหรับอัลบั้มนี้ในเดือนมกราคมปีหน้าครับ จนกว่าจะถึงเวลานั้นเราจะทำงานให้หนักเลยครับ และหลังคอนเสิร์ตเราวางแผนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครับ
แต่ว่า คุณจี-ดรากอน คุณเจ็บป่วยที่ไหนหรือเปล่า เห็นคุณใส่แว่นกันแดดมาในวันนี้ ?
จี-ดรากอน : ไม่ครับ เมื่อวาน ( 17 พฤศจิกายน ) ผมนอนยาวไปหน่อยตามันเลยบวมครับ เมื่อวานเราไม่มีงานผมก็เลยนอนให้เต็มอิ่มเลยครับ
ท็อป : ทุกคนนอนหลับกันหมดครับ เพราะพวกเราไม่ต้องเครียดอะไรแล้ว
แสดงว่าพวกคุณเริ่มรู้วิธีต่อสู้เพื่อให้ได้นอนหลับได้แล้วอย่างนั้นสินะ ?
แทยัง : การนอนผมว่าไม่ควรฝืนหรือสู้กับมันนะครับ เวลาคุณง่วงก็ต้องนอนสิ ( ยิ้ม ) ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่พวกเรามีเวลาว่าง เราก็มักจะออกไปเที่ยวข้างนอกกันครับ แต่ตอนนี้ถ้ามีเวลาคือนอนอย่างเดียวเลยครับ
ตอนนี้พวกคุณดูเหมือนว่าจะค่อนข้างยุ่งกันมาก ถ้าถามถึงจุดที่ บิ๊กแบง ยืนอยู่ในตอนนี้ คุณรู้สึกว่าคุณสมบูรณ์แบบหรือยัง ?
แทยัง : พวกเราไม่เคยคิดถึงจุดนั้นเลยครับ เพราะมันเป็นหนทางที่ต้องเดินไปอีกยาวไกล ตอนนี้เป็นปีที่ 3 เองครับที่เราอยู่ในวงการ เราทราบว่าถึงแม้จะมีผู้คนรักเรามากเพียงใดก็ตาม แต่ตราบใดที่พวกเขารักเรามากเท่าใด เราก็ต้องพยายามทำงานให้ดีที่สุดในทุกๆครั้งครับ จุดที่เรายืนอยู่ในตอนนี้มันไม่สำคัญครับ มันสำคัญตรงที่ว่าเราจะพัฒนาให้เติบโตขึ้นไปอีกเท่าไหร่ในแต่ละวันๆ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเรามากที่สุดครับ
อะไรคือจุดอ่อนจุดแข็งของ บิ๊กแบง ?
จี-ดรากอน : จุดแข็งคือ พวกเรามีสไตล์ที่แตกต่างครับ ถ้าเมื่อรวมกันเป็นทีมเรามีสีสันที่แตกต่างกันในด้านงานเพลง พวกเรามีความสามารถไม่เหมือนกันด้วยครับ ทำให้เรามีอะไรที่โดดเด่นเฉพาะตัวถึงแม้จะรวมกันเป็นวง ส่วนจุดอ่อนนั้นไม่มีครับ ( หัวเราะ )
ท็อป : ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดอ่อนหรือขีดจำกัดของเราครับ แต่ถ้าให้คิดถึงมันผมคงจะคิดว่าขีดจำกัดของเราคือ การที่เราไม่สามารถโชว์ในสิ่งที่เราต้องการได้กับผู้ชมเวลาอยู่บนเวทีครับ
จี-ดรากอน : อืม ... เพราะในความเป็นจริงแล้วการที่พวกเราไม่มีเวลา ไม่ได้หมายถึงว่าเราไม่มีเวลาซ้อมนะครับ คือจริง แล้วมันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่สามารถทำให้เป๊ะๆ ได้ แต่มันก็ยังมีการพัฒนาในบางจุดที่เราสามารถทำได้ขณะที่อยู่บนเวทีครับ
Sunset Glow ดูเหมือนเป็นเพลงที่มีอะไรๆ น่ารักสอดแทรกเอาไว้ คุณรู้สึกเขินตัวเองบ้างหรือเปล่า คุณท็อป ( หัวเราะ ) ?
ท็อป : ไม่เลยครับ หรือบางทีคนดูอาจจะคิดก็ได้นะครับ แต่ผมว่าผมพอแล้วดีกว่าครับสำหรับเพลงนี้ ( หัวเราะ )
ยิ่งพวกคุณโด่งดังมากเท่าไหร่ก็จะมีแอนตี้แฟนมากขึ้นเท่านั้น คุณเคยดูความเห็นในเน็ตบ้างหรือเปล่า คุณท็อป รู้สึกยังไงครับ ?
ท็อป : ไม่ครับ ทำไมต้องเป็นผมอีกแล้ว ( หัวเราะ ) มีหลายเรื่องที่ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรา และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงอยากพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจ แต่มันก็ยากครับ
แทยัง : เพราะว่าในโลกอินเตอร์เน็ต ทุกคนพูดได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยใบหน้า พวกเขาก็เลยพูดทุกอย่างที่เขาคิด และนั่นมันก็ดูเหมือนว่าจะแก้ไขไม่ได้ด้วยครับ
ท็อป : ถ้าเราเก็บเอาทุกเรื่องมาคิดเราคงไม่ได้ทำงานอะไรล่ะครับ แม้ว่าบางทีเราจะคอยดูข้อความบ้างเพื่อปรับปรุงตัวของพวกเราเอง แต่ถ้าตอนทำงานแล้วผมคงไม่ขอดูดีกว่าครับ
ความนิยมของพวกคุณคงมีบางอย่างที่คุณจะเอากลับมาคิดทบทวนอีก เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาเรื่องเสื้อผ้าของ จี-ดรากอน ก็กลายเป็นเรื่องยาวใหญ่โตใช่ไหม ?
จี-ดรากอน : ตอนนั้น มันเป็นความผิดของผมจริงๆ ครับ
หลังจากเกิดปัญหาขึ้น ทำไมคุณเลือกที่จะไม่อธิบายเหตุผลล่ะ ?
จี-ดรากอน : อืม ... ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรครับ ผมไม่รู้ว่าจะพูดมันเมื่อไหร่และอย่างไร ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ เพราะมันเป็นความผิดของผมจริงๆ เป็นความผิดของผมคนเดียวครับ
แทยัง : เป็นความผิดของพวกเราด้วยครับ เพราะเราไม่ได้สนใจในฐานะที่พวกเราก็เป็นสมาชิกในวงเหมือนกัน แทนที่จะปฏิเสธมัน ผมคิดว่าน่าจะเอาเรื่องเหล่านั้นกลับมาคิด เพื่อพัฒนาตัวเองดีกว่าครับ
เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราสัมภาษณ์คุณกับคำถามที่ว่า "หลังจากคุณเป็นนักร้องจะมีอะไรยากๆ ที่เข้ามาในชีวิตบ้างหรือเปล่า ?" คุณตอบว่า "คงเป็นเรื่องของการนอนหลับได้น้อยลง นอกนั้นคงจะไม่มีอะไรยากเกินไป" ดังนั้นสำหรับตอนนี้ คำตอบของคุณเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้นหรือเปล่า ?
ท็อป : เอ่อ ... แม้ว่าจะมีอะไรต่อมิอะไรที่เราได้กลับมามากมาย แต่เราก็มีอะไรที่เสียไปเหมือนกันครับ นั่นคือเวลาที่เราจะได้ใช้อยู่กับครอบครัวและเพื่อนของเราน้อยลง และเพราะเช่นนั้นบางทีมันก็ทำให้เราก็รู้สึกเหงาครับ
ถ้าเช่นนั้นคุณทำอะไรเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยวนั้นล่ะ ?
ท็อป : ไม่มีครับ ( หัวเราะ ) เพราะเราก็มีช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนกันครับ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นเราเลยไม่ได้หาทางที่จะต้องผ่านช่วงเวลานั้นให้ได้ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสมาชิกเป็นอย่างไรกันบ้าง ถ้าจากสถิติในกลุ่มศิลปินอื่นๆ ผ่านไป 2 - 3 ปีแล้วพวกเขาจะเจอปัญหาคล้ายๆกันน่ะ ( หัวเราะ ) ?
ท็อป : ทุกคนมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันครับ อายุก็ต่างกันด้วย มันเลยทำให้เราไม่ค่อยเจอปัญหากันเท่าไหร่ครับ กลับกันยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่พวกเราก็เป็นเหมือนครอบครัวมากขึ้นเท่านั้นครับ ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เราออกไปทานอาหารกัน จะมีช่วงเวลาที่ซึงริคอยมาดูแลผม ซึ่งในช่วงเวลานั้นผมคิดว่าเหมือนผมเป็นพี่ชายเขาจริงๆ เลยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่มาทำแบบนี้หรอกครับ ( หัวเราะ )
อ่า ... คุณซึงริ คุณมีเพลงเดี่ยวในชื่อ Strong Baby ที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มใหม่ด้วยใช่ไหม ?
ซึงริ : พี่แทยัง พี่แดซอง ต่างก็มีเพลงโซโล่ด้วยกันทั้งคู่ หัวหน้าผมเลยมาถามว่า "นายก็อยากมีด้วยใช่ไหม ?" เขาให้โอกาสผมได้ลองครับ เพลงนี้มีคนแต่งเพลงคนเดียวกับที่แต่งให้ รุ่นพี่เรน ในเพลง Rainism รวมถึง พี่จี-ดรากอน ก็มาร่วมกันทำด้วยครับ เพลงนี้มีเนื่องหาแบบว่า "ตอนนี้ผมโตแล้วนะเข้ามาหาผมได้แล้ว" อะไรทำนองนั้นครับ มันทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมก็ควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างด้วยครับ ( หัวเราะ )
เวลาที่คุณร้องเพลงนั้นอยู่บนเวที คุณจะเซ็กซี่เหมือน เรน ด้วยหรือเปล่า ?
ซึงริ : คงไม่ใช่แบบนั้นครับ คอนเซ็ปต์ผมคิดเอาไว้แล้วในใจครับ ไว้รอดูตอนคอนเสิร์ตต้นปีหน้าดีกว่า ตอนนี้ยังไม่อยากเปิดเผยครับ
ทำไมล่ะ คุณไม่คิดจะเล่นกล้ามบ้างหรือ ?
ซึงริ : พี่แทยัง แดซอง ท็อป มีหุ่นที่เจ๋งมากๆ เลยครับ แต่สำหรับผมถ้าเทียบกับเขาผมเป็นคนไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อน่ะครับ
คุณท็อป เราได้ยินมาว่าคุณออกกำลังกายตอนดึกๆ ด้วยหรือ ?
ท็อป : มันเป็นเพราะตารางการทำงานของเรากว่าจะเลิกก็ดึกแล้วครับ และงานของเราก็คือการโชว์ตัวให้กับคนจำนวนมาก ตราบใดที่เรามีเวลาเราก็อยากจะทำให้ร่างกายของเราดูดีเสมอครับ เพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้นเป็นอะไรที่ดีมากๆ
มีใครลดน้ำหนักกันบ้างหรือเปล่า ?
แทยัง : เราต้องเลือกกินครับ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราออกกำลังกายกันมามันก็จะสูญเปล่า แต่มีสองคนครับคือ จี-ดรากอน กับ ซึงริ สองคนนี้กินทุกอย่าง จี-ดรากอน กินมากขนาดไหนก็ไม่อ้วนครับ ส่วนซึงรินั้นเขาชอบกินอยู่แล้ว ไม่มีใครหยุดเขาได้ครับ ( หัวเราะ )
ท็อป : ซึงริเคยออกกำลังกายอย่างตั้งใจด้วยครับ แต่หลังจากนั้นชั่วโมงนึง เขาก็ไปกินขนมอีกแล้ว ( หัวเราะ )
เมื่อพูดถึง บิ๊กแบง ก็ต้องนึกถึงแฟชั่น ?
ท็อป : ผมก็มีไอเท็ม ( แฟชั่น ) ที่สะสมไว้ แต่มันใช้เวลาค่อนข้างมากนะครับ
แทยัง : แต่ด้วยความจริงที่ว่าในระหว่างอัลบั้มของพวกเรา เราไม่มีเวลามากขนาดที่จะเปลี่ยนแฟชั่นกันบ่อยๆ ครับ มันเหนื่อย
พูดถึงช่วงพักผ่อน คุณวางแผนว่าจะทำอะไรหลังจากนั้นในช่วงปีหน้า ?
แทยัง : แดซอง ก็จะร่วมในรายการทีวีที่เขาร่วมอยู่ในขณะนี้ต่อไป ( Family Outing ) ท็อป ก็จะแสดงละคร ( Iris ) ส่วน พี่จี-ดรากอน อาจจะออกอัลบั้มเดี่ยวครับ
ซึงริ : ผมอยากจะเรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองครับ ถ้าไปสหรัฐอเมริกาคงได้เรียนเพลง เต้น ภาษาอังกฤษมากขึ้นครับ สมาชิกคนอื่นๆนั้ นออกสำเนียงกันได้ดีอยู่แล้วครับ แต่ผมคงต้องเรียนเพิ่มเติมหน่อย
ทุกคนไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างนั้นหรือ ?
แทยัง : พวกเราไม่ค่อยชำนาญภาษาอังกฤษเท่าไหร่ครับ เราแค่พูดตามที่เราได้ยินเท่านั้นครับ
คุณจะอยู่ที่อเมริกา 2 - 3 เดือน นั่นหมายความว่า บิ๊กแบง จะออกผลงานชุดใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังใช่ไหม ?
ซึงริ : แน่นอนครับ!
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย
ก่อนอื่น คุณท็อป ฉากจูบของคุณใน MKMF 08 ทำให้ชื่อของคุณได้กลายเป็นหัวข้อข่าวใหญ่ไปหลายวัน คุณทำมันได้ยังไง ?
ท็อป : ตอนที่เรากำลังประชุมโชว์กันอยู่ ทันใดนั้นเราก็มีไอเดียนี้ขึ้นมาตรงกันเลยครับ แต่จะให้ตอบเรื่องแบบนี้ผมว่ามันพูดกันยากนะ ( หัวเราะ )
บิ๊กแบง มีกันตั้ง 5 คน แล้วทำไม ท็อป ถึงได้แสดงในฉากนี้อยู่คนเดียว ?
ซึงริ : เพราะเราคิดว่าในฉากนั้นจะต้องใช้คนที่มีความสามารถในการแสดงมาก และเราก็คิดว่า พี่ท็อป น่าจะเป็นคนที่ทำมันได้ดีที่สุดครับ
ใครเป็นเจ้าของไอเดียเพลง ยูโกเกิร์ล ( U-Go-Girl ) ของ ซึงริ ?
ซึงริ : พี่ฮโยริ มีไอเดียว่าอยากทำเพลง U-Go-Girl ในเวอร์ชั่นผู้ชายครับ แล้วพี่เขาก็เลือกผมเลย แต่ว่าเพราะอะไรนั้นผมไม่รู้เหมือนกันครับ ( หัวเราะ )
เข้าประเด็นกันเลย เรามีเรื่องสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับ Sunset Glow เพลงนี้พวกคุณเอามารีเมคใช่หรือไม่ หรือถ้าไม่อย่างนั้นพวกคุณทำแค่แซมปลิ้งหรือเปล่า ?
ซึงริ : แซมปลิ้ง ( Sampling ) ครับ ก่อนหน้านี้รุ่นพี่ Se7en ก็เคยทำแซมปลิ้งเพลง I Know ซึ่งมีต้นฉบับเป็นของรุ่นพี่ ซอแทจี ครับ ก็เหมือนกับของเรา เราเอามาแค่ท่อนคอรัสครับ แต่ส่วนอื่นๆ ในเพลงนั้นทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด
เป็นที่รู้กันดีว่าพวกคุณทุกคนเป็นจ้าวแห่งความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่มีความคิดที่ขัดแย้งกันบ้างหรือ ที่พวกคุณบางคนอาจจะต้องการใช้เพลงใหม่ เพื่อเป็นเพลงไตเติ้ลอัลบั้มเท่านั้น ?
แทยัง : อัลบั้มแรกของเรา เพลงไตเติ้ลมีชื่อว่า Dirty Cash ซึ่งพุ่งเป้าไปในเรื่องเกี่ยวกับเงินๆ ทองๆ ครับ แต่สำหรับอัลบั้มนี้เราอยากพูดเกี่ยวกับสังคมมากยิ่งขึ้น ตอนที่บอสของเรา คุณยังฮยอนซอก เสนอให้นำเพลง Sunset Glow มาเป็นเพลงไตเติ้ลอัลบั้ม เราก็ไม่ค่อยจะเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ แต่ว่าผลที่ได้ออกมานั้นมันก็ค่อนข้างดี และสำหรับเพลงในอัลบั้มทั้งหมดของเรา เราก็อยากให้แฟนๆ ได้ฟังเพลงที่เราแต่งทุกเพลงครับ เราได้เข้าบันทึกเสียงเพลงนี้ตอนที่วางจำหน่ายมินิอัลบั้มชุดที่ 3 แต่คือในตอนนั้น เราต้องการเก็บเพลงนี้เอาไว้สำหรับเป็นเพลงไตเติ้ลในอัลบั้มใหม่นี่แหละครับ
เพราะมันเป็นอัลบั้มเต็มชุดใหม่ คุณเลยต้องทำกิจกรรมเป็นเวลานานขึ้น ?
แทยัง : เราจะมีคอนเสิร์ตของตัวเองสำหรับอัลบั้มนี้ในเดือนมกราคมปีหน้าครับ จนกว่าจะถึงเวลานั้นเราจะทำงานให้หนักเลยครับ และหลังคอนเสิร์ตเราวางแผนจะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาครับ
แต่ว่า คุณจี-ดรากอน คุณเจ็บป่วยที่ไหนหรือเปล่า เห็นคุณใส่แว่นกันแดดมาในวันนี้ ?
จี-ดรากอน : ไม่ครับ เมื่อวาน ( 17 พฤศจิกายน ) ผมนอนยาวไปหน่อยตามันเลยบวมครับ เมื่อวานเราไม่มีงานผมก็เลยนอนให้เต็มอิ่มเลยครับ
ท็อป : ทุกคนนอนหลับกันหมดครับ เพราะพวกเราไม่ต้องเครียดอะไรแล้ว
แสดงว่าพวกคุณเริ่มรู้วิธีต่อสู้เพื่อให้ได้นอนหลับได้แล้วอย่างนั้นสินะ ?
แทยัง : การนอนผมว่าไม่ควรฝืนหรือสู้กับมันนะครับ เวลาคุณง่วงก็ต้องนอนสิ ( ยิ้ม ) ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาที่พวกเรามีเวลาว่าง เราก็มักจะออกไปเที่ยวข้างนอกกันครับ แต่ตอนนี้ถ้ามีเวลาคือนอนอย่างเดียวเลยครับ
ตอนนี้พวกคุณดูเหมือนว่าจะค่อนข้างยุ่งกันมาก ถ้าถามถึงจุดที่ บิ๊กแบง ยืนอยู่ในตอนนี้ คุณรู้สึกว่าคุณสมบูรณ์แบบหรือยัง ?
แทยัง : พวกเราไม่เคยคิดถึงจุดนั้นเลยครับ เพราะมันเป็นหนทางที่ต้องเดินไปอีกยาวไกล ตอนนี้เป็นปีที่ 3 เองครับที่เราอยู่ในวงการ เราทราบว่าถึงแม้จะมีผู้คนรักเรามากเพียงใดก็ตาม แต่ตราบใดที่พวกเขารักเรามากเท่าใด เราก็ต้องพยายามทำงานให้ดีที่สุดในทุกๆครั้งครับ จุดที่เรายืนอยู่ในตอนนี้มันไม่สำคัญครับ มันสำคัญตรงที่ว่าเราจะพัฒนาให้เติบโตขึ้นไปอีกเท่าไหร่ในแต่ละวันๆ นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับเรามากที่สุดครับ
อะไรคือจุดอ่อนจุดแข็งของ บิ๊กแบง ?
จี-ดรากอน : จุดแข็งคือ พวกเรามีสไตล์ที่แตกต่างครับ ถ้าเมื่อรวมกันเป็นทีมเรามีสีสันที่แตกต่างกันในด้านงานเพลง พวกเรามีความสามารถไม่เหมือนกันด้วยครับ ทำให้เรามีอะไรที่โดดเด่นเฉพาะตัวถึงแม้จะรวมกันเป็นวง ส่วนจุดอ่อนนั้นไม่มีครับ ( หัวเราะ )
ท็อป : ผมไม่แน่ใจเกี่ยวกับจุดอ่อนหรือขีดจำกัดของเราครับ แต่ถ้าให้คิดถึงมันผมคงจะคิดว่าขีดจำกัดของเราคือ การที่เราไม่สามารถโชว์ในสิ่งที่เราต้องการได้กับผู้ชมเวลาอยู่บนเวทีครับ
จี-ดรากอน : อืม ... เพราะในความเป็นจริงแล้วการที่พวกเราไม่มีเวลา ไม่ได้หมายถึงว่าเราไม่มีเวลาซ้อมนะครับ คือจริง แล้วมันมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เราไม่สามารถทำให้เป๊ะๆ ได้ แต่มันก็ยังมีการพัฒนาในบางจุดที่เราสามารถทำได้ขณะที่อยู่บนเวทีครับ
Sunset Glow ดูเหมือนเป็นเพลงที่มีอะไรๆ น่ารักสอดแทรกเอาไว้ คุณรู้สึกเขินตัวเองบ้างหรือเปล่า คุณท็อป ( หัวเราะ ) ?
ท็อป : ไม่เลยครับ หรือบางทีคนดูอาจจะคิดก็ได้นะครับ แต่ผมว่าผมพอแล้วดีกว่าครับสำหรับเพลงนี้ ( หัวเราะ )
ยิ่งพวกคุณโด่งดังมากเท่าไหร่ก็จะมีแอนตี้แฟนมากขึ้นเท่านั้น คุณเคยดูความเห็นในเน็ตบ้างหรือเปล่า คุณท็อป รู้สึกยังไงครับ ?
ท็อป : ไม่ครับ ทำไมต้องเป็นผมอีกแล้ว ( หัวเราะ ) มีหลายเรื่องที่ผู้คนเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรา และนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกเราถึงอยากพยายามทำให้พวกเขาเข้าใจ แต่มันก็ยากครับ
แทยัง : เพราะว่าในโลกอินเตอร์เน็ต ทุกคนพูดได้โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยใบหน้า พวกเขาก็เลยพูดทุกอย่างที่เขาคิด และนั่นมันก็ดูเหมือนว่าจะแก้ไขไม่ได้ด้วยครับ
ท็อป : ถ้าเราเก็บเอาทุกเรื่องมาคิดเราคงไม่ได้ทำงานอะไรล่ะครับ แม้ว่าบางทีเราจะคอยดูข้อความบ้างเพื่อปรับปรุงตัวของพวกเราเอง แต่ถ้าตอนทำงานแล้วผมคงไม่ขอดูดีกว่าครับ
ความนิยมของพวกคุณคงมีบางอย่างที่คุณจะเอากลับมาคิดทบทวนอีก เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมาเรื่องเสื้อผ้าของ จี-ดรากอน ก็กลายเป็นเรื่องยาวใหญ่โตใช่ไหม ?
จี-ดรากอน : ตอนนั้น มันเป็นความผิดของผมจริงๆ ครับ
หลังจากเกิดปัญหาขึ้น ทำไมคุณเลือกที่จะไม่อธิบายเหตุผลล่ะ ?
จี-ดรากอน : อืม ... ผมไม่รู้ว่าจะพูดอะไรครับ ผมไม่รู้ว่าจะพูดมันเมื่อไหร่และอย่างไร ผมปฏิเสธไม่ได้หรอกครับ เพราะมันเป็นความผิดของผมจริงๆ เป็นความผิดของผมคนเดียวครับ
แทยัง : เป็นความผิดของพวกเราด้วยครับ เพราะเราไม่ได้สนใจในฐานะที่พวกเราก็เป็นสมาชิกในวงเหมือนกัน แทนที่จะปฏิเสธมัน ผมคิดว่าน่าจะเอาเรื่องเหล่านั้นกลับมาคิด เพื่อพัฒนาตัวเองดีกว่าครับ
เมื่อ 3 ปีที่แล้วเราสัมภาษณ์คุณกับคำถามที่ว่า "หลังจากคุณเป็นนักร้องจะมีอะไรยากๆ ที่เข้ามาในชีวิตบ้างหรือเปล่า ?" คุณตอบว่า "คงเป็นเรื่องของการนอนหลับได้น้อยลง นอกนั้นคงจะไม่มีอะไรยากเกินไป" ดังนั้นสำหรับตอนนี้ คำตอบของคุณเปลี่ยนแปลงไปจากตอนนั้นหรือเปล่า ?
ท็อป : เอ่อ ... แม้ว่าจะมีอะไรต่อมิอะไรที่เราได้กลับมามากมาย แต่เราก็มีอะไรที่เสียไปเหมือนกันครับ นั่นคือเวลาที่เราจะได้ใช้อยู่กับครอบครัวและเพื่อนของเราน้อยลง และเพราะเช่นนั้นบางทีมันก็ทำให้เราก็รู้สึกเหงาครับ
ถ้าเช่นนั้นคุณทำอะไรเพื่อให้ผ่านช่วงเวลาแห่งความโดดเดี่ยวนั้นล่ะ ?
ท็อป : ไม่มีครับ ( หัวเราะ ) เพราะเราก็มีช่วงเวลาแห่งความสุขเหมือนกันครับ ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ดังนั้นเราเลยไม่ได้หาทางที่จะต้องผ่านช่วงเวลานั้นให้ได้ครับ
ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสมาชิกเป็นอย่างไรกันบ้าง ถ้าจากสถิติในกลุ่มศิลปินอื่นๆ ผ่านไป 2 - 3 ปีแล้วพวกเขาจะเจอปัญหาคล้ายๆกันน่ะ ( หัวเราะ ) ?
ท็อป : ทุกคนมีอุปนิสัยที่แตกต่างกันครับ อายุก็ต่างกันด้วย มันเลยทำให้เราไม่ค่อยเจอปัญหากันเท่าไหร่ครับ กลับกันยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่พวกเราก็เป็นเหมือนครอบครัวมากขึ้นเท่านั้นครับ ยกตัวอย่างเช่น ตอนที่เราออกไปทานอาหารกัน จะมีช่วงเวลาที่ซึงริคอยมาดูแลผม ซึ่งในช่วงเวลานั้นผมคิดว่าเหมือนผมเป็นพี่ชายเขาจริงๆ เลยครับ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่มาทำแบบนี้หรอกครับ ( หัวเราะ )
อ่า ... คุณซึงริ คุณมีเพลงเดี่ยวในชื่อ Strong Baby ที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มใหม่ด้วยใช่ไหม ?
ซึงริ : พี่แทยัง พี่แดซอง ต่างก็มีเพลงโซโล่ด้วยกันทั้งคู่ หัวหน้าผมเลยมาถามว่า "นายก็อยากมีด้วยใช่ไหม ?" เขาให้โอกาสผมได้ลองครับ เพลงนี้มีคนแต่งเพลงคนเดียวกับที่แต่งให้ รุ่นพี่เรน ในเพลง Rainism รวมถึง พี่จี-ดรากอน ก็มาร่วมกันทำด้วยครับ เพลงนี้มีเนื่องหาแบบว่า "ตอนนี้ผมโตแล้วนะเข้ามาหาผมได้แล้ว" อะไรทำนองนั้นครับ มันทำให้ตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมก็ควรจะเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างด้วยครับ ( หัวเราะ )
เวลาที่คุณร้องเพลงนั้นอยู่บนเวที คุณจะเซ็กซี่เหมือน เรน ด้วยหรือเปล่า ?
ซึงริ : คงไม่ใช่แบบนั้นครับ คอนเซ็ปต์ผมคิดเอาไว้แล้วในใจครับ ไว้รอดูตอนคอนเสิร์ตต้นปีหน้าดีกว่า ตอนนี้ยังไม่อยากเปิดเผยครับ
ทำไมล่ะ คุณไม่คิดจะเล่นกล้ามบ้างหรือ ?
ซึงริ : พี่แทยัง แดซอง ท็อป มีหุ่นที่เจ๋งมากๆ เลยครับ แต่สำหรับผมถ้าเทียบกับเขาผมเป็นคนไม่ค่อยมีกล้ามเนื้อน่ะครับ
คุณท็อป เราได้ยินมาว่าคุณออกกำลังกายตอนดึกๆ ด้วยหรือ ?
ท็อป : มันเป็นเพราะตารางการทำงานของเรากว่าจะเลิกก็ดึกแล้วครับ และงานของเราก็คือการโชว์ตัวให้กับคนจำนวนมาก ตราบใดที่เรามีเวลาเราก็อยากจะทำให้ร่างกายของเราดูดีเสมอครับ เพราะร่างกายที่แข็งแรงนั้นเป็นอะไรที่ดีมากๆ
มีใครลดน้ำหนักกันบ้างหรือเปล่า ?
แทยัง : เราต้องเลือกกินครับ ไม่เช่นนั้นสิ่งที่เราออกกำลังกายกันมามันก็จะสูญเปล่า แต่มีสองคนครับคือ จี-ดรากอน กับ ซึงริ สองคนนี้กินทุกอย่าง จี-ดรากอน กินมากขนาดไหนก็ไม่อ้วนครับ ส่วนซึงรินั้นเขาชอบกินอยู่แล้ว ไม่มีใครหยุดเขาได้ครับ ( หัวเราะ )
ท็อป : ซึงริเคยออกกำลังกายอย่างตั้งใจด้วยครับ แต่หลังจากนั้นชั่วโมงนึง เขาก็ไปกินขนมอีกแล้ว ( หัวเราะ )
เมื่อพูดถึง บิ๊กแบง ก็ต้องนึกถึงแฟชั่น ?
ท็อป : ผมก็มีไอเท็ม ( แฟชั่น ) ที่สะสมไว้ แต่มันใช้เวลาค่อนข้างมากนะครับ
แทยัง : แต่ด้วยความจริงที่ว่าในระหว่างอัลบั้มของพวกเรา เราไม่มีเวลามากขนาดที่จะเปลี่ยนแฟชั่นกันบ่อยๆ ครับ มันเหนื่อย
พูดถึงช่วงพักผ่อน คุณวางแผนว่าจะทำอะไรหลังจากนั้นในช่วงปีหน้า ?
แทยัง : แดซอง ก็จะร่วมในรายการทีวีที่เขาร่วมอยู่ในขณะนี้ต่อไป ( Family Outing ) ท็อป ก็จะแสดงละคร ( Iris ) ส่วน พี่จี-ดรากอน อาจจะออกอัลบั้มเดี่ยวครับ
ซึงริ : ผมอยากจะเรียนรู้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเองครับ ถ้าไปสหรัฐอเมริกาคงได้เรียนเพลง เต้น ภาษาอังกฤษมากขึ้นครับ สมาชิกคนอื่นๆนั้ นออกสำเนียงกันได้ดีอยู่แล้วครับ แต่ผมคงต้องเรียนเพิ่มเติมหน่อย
ทุกคนไม่เก่งภาษาอังกฤษอย่างนั้นหรือ ?
แทยัง : พวกเราไม่ค่อยชำนาญภาษาอังกฤษเท่าไหร่ครับ เราแค่พูดตามที่เราได้ยินเท่านั้นครับ
คุณจะอยู่ที่อเมริกา 2 - 3 เดือน นั่นหมายความว่า บิ๊กแบง จะออกผลงานชุดใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังใช่ไหม ?
ซึงริ : แน่นอนครับ!
สนับสนุนเนื้อหาข่าวโดย