โต๋ (มั้ง?) คิขุ แต่เข้มข้น งานลงตัวในแบบ โต๋
ปีนี้ โต๋ กลับมาอีกครั้งกับเพลงเปิดตัว มั้ง? เพลงจังหวะสนุก แปลกหู ที่ทำให้หลายคนแปลกใจ และแน่นอนว่าใช้เวลาเพียงไม่นาน เพลงเพลงนี้ก็ดังเปรี้ยงปร้างไม่แพ้เพลงรักเธอ ทั้งที่อัลบั้มเต็มยังทำไม่เสร็จด้วยซ้ำ
หนุ่มโต๋ ยอมรับว่า ประสบการณ์เมื่อครั้งที่ได้ออกไปทำงานด้านหน้า และขึ้นคอนเสิร์ตในอัลบั้มแรก ทำให้ได้เรียนรู้ว่าตัวเองมีมุมที่ชอบเล่นดนตรีสนุกๆ นอกจากการนั่งเล่นเปียโนแบบช้าๆ อีกทั้งพบว่าแฟนเพลงเองก็ชอบเพลงสนุกๆ เหมือนกัน เลยเป็นที่มาของการทำงานชุดนี้ที่มีเพลงเร็วเพิ่มเข้ามา จากเดิมที่อัลบั้มที่แล้วเพลงรักเธอถือว่าเป็นเพลงที่เร็วที่สุดแล้ว
"ตอนนี้ดนตรีร็อก ฮิพฮอพ กำลังดัง ฉะนั้นผมก็อยากที่จะลองหยิบดนตรีร็อกมาเจอกับเปียโนดู อีกอย่างผมโตขึ้นด้วย เสียงแข็งแรงขึ้นก็กล้าที่จะทำดนตรีที่หนักขึ้น ร้องสู้ได้แล้ว พอเพลงเปลี่ยนโตขึ้น ภาพลักษณ์ ชุดที่ใส่ก็ต้องโตขึ้นด้วย ไม่อย่างนั้นผมก็จะเป็นน้องโต๋ตลอดกาล ทั้งที่ตัวผมก็อายุ 24 แล้ว
คอนเซ็ปต์ชุดนี้คือคำว่า มั้ง หรือเล่นกับความแปลกใจ เกิดจากวันหนึ่งผมนั่งคุยกับ พี่บอย (บอย โกสิยพงษ์ ที่ปรึกษาอัลบั้ม) คำว่า มั้ง ก็ผุดขึ้นมา พี่บอยก็บอกว่าน่าจะเอาคำคำนี้ไปทำอะไรสักอย่าง พอมานั่งคิดชุดนี้ผมตั้งใจให้มีการเปลี่ยนแปลง ให้คนรู้สึกว่า ใช่โต๋เหรอ และเกิดเป็นคำตอบว่า คงใช่โต๋มั้ง นี่คือที่มาที่ใช้คำนี้"
ถามว่าเพลงของโต๋ต้องเล่นกับคำที่เป็นมุกแบบนี้เหมือนเป็นเอกลักษณ์ไปแล้วใช่หรือไม่ โต๋ ตอบว่า บางเพลงก็ไม่จำเป็นต้องมีคำที่เป็นมุก แต่ต้องมีที่มาที่ไป ทำไมจึงแต่งเพลงนี้ขึ้นมา ไม่ใช่นึกอยากจะทำก็ทำขึ้นมาโดยไม่รู้เพราะอะไร
นอกจากความสนุก อัลบั้มชุดนี้โต๋ยังได้หยิบความเป็นไทยเข้ามาใส่ในเพลง ด้วยการนำเอาเครื่องดนตรีอย่างระนาด และซออู้มาเล่นร่วมด้วย ในเพลง ไม่อยากรู้ และ รักนิดๆ
"เราอยู่ในยุคที่หลายๆ กระแสเข้ามา เมื่อก่อน จีน ญี่ปุ่น ตอนนี้ก็เป็นเกาหลี ผมเกิดคำถามในใจว่าแล้วเมื่อไหร่จะถึงเวลาของเราบ้าง ถึงเวลาของไทยบ้าง ผมคิดว่าน่าหยิบอะไรมาทำ จากชุดแรกผมได้มีโอกาสรู้จัก อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ซึ่งท่านมาเป็นแขกรับเชิญให้ในคอนเสิร์ตของผม อาจารย์ก็จะบอกตลอดว่าโต๋อย่าลืมความเป็นไทยนะ เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้ผมค้นพบว่าผมก็ชอบแนวนี้เหมือนกัน ก็เลยไปศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม ชุดนี้จึงมีเพลงที่แต่งให้ระนาดกับซออู้ได้เล่นด้วย
อีกความพิเศษหนึ่งในอัลบั้ม ผมมีเพลงที่ทำเอาใจนักดนตรีไว้ด้วย เพื่อบอกความเป็นตัวตนนักดนตรีของผม ความยาว 6 นาทีครึ่ง ชื่อเพลง เล่นดนตรี (ยังจะง่ายกว่า) เนื้อร้องจะบอกเลยว่าจะให้พูดมันยากให้เล่นดนตรีมันง่ายกว่า จากนั้นก็จะเป็นการโซโล ในสไตล์เพลงบลูส์ ซึ่งมีโครงสร้างเป็นแบบ 12 ห้อง (12 bar) โดยผลัดกันโซโลจนครบทุกเครื่องดนตรี
ส่วนเนื้อร้องและการร้องจะเป็นวัยรุ่น เพราะอยากให้วัยรุ่นฟังได้ แต่ถ้าเป็นนักดนตรีก็จะเข้าใจด้วยว่าเราพยายามที่จะทำอะไรอยู่ เป็นเพลงสุดท้ายปิดท้ายเพื่อบอกตัวตนว่าผมก็เป็นนักดนตรีคนหนึ่ง แต่ที่ผ่านมาอาจจะมีมุมที่เป็นนักร้องวัยรุ่นอยู่ด้วย"
สำหรับนักดนตรีที่มาร่วมโซโลในเพลงนี้ มีทั้ง ชาตรี คงสุวรรณ สุธิพงษ์ ปานคง (มือกลองวงอินฟินิตี้) วิโรจน์ สถาปณวัตร (มือเบสอินฟินิตี้) ไก่- สุธี แสงเสรีชน และได้ บอย โกสิยพงษ์ มาแร็พให้อีกด้วย
"การที่มีเพลงนี้ปิดท้าย ถามว่าผมพยายามเน้นภาพความเป็นนักดนตรีของผมให้เข้มขึ้นก็ใช่ เพราะที่ผ่านมาภาพของผมมันดูเด็กเกินกว่าที่กลุ่มนักดนตรีจะเชื่อว่าผมเป็นนักดนตรีจริงๆ อาจเพราะเราหลุดมาเป็นคนดนตรีที่เล่นดนตรีคนเดียวไม่ได้เป็นวงเหมือนนักดนตรีคนอื่น แถมเป็นนักร้องวัยรุ่น แต่อีกมุมหนึ่งผมยังเป็นนักดนตรี จึงพยายามทำให้มันเข้มขึ้น ชัดเจนขึ้น อยากให้เห็นว่าไม่ว่าผมจะทำอะไรก็ตาม แต่คุณอย่าลืมว่าผมก็เป็นนักดนตรี ภายนอกผมมีภาพแบบนี้เพื่อผมจะสามารถนำงานของผมลงไปสู่ทุกกลุ่มได้
ผมยังคงพยายามต่อไปที่จะสร้างความเป็นนักดนตรีให้ชัดขึ้น ซึ่งผมก็แฮปปี้ขึ้นเรื่อยๆ ว่ากลุ่มนักดนตรีก็เริ่มให้การยอมรับ เข้าใจผมมากขึ้น ผมจะบอกเสมอว่าผมอยากให้คุณมองผ่านภาพลักษณ์ภายนอกเข้าไปให้ได้ แล้วจะรู้ว่าผมก็เป็นนักดนตรีคนหนึ่ง
สำหรับแฟนเพลงรุ่นน้องๆ ผมก็พยายามบอกเขาว่าผมเน้นเรื่องดนตรี มองผ่านภาพภายนอกของผมให้ได้ พยายามที่จะให้คน 2 กลุ่มมาเจอกัน และพยายามสร้างความขลังให้เกิดขึ้นให้ได้ เพราะไม่ว่าคุณจะเก่งมาจากไหน แต่ก็จะต้องใช้เวลาในการสร้างความขลัง"
ในช่วงเวลาที่โต๋มีอัลบั้มเพลงร้องอัลบั้มใหม่ออกมาในเมืองไทย เขายังได้มีโอกาสนำอัลบั้มเพลงบรรเลงไปขายที่ฮ่องกงอีกด้วย ซึ่ง โต๋ บอกว่า ถือเป็นก้าวแรกที่สามารถออกไปแนะนำตัวให้คนต่างชาติได้เห็นงานดนตรีจากประเทศไทย
"การไปครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าเส้นทางนี้เดินได้จริง และวันหนึ่งผมก็จะเอาอัลบั้มเพลงร้องออกไปให้ได้ ให้เห็นว่าคนไทยก็มีไลเซนส์ในเรื่องดนตรีเป็นของตัวเอง ตามเป้าหมายที่ผมเคยบอกไว้ตั้งแต่อัลบั้มแรกยังเป็นแบบนั้น เหมือนกับที่ เค-ป๊อป มาสร้างกระแสในบ้านเรา วันหนึ่งผมก็อยากให้ ไทย-ป๊อป เป็นแบบนั้นบ้าง"
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก