นิชคุณ เปิดใจทุกเรื่องราว กับการทำงานที่เกาหลี
นักร้องหนุ่มหน้าใส คุณ - นิชคุณ หรเวชกุล ที่ไปโด่งดังแบบสุดๆ ที่เกาหลี ในนามวง 2PM หลังจากเคลียร์ตารางคิวสุดแน่นเอี๊ยด ก็บินลัดฟ้ากลับมาบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อจัดงาน Meet & Greet กับแฟนคลับชาวไทยกันบ้าง พร้อมกับการเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษในคอนเสิร์ตของ 2 นักร้องดีวาเมืองไทย พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา ทำเอาแฟนคลับสาวๆ เมืองไทยถึงกับกระชุ่มกระชวยหัวใจกันเลยทีเดียว
ก็แหม ... นานๆ ที น้องคุณ จะมีโอกาสได้กลับมาแวะเวียนทักทายแฟนๆ ที่เมืองไทย ในๆ ก็กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดทั้งที ทีมข่าวบันเทิงของ Sanook.com ก็ไม่พลาดที่จะจับหนุ่มน้อยคนนี้ มานั่งพูดคุยกับซะหน่อย ถึงเรื่องราวการทำงานที่ประเทศเกาหลีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ???
เป็นยังไงบ้างกับการได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต กับสองนักร้องดีวาของเมืองไทย พี่ใหม่ และ พี่คริสติน่า ?
คือก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต พี่ใหม่ ก็บอกไว้แล้วว่ามันจะมีอะไรพิเศษ ให้เตรียมตัวไว้ให้ดี ( หัวเราะ ) คุณก็นึกว่าพี่เค้าแค่แซวเล่นๆ ไม่นึกว่าพี่เค้าจะมาหอมแก้ม พี่เค้าคงมีความสุขครับ ( หัวเราะ )
สำหรับเพลงที่คุณร้องบนเวที เลือกเองหรือเปล่า ?
อ๋อ ... สำหรับเพลง Nothing Batter ใช่มั้ยครับ เป็นเพลงที่คุณเลือกมาเองเลยครับ คุณคิดว่ามันน่าจะเข้ากับบรรยากาศ มันเป็นอะไรที่คุณอยากจะบอกแฟนๆ ว่า ถ้าคุณไม่มีแฟนๆ เนี่ย คุณก็ไม่มาถึงจุดจุดนี้จริงๆ เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของคุณนะครับ ( หัวเราะ ) เป็นเพลงของศิลปินท่านอื่นที่คุณหยิบมาร้อง บอกไว้ก่อนเลย เดี๋ยวทุกคนจะเข้าใจผิด ซึ่งเค้าร้องเพราะกว่าคุณอยู่แล้วครับ ( หัวเราะ )
ได้มาขึ้นโชว์คอนเสิร์ตในเมืองไทยเป็นยังไงบ้าง จากที่เคยโชว์แต่ที่เกาหลี ?
ตื่นเต้นมากครับ เป็นเวทีคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดที่คุณเคยขึ้น และยิ่งเป็นคอนเสิร์ตของ พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา คุณเลยยิ่งต้องทำให้ดีกว่าที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก มีเวลาซ้อมแค่ 2 วัน วันละประมาณครึ่งชั่วโมงเองครับ โชว์ออกมาเลยยังไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่คุณก็พยายามมากที่สุดแล้วครับ
แสดงว่าคุณเองก็เกร็งและกดดันกับฟีดแบคที่จะได้รับกลับมา ?
ก็ค่อนข้างเกร็งครับ เพราะว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่มาก และ พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา ก็เป็นระดับซูเปอร์สตาร์ คุณเลยต้องทำให้ดีที่สุด และก็พยายามมากที่สุดแล้วครับ คุณคิดแค่ว่าต้องไม่ทำให้พี่ทั้ง 2 คนผิดหวัง ชวนคุณมาขึ้นคอนเสิร์ตแล้วทำให้ขายหน้าครับ
รอบนี้มีแฟนคลับเกาหลีบินมาดูหรือเปล่า ?
ในแฟนมีตติ้งเมื่อกี้นี้ คุณก็เห็นอยู่ประมาณ 5 คนครับ ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะตามมาถึงที่นี่ครับ ก็ดีใจครับ
ภาพลักษณ์ใน Again & Again ดูโตขึ้นมากๆ ฟีดแบคเป็นยังไงบ้าง ?
ฟีดแบคกลับมาก็ประมาณว่า คุณตัดผมสั้นแล้วดูแปลกไป บางคนก็บอกว่าดูเด็กไปเลย คอนเซ็ปต์ใน Again & Again ก็ประมาณว่าให้ทุกคนดูแมนขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่วนเพลงบีทก็จะหนักขึ้น อย่างเพลง 10 Point Out Of 10 ก็จะเป็นเพลงแนวเด็กๆ เล่นกัน ประมาณเด็กม.ต้น แต่ใน Again & Again ก็จะเป็นแนวที่ดูโตขึ้นนิดหนึ่ง ก็จะประมาณเด็กม.ปลาย ที่ดูจะรู้เรื่องราวในชีวิตมากขึ้น รู้จักความรักว่าเป็นยังไงครับ
คุณต้องฟิตร่างกายเพิ่มเติมยังไงบ้าง ?
คือคุณเองก็พยายามฟิตหุ่นตัวเองอยู่แล้ว เพราะว่าคุณเป็นคนที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนซะที คุณเลยต้องพยายามเล่นเวทให้ดูมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้าง ก็พอดีกับคอนเซ็ปต์นี้เลยที่แบบว่าฟิตหุ่นให้ดูบึกขึ้น แมนขึ้น ให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ( พอใจกับหุ่นตอนนี้หรือยัง ? ) ยังไม่ค่อยพอใจครับ อยากให้ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่านี้อีกนิดนึงครับ ตอนนี้ก็เลยพยายามทานให้เยอะขึ้นครับ
เพราะเพื่อนๆ ในวงด้วยหรือเปล่า ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณอยากดูตัวใหญ่ขึ้นกว่านี้ ?
ก็ด้วยครับ ( หัวเราะ ) แต่ละคนตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้นเลย ( มีข่าวเม้าท์ออกมาว่า คุณอยากจะโชว์ซิกแพกบ้างเหมือน แจบอม ? ) เอ๊ย ... ข่าวที่ไหน ใครบอกครับ ( หัวเราะเขินๆ ) คุณยังไม่มีซิกแพกเลย คุณสู้ แจบอม ไม่ได้หรอกครับ เค้านี่ซิกแพกรุ่นพ่อแล้วครับ ( หัวเราะลั่น ) เค้าหุ่นดีมากครับ
แต่ แจบอม ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเค้าอิจฉาคุณนะที่คุณหน้าตาดีกว่า ?
โอ๊ยยยย ก็แค่หน้าตาครับ คุณคิดว่าขายได้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เคยมีรายการทีวีสัมภาษณ์คุณว่า คุณคิดว่าตัวเองดังได้เพราะหน้าตาหรือเปล่า? คุณก็ตอบเค้าไปเลยว่า ใช่ คุณคิดว่าที่ตัวเองดังมาได้ขนาดนี้ก็เพราะว่าหน้าตาจริงๆ คือคุณยังไม่ค่อยได้มีโอกาสโชว์ความสามารถเดี่ยวๆ สักเท่าไหร่ จนมามีโอกาสได้โชว์ในคอนเสิร์ต พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่คุณมีโอกาสได้โชว์เดี่ยวคนเดียว มีเต้น มีร้องเพลง มีเล่นเปียโนโชว์ เป็นครั้งแรก ก็เลยกดดันนิดนึง เพราะว่าต้องทำทุกอย่างออกมาให้ดีกว่าที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ครับ
ที่ผ่านมาคุณก็มีความกดดันในการทำงานร่วมกับคนอื่นเหมือนกัน ?
ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ไม่กดดันเลยครับ เพื่อนๆ เค้าก็เห็นความมุ่งมั่นและก็ความพยายามของคุณในเวลาซ้อม แรกๆ ทุกคนอาจจะคิดว่าเพราะคุณหน้าตาดีจึงได้มาถึงจุดนี้ แต่ว่าพอคุณไปออกรายการทีวี คุณก็พยายามทำทุกอย่างให้เข้ากับคนเกาหลีได้ สามารถเล่นตามคนเกาหลีได้ จนทุกคนคิดว่าคุณพัฒนาตัวเองขึ้น เก่งขึ้นนะ คุณอยากจะฟังคำคำนี้จากทุกคนตลอดว่า คุณพัฒนาตัวเองขึ้น ครับ
คุณกดดันตัวเองด้วยหรือเปล่า เพราะเพื่อนๆ ในวงคนนู้นเต้นเก่ง คนนี้ร้องดี คุณเลยต้องพยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ?
คุณพยายามไม่ไปอิจฉาคนอื่นครับ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยครับ เพียงแต่ว่าเค้ามีดีกว่าคุณ คุณก็พยายามเรียนรู้จากเค้า อย่างเช่น แจบอม เค้าเต้นเก่งกว่าคุณ คุณก็พยายามถามและฟังคำแนะนำต่างๆ จาก แจบอม ส่วนตัว จุนซู เค้าร้องเพลงเก่ง คุณก็คอยถาม จุนซู ว่าร้องแบบนี้ดีมั้ย ออกเสียงแบบนี้ดีมั้ย คุณจะคอยถามตลอด เพื่อที่คุณจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นมา อย่างที่ แจบอม พูดว่าอิจฉาคุณ คุณว่าเค้าพูดขำๆ มากกว่า เค้าไม่มีอะไรที่ต้องมาอิจฉาคุณเลย เค้ามีพร้อมหมดทุกอย่าง นอกจากความสูง ( หัวเราะ ) เค้าพูดเล่นตลอดเวลาว่าเค้าตัวเตี้ย ไม่มีอะไรหรอกครับ หน้าตาเค้าก็มีเสน่ห์ เต้นเก่ง ร้องเพลงก็เก่ง ร่างกายเค้าก็เพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ไม่มีอะไรที่ต้องอิจฉาคุณเลยครับ
มีคนบอกว่าคุณได้รับความเอ็นดูจากพี่ๆ ในวงการบันเทิงเกาหลีเยอะ อาทิ คังโฮดง แต่ละคนสอนอะไรคุณบ้าง ?
พี่เค้าสอนว่าในการทำงานมันต้องตั้งใจ มีรุ่นพี่ที่เค้าเก่งกว่าเราเนี่ยเราต้องเคารพเค้า คือคุณอาจจะไม่ได้เก่งเหมือนคนอื่นในรายการ แต่คุณจะเป็นคนที่ไหว้ก้มเคารพเค้าตลอดเวลา พอมีน้ำก็เอาไปให้เค้าทาน จนเค้าเอ็นดูคุณ เค้าอาจจะไม่ได้เอ็นดูที่คุณเก่ง แต่คุณก็เคารพเค้าเพราะเค้าเป็นรุ่นพี่คุณ เค้าเป็นคนที่เก่งกว่าคุณ คุณนับถือเค้าครับ
เวลาที่คุณได้ไปออกรายการทีวี คุณได้โชว์ความสามารถของตัวเองค่อนข้างเยอะพอสมควร ?
ไม่ใช่ความสามารถอะไรหรอกครับ ( หัวเราะ ) มันเป็นพวกอะไรหลุดๆ มากกว่า ( หัวเราะ ) เพราะว่า คังโฮดง เค้าชอบอะไรที่ตลกๆ ขำๆ ครับ ก็มีคนเคยถามคุณว่า ทำไมเวลาที่คุณมาเมืองไทย คุณดูขรึมๆ เงียบๆ แต่ทำไมเวลาอยู่ที่เกาหลีแล้วดูเจี้ยวจ้าวเป็นเด็กไปเลย เพราะว่านั่นคือสไตล์การทำงานของเกาหลี คุณก็เลยต้องปรับตัวให้ทำตาม ถ้าคุณมัวแต่ถือตัว ทำตัวเงียบๆ เค้าจะไม่ชอบ ก็จะเข้ากับเค้าไม่ได้ ก็เลยต้องปรับตัวให้ทำตามเค้า เล่นตามเค้า ทำหน้าตาแปลกๆ ตามเค้าไป อย่างมาเมืองไทยเนี่ย ถ้าคนไทยรับได้คุณก็ทำได้นะหน้าตาแปลกๆ ( หัวเราะ ) เพราะมันเป็นของคุณอยู่แล้ว คุณเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับคนไทยถ้าเล่นมากไปอาจจะดูว่าไม่เคารพหรือเปล่า มาทำหน้าแปลกๆ ใส่ คุณก็เลยปรับตัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ
ตอนแรกคุณกดดันหรือเปล่า ที่ถูกมองว่าอยู่เกาหลีเป็นแบบหนึ่ง อยู่ที่ไทยเป็นอีกแบบหนึ่ง ?
คุณไม่กดดันเลยครับ เพราะคุณคิดว่าทุกคนเข้าใจคุณได้ เค้าไม่ได้ตั้งคำถามว่าคุณ เค้าแค่สงสัยว่าทำไม มันเป็นคอนเซ็ปต์หรือเปล่า แต่ว่าไม่ได้รู้สึกกดดัน คือคุณเข้าใจว่าแฟนๆ ที่เมืองไทยเข้าใจคุณอยู่แล้ว เพราะการดำเนินรายการของเมืองไทยกับเกาหลีมันต่างกันอยู่แล้วครับ
คุณได้เข้าไปดูฟีดแบคต่างๆ ในเวบของไทยบ้างหรือเปล่า ?
ส่วนใหญ่คุณแม่จะส่งมาทางอีเมล์มาให้มากกว่าครับ ว่าให้คุณลองเข้าไปดูนะ ว่าเค้ากำลังพูดอะไรเกี่ยวกับคุณอยู่ พอคุณได้เห็นฟีดแบคต่างๆ คุณก็รู้สึกดีนะครับ ซึ่งคุณจะได้เช็คไปด้วยว่าคนไทยคิดยังไงกับคุณบ้าง บางคนก็ยังคิดว่าคุณยังร้องไม่ดี ยังเต้นไม่ดี ซึ่งคุณก็เข้าใจว่าตัวคุณยังขาดอะไรอีกเยอะ คุณจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นมา ให้คนไทยได้ยอมรับว่าคุณโอเค.แล้ว คุณใช้ได้แล้ว อะไรประมาณนี้ครับ
ล่าสุดที่คุณได้ไปออกรายการที่ไปออกเดตกับสาวๆ ฟีดแบคเป็นยังไงบ้าง ?
สาวคนเดียวครับ อย่าบอกว่าสาวๆ ( หัวเราะ ) ฟีดแบคกลับมาดีกว่าที่คาดเอาไว้ครับ เพราะตอนแรกที่พรีวิวออกมาเนี่ย โหหหหห แฟนๆ แบบว่า คุณทำอะไรลงไปเนี่ย คุณไม่คิดถึงแฟนๆ บ้างเลยเหรอ คุณก็เริ่มเครียดว่าพอรายการออนแอร์เนี่ยจะโดนว่าโดนด่ามั้ย แต่พอรายการออนแอร์ทุกคนก็ได้คุณในอีกแง่มุมหนึ่ง ว่าการที่ถ้าคุณมีแฟนสักคนเนี่ย คุณจะเป็นในแง่มุมที่เป็นแบบนี้ เป็นสุภาพบุรุษ จะคอยเทคแคร์ตลอดเวลา ทุกคนก็จะแบบเข้าใจว่าคุณมีแง่มุมแบบนี้ มีมุมแบบแมนๆ เหมือนกัน เพราะคนจะคิดว่าคุณหน้าหวานๆ เนี่ยจะต้องปฏิบัติแบบอ่อนๆ แต่นิสัยจริงๆ ของคุณเลยจะออกแนวลุยๆ มากกว่า อยากลองทำนู้นทำนี่ไปเรื่อยๆ ครับ
แต่ก่อนหน้าที่คุณจะมาออกรายการจีบสาวเนี่ย คุณได้ไปออกรายการที่ต้องจีบหนุ่มมาก่อน จีบผู้ชายกับจีบผู้หญิงเนี่ยอะไรยากกว่ากัน ?
โหหห ( หัวเราะเขินๆ ) คำนี้เป็นคำถามที่ยากที่สุดแล้ว ( หัวเราะ ) เออ ... จีบอะไรยากที่สุดเหรอครับ จีบผู้ชายก็ยากนะครับ แต่จริงๆ ผู้ชายมันจีบเล่นๆ อ่ะครับ คือรู้อยู่แล้วว่าจีบเล่นๆ คือเค้าไม่ได้ใจให้คุณอยู่แล้ว ( หัวเราะเขินๆ ) แหม ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเค้าเป็นผู้ชายไง แต่ถ้าจีบผู้หญิงเนี่ยเค้าอาจจะมีใจให้คุณ คุณอาจจะไปแบบทำให้เค้าผิดหวัง ก็เลยจะหนักใจมากกว่าครับ
สำหรับฟีดแบคของแฟนคลับ ตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ จนมาถึง ณ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ?
แฟนคลับเค้าก็ชมว่า คุณมีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ คือแฟนคลับเห็นได้ว่าภาษาเกาหลีของคุณก็พัฒนาขึ้นมา การร้องเพลงก็พัฒนาขึ้นมา การเต้นก็พัฒนาขึ้นมา ในด้านลุกส์ในด้านร่างกายคุณก็พัฒนาขึ้นมาด้วย เค้าก็ยอมรับว่าคุณตั้งใจทำงานดีครับ ส่วนแฟนคลับแนวหวงคุณก็มีนะ อย่างตอนที่ไปถ่ายรายการเดตกับสาว คุณเพิ่งเป็นไอดอลเป็นบอยแบนด์ คุณต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ แต่ทำไมคุณมาถ่ายรายการอะไรแบบนี้ ทำให้ดูไม่ดีหรือเปล่า เค้าก็ห่วงว่าในอนาคตคุณจะเป็นยังไงขึ้นมา แต่ว่ากลุ่ม 2PM ของคุณเป็นกลุ่มที่พูดจริง ทำจริง ทำอะไรจริงจัง ไม่มีอะไรต้องปกปิด คุณไม่หนักใจตรงนี้มากสักเท่าไหร่ครับ เพราะนี่คือตัวคุณ ถ้าคุณเริ่มอย่างนี้แล้วในอีก 10 ปีมาเห็นในแบบอื่นที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน เค้าก็อาจจะผิดหวังกับคุณได้ คือสู้โชว์ไปตั้งแต่แรกเลยดีกว่าว่าคุณเป็นคนแบบนี้ อีก 10 ปีต่อไปถ้ารักคุณที่เป็นแบบนี้ได้ ก็ขอให้เป็นแฟนคุณตลอดไปครับ
มันทำให้คุณกังวลหรือเปล่าว่า ชีวิตจริงเนี่ยเราคงจะมีแฟนลำบาก ?
บางคนก็บอกนะครับว่าให้เป็นแฟนกับคนนั้นไปเลย ( หัวเราะ ) อยากให้คุณคบกับเค้าไปเลยก็ดี แต่คุณก็ไม่กังวลนะครับว่าจะมีแฟนลำบาก ก็คือถ้าคุณพร้อมมีแฟนตอนนั้นเมื่อไหร่ คุณคิดว่าแฟนๆ ก็คงจะเข้าใจดี เพราะว่าการที่คุณตั้งใจทำงานแบบนี้ แล้วถ้าวันหนึ่งคุณรักใครขึ้นมาจริงๆ คุณว่าแฟนๆ คงเข้าใจว่า มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ จะให้คุณขึ้นคาน แฟนๆ ก็คงไม่อยากให้คุณขึ้นคานหรอกครับ ( หัวเราะ )
สุดท้ายนี้คุณอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง ?
คุณก็ขอฝากอัลบั้ม Again & Again ไว้กับทุกคนด้วยนะครับ และสำหรับเมืองไทยก็จะเป็นแบบ Special Edition ออกมา ก็ขอฝากผลงานนั้นไว้ด้วยนะครับ และตอนนี้คุณและเพื่อนๆ กลุ่ม 2PM ก็พยายามพัฒนาตัวเองขึ้นมา ก็ขอให้แฟนๆ คอยติดตามมุมมองด้านใหม่ๆ ของ 2PM ด้วยในอัลบั้มหน้าที่จะออกมาอาจะอีกไม่นานนี้ ส่วนจะเป็นอัลบั้มเต็มหรือว่าซิงเกิ้ลก็ขอให้ติดตามกันต่อไป ขอบคุณมากครับ
ก็แหม ... นานๆ ที น้องคุณ จะมีโอกาสได้กลับมาแวะเวียนทักทายแฟนๆ ที่เมืองไทย ในๆ ก็กลับมาเยี่ยมบ้านเกิดทั้งที ทีมข่าวบันเทิงของ Sanook.com ก็ไม่พลาดที่จะจับหนุ่มน้อยคนนี้ มานั่งพูดคุยกับซะหน่อย ถึงเรื่องราวการทำงานที่ประเทศเกาหลีว่าเป็นอย่างไรบ้าง ???
เป็นยังไงบ้างกับการได้ขึ้นเวทีคอนเสิร์ต กับสองนักร้องดีวาของเมืองไทย พี่ใหม่ และ พี่คริสติน่า ?
คือก่อนขึ้นเวทีคอนเสิร์ต พี่ใหม่ ก็บอกไว้แล้วว่ามันจะมีอะไรพิเศษ ให้เตรียมตัวไว้ให้ดี ( หัวเราะ ) คุณก็นึกว่าพี่เค้าแค่แซวเล่นๆ ไม่นึกว่าพี่เค้าจะมาหอมแก้ม พี่เค้าคงมีความสุขครับ ( หัวเราะ )
สำหรับเพลงที่คุณร้องบนเวที เลือกเองหรือเปล่า ?
อ๋อ ... สำหรับเพลง Nothing Batter ใช่มั้ยครับ เป็นเพลงที่คุณเลือกมาเองเลยครับ คุณคิดว่ามันน่าจะเข้ากับบรรยากาศ มันเป็นอะไรที่คุณอยากจะบอกแฟนๆ ว่า ถ้าคุณไม่มีแฟนๆ เนี่ย คุณก็ไม่มาถึงจุดจุดนี้จริงๆ เพลงนี้ไม่ใช่เพลงของคุณนะครับ ( หัวเราะ ) เป็นเพลงของศิลปินท่านอื่นที่คุณหยิบมาร้อง บอกไว้ก่อนเลย เดี๋ยวทุกคนจะเข้าใจผิด ซึ่งเค้าร้องเพราะกว่าคุณอยู่แล้วครับ ( หัวเราะ )
ได้มาขึ้นโชว์คอนเสิร์ตในเมืองไทยเป็นยังไงบ้าง จากที่เคยโชว์แต่ที่เกาหลี ?
ตื่นเต้นมากครับ เป็นเวทีคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดที่คุณเคยขึ้น และยิ่งเป็นคอนเสิร์ตของ พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา คุณเลยยิ่งต้องทำให้ดีกว่าที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่มีเวลาเตรียมตัวน้อยมาก มีเวลาซ้อมแค่ 2 วัน วันละประมาณครึ่งชั่วโมงเองครับ โชว์ออกมาเลยยังไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่คุณก็พยายามมากที่สุดแล้วครับ
แสดงว่าคุณเองก็เกร็งและกดดันกับฟีดแบคที่จะได้รับกลับมา ?
ก็ค่อนข้างเกร็งครับ เพราะว่าเป็นคอนเสิร์ตที่ใหญ่มาก และ พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา ก็เป็นระดับซูเปอร์สตาร์ คุณเลยต้องทำให้ดีที่สุด และก็พยายามมากที่สุดแล้วครับ คุณคิดแค่ว่าต้องไม่ทำให้พี่ทั้ง 2 คนผิดหวัง ชวนคุณมาขึ้นคอนเสิร์ตแล้วทำให้ขายหน้าครับ
รอบนี้มีแฟนคลับเกาหลีบินมาดูหรือเปล่า ?
ในแฟนมีตติ้งเมื่อกี้นี้ คุณก็เห็นอยู่ประมาณ 5 คนครับ ตกใจเหมือนกัน ไม่คิดว่าจะตามมาถึงที่นี่ครับ ก็ดีใจครับ
ภาพลักษณ์ใน Again & Again ดูโตขึ้นมากๆ ฟีดแบคเป็นยังไงบ้าง ?
ฟีดแบคกลับมาก็ประมาณว่า คุณตัดผมสั้นแล้วดูแปลกไป บางคนก็บอกว่าดูเด็กไปเลย คอนเซ็ปต์ใน Again & Again ก็ประมาณว่าให้ทุกคนดูแมนขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ส่วนเพลงบีทก็จะหนักขึ้น อย่างเพลง 10 Point Out Of 10 ก็จะเป็นเพลงแนวเด็กๆ เล่นกัน ประมาณเด็กม.ต้น แต่ใน Again & Again ก็จะเป็นแนวที่ดูโตขึ้นนิดหนึ่ง ก็จะประมาณเด็กม.ปลาย ที่ดูจะรู้เรื่องราวในชีวิตมากขึ้น รู้จักความรักว่าเป็นยังไงครับ
คุณต้องฟิตร่างกายเพิ่มเติมยังไงบ้าง ?
คือคุณเองก็พยายามฟิตหุ่นตัวเองอยู่แล้ว เพราะว่าคุณเป็นคนที่ทานเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนซะที คุณเลยต้องพยายามเล่นเวทให้ดูมีกล้ามเนื้อขึ้นมาบ้าง ก็พอดีกับคอนเซ็ปต์นี้เลยที่แบบว่าฟิตหุ่นให้ดูบึกขึ้น แมนขึ้น ให้ดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ( พอใจกับหุ่นตอนนี้หรือยัง ? ) ยังไม่ค่อยพอใจครับ อยากให้ดูมีกล้ามเนื้อมากกว่านี้อีกนิดนึงครับ ตอนนี้ก็เลยพยายามทานให้เยอะขึ้นครับ
เพราะเพื่อนๆ ในวงด้วยหรือเปล่า ที่เป็นสาเหตุทำให้คุณอยากดูตัวใหญ่ขึ้นกว่านี้ ?
ก็ด้วยครับ ( หัวเราะ ) แต่ละคนตัวใหญ่ๆ กันทั้งนั้นเลย ( มีข่าวเม้าท์ออกมาว่า คุณอยากจะโชว์ซิกแพกบ้างเหมือน แจบอม ? ) เอ๊ย ... ข่าวที่ไหน ใครบอกครับ ( หัวเราะเขินๆ ) คุณยังไม่มีซิกแพกเลย คุณสู้ แจบอม ไม่ได้หรอกครับ เค้านี่ซิกแพกรุ่นพ่อแล้วครับ ( หัวเราะลั่น ) เค้าหุ่นดีมากครับ
แต่ แจบอม ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ตัวเค้าอิจฉาคุณนะที่คุณหน้าตาดีกว่า ?
โอ๊ยยยย ก็แค่หน้าตาครับ คุณคิดว่าขายได้ไม่เท่าไหร่หรอกครับ เคยมีรายการทีวีสัมภาษณ์คุณว่า คุณคิดว่าตัวเองดังได้เพราะหน้าตาหรือเปล่า? คุณก็ตอบเค้าไปเลยว่า ใช่ คุณคิดว่าที่ตัวเองดังมาได้ขนาดนี้ก็เพราะว่าหน้าตาจริงๆ คือคุณยังไม่ค่อยได้มีโอกาสโชว์ความสามารถเดี่ยวๆ สักเท่าไหร่ จนมามีโอกาสได้โชว์ในคอนเสิร์ต พี่ใหม่ กับ พี่ติ๊นา ซึ่งเป็นครั้งแรกเลยที่คุณมีโอกาสได้โชว์เดี่ยวคนเดียว มีเต้น มีร้องเพลง มีเล่นเปียโนโชว์ เป็นครั้งแรก ก็เลยกดดันนิดนึง เพราะว่าต้องทำทุกอย่างออกมาให้ดีกว่าที่ทุกคนคาดหวังเอาไว้ครับ
ที่ผ่านมาคุณก็มีความกดดันในการทำงานร่วมกับคนอื่นเหมือนกัน ?
ทำงานร่วมกับเพื่อนๆ ไม่กดดันเลยครับ เพื่อนๆ เค้าก็เห็นความมุ่งมั่นและก็ความพยายามของคุณในเวลาซ้อม แรกๆ ทุกคนอาจจะคิดว่าเพราะคุณหน้าตาดีจึงได้มาถึงจุดนี้ แต่ว่าพอคุณไปออกรายการทีวี คุณก็พยายามทำทุกอย่างให้เข้ากับคนเกาหลีได้ สามารถเล่นตามคนเกาหลีได้ จนทุกคนคิดว่าคุณพัฒนาตัวเองขึ้น เก่งขึ้นนะ คุณอยากจะฟังคำคำนี้จากทุกคนตลอดว่า คุณพัฒนาตัวเองขึ้น ครับ
คุณกดดันตัวเองด้วยหรือเปล่า เพราะเพื่อนๆ ในวงคนนู้นเต้นเก่ง คนนี้ร้องดี คุณเลยต้องพยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา ?
คุณพยายามไม่ไปอิจฉาคนอื่นครับ ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยครับ เพียงแต่ว่าเค้ามีดีกว่าคุณ คุณก็พยายามเรียนรู้จากเค้า อย่างเช่น แจบอม เค้าเต้นเก่งกว่าคุณ คุณก็พยายามถามและฟังคำแนะนำต่างๆ จาก แจบอม ส่วนตัว จุนซู เค้าร้องเพลงเก่ง คุณก็คอยถาม จุนซู ว่าร้องแบบนี้ดีมั้ย ออกเสียงแบบนี้ดีมั้ย คุณจะคอยถามตลอด เพื่อที่คุณจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นมา อย่างที่ แจบอม พูดว่าอิจฉาคุณ คุณว่าเค้าพูดขำๆ มากกว่า เค้าไม่มีอะไรที่ต้องมาอิจฉาคุณเลย เค้ามีพร้อมหมดทุกอย่าง นอกจากความสูง ( หัวเราะ ) เค้าพูดเล่นตลอดเวลาว่าเค้าตัวเตี้ย ไม่มีอะไรหรอกครับ หน้าตาเค้าก็มีเสน่ห์ เต้นเก่ง ร้องเพลงก็เก่ง ร่างกายเค้าก็เพอร์เฟกต์ขนาดนั้น ไม่มีอะไรที่ต้องอิจฉาคุณเลยครับ
มีคนบอกว่าคุณได้รับความเอ็นดูจากพี่ๆ ในวงการบันเทิงเกาหลีเยอะ อาทิ คังโฮดง แต่ละคนสอนอะไรคุณบ้าง ?
พี่เค้าสอนว่าในการทำงานมันต้องตั้งใจ มีรุ่นพี่ที่เค้าเก่งกว่าเราเนี่ยเราต้องเคารพเค้า คือคุณอาจจะไม่ได้เก่งเหมือนคนอื่นในรายการ แต่คุณจะเป็นคนที่ไหว้ก้มเคารพเค้าตลอดเวลา พอมีน้ำก็เอาไปให้เค้าทาน จนเค้าเอ็นดูคุณ เค้าอาจจะไม่ได้เอ็นดูที่คุณเก่ง แต่คุณก็เคารพเค้าเพราะเค้าเป็นรุ่นพี่คุณ เค้าเป็นคนที่เก่งกว่าคุณ คุณนับถือเค้าครับ
เวลาที่คุณได้ไปออกรายการทีวี คุณได้โชว์ความสามารถของตัวเองค่อนข้างเยอะพอสมควร ?
ไม่ใช่ความสามารถอะไรหรอกครับ ( หัวเราะ ) มันเป็นพวกอะไรหลุดๆ มากกว่า ( หัวเราะ ) เพราะว่า คังโฮดง เค้าชอบอะไรที่ตลกๆ ขำๆ ครับ ก็มีคนเคยถามคุณว่า ทำไมเวลาที่คุณมาเมืองไทย คุณดูขรึมๆ เงียบๆ แต่ทำไมเวลาอยู่ที่เกาหลีแล้วดูเจี้ยวจ้าวเป็นเด็กไปเลย เพราะว่านั่นคือสไตล์การทำงานของเกาหลี คุณก็เลยต้องปรับตัวให้ทำตาม ถ้าคุณมัวแต่ถือตัว ทำตัวเงียบๆ เค้าจะไม่ชอบ ก็จะเข้ากับเค้าไม่ได้ ก็เลยต้องปรับตัวให้ทำตามเค้า เล่นตามเค้า ทำหน้าตาแปลกๆ ตามเค้าไป อย่างมาเมืองไทยเนี่ย ถ้าคนไทยรับได้คุณก็ทำได้นะหน้าตาแปลกๆ ( หัวเราะ ) เพราะมันเป็นของคุณอยู่แล้ว คุณเป็นคนขี้เล่นอยู่แล้ว แต่ว่าสำหรับคนไทยถ้าเล่นมากไปอาจจะดูว่าไม่เคารพหรือเปล่า มาทำหน้าแปลกๆ ใส่ คุณก็เลยปรับตัวเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาครับ
ตอนแรกคุณกดดันหรือเปล่า ที่ถูกมองว่าอยู่เกาหลีเป็นแบบหนึ่ง อยู่ที่ไทยเป็นอีกแบบหนึ่ง ?
คุณไม่กดดันเลยครับ เพราะคุณคิดว่าทุกคนเข้าใจคุณได้ เค้าไม่ได้ตั้งคำถามว่าคุณ เค้าแค่สงสัยว่าทำไม มันเป็นคอนเซ็ปต์หรือเปล่า แต่ว่าไม่ได้รู้สึกกดดัน คือคุณเข้าใจว่าแฟนๆ ที่เมืองไทยเข้าใจคุณอยู่แล้ว เพราะการดำเนินรายการของเมืองไทยกับเกาหลีมันต่างกันอยู่แล้วครับ
คุณได้เข้าไปดูฟีดแบคต่างๆ ในเวบของไทยบ้างหรือเปล่า ?
ส่วนใหญ่คุณแม่จะส่งมาทางอีเมล์มาให้มากกว่าครับ ว่าให้คุณลองเข้าไปดูนะ ว่าเค้ากำลังพูดอะไรเกี่ยวกับคุณอยู่ พอคุณได้เห็นฟีดแบคต่างๆ คุณก็รู้สึกดีนะครับ ซึ่งคุณจะได้เช็คไปด้วยว่าคนไทยคิดยังไงกับคุณบ้าง บางคนก็ยังคิดว่าคุณยังร้องไม่ดี ยังเต้นไม่ดี ซึ่งคุณก็เข้าใจว่าตัวคุณยังขาดอะไรอีกเยอะ คุณจะได้พัฒนาตัวเองขึ้นมา ให้คนไทยได้ยอมรับว่าคุณโอเค.แล้ว คุณใช้ได้แล้ว อะไรประมาณนี้ครับ
ล่าสุดที่คุณได้ไปออกรายการที่ไปออกเดตกับสาวๆ ฟีดแบคเป็นยังไงบ้าง ?
สาวคนเดียวครับ อย่าบอกว่าสาวๆ ( หัวเราะ ) ฟีดแบคกลับมาดีกว่าที่คาดเอาไว้ครับ เพราะตอนแรกที่พรีวิวออกมาเนี่ย โหหหหห แฟนๆ แบบว่า คุณทำอะไรลงไปเนี่ย คุณไม่คิดถึงแฟนๆ บ้างเลยเหรอ คุณก็เริ่มเครียดว่าพอรายการออนแอร์เนี่ยจะโดนว่าโดนด่ามั้ย แต่พอรายการออนแอร์ทุกคนก็ได้คุณในอีกแง่มุมหนึ่ง ว่าการที่ถ้าคุณมีแฟนสักคนเนี่ย คุณจะเป็นในแง่มุมที่เป็นแบบนี้ เป็นสุภาพบุรุษ จะคอยเทคแคร์ตลอดเวลา ทุกคนก็จะแบบเข้าใจว่าคุณมีแง่มุมแบบนี้ มีมุมแบบแมนๆ เหมือนกัน เพราะคนจะคิดว่าคุณหน้าหวานๆ เนี่ยจะต้องปฏิบัติแบบอ่อนๆ แต่นิสัยจริงๆ ของคุณเลยจะออกแนวลุยๆ มากกว่า อยากลองทำนู้นทำนี่ไปเรื่อยๆ ครับ
แต่ก่อนหน้าที่คุณจะมาออกรายการจีบสาวเนี่ย คุณได้ไปออกรายการที่ต้องจีบหนุ่มมาก่อน จีบผู้ชายกับจีบผู้หญิงเนี่ยอะไรยากกว่ากัน ?
โหหห ( หัวเราะเขินๆ ) คำนี้เป็นคำถามที่ยากที่สุดแล้ว ( หัวเราะ ) เออ ... จีบอะไรยากที่สุดเหรอครับ จีบผู้ชายก็ยากนะครับ แต่จริงๆ ผู้ชายมันจีบเล่นๆ อ่ะครับ คือรู้อยู่แล้วว่าจีบเล่นๆ คือเค้าไม่ได้ใจให้คุณอยู่แล้ว ( หัวเราะเขินๆ ) แหม ก็รู้ๆ กันอยู่ว่าเค้าเป็นผู้ชายไง แต่ถ้าจีบผู้หญิงเนี่ยเค้าอาจจะมีใจให้คุณ คุณอาจจะไปแบบทำให้เค้าผิดหวัง ก็เลยจะหนักใจมากกว่าครับ
สำหรับฟีดแบคของแฟนคลับ ตั้งแต่เริ่มเดบิวต์ จนมาถึง ณ วันนี้เป็นยังไงบ้าง ?
แฟนคลับเค้าก็ชมว่า คุณมีพัฒนาการขึ้นมาเรื่อยๆ คือแฟนคลับเห็นได้ว่าภาษาเกาหลีของคุณก็พัฒนาขึ้นมา การร้องเพลงก็พัฒนาขึ้นมา การเต้นก็พัฒนาขึ้นมา ในด้านลุกส์ในด้านร่างกายคุณก็พัฒนาขึ้นมาด้วย เค้าก็ยอมรับว่าคุณตั้งใจทำงานดีครับ ส่วนแฟนคลับแนวหวงคุณก็มีนะ อย่างตอนที่ไปถ่ายรายการเดตกับสาว คุณเพิ่งเป็นไอดอลเป็นบอยแบนด์ คุณต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้ แต่ทำไมคุณมาถ่ายรายการอะไรแบบนี้ ทำให้ดูไม่ดีหรือเปล่า เค้าก็ห่วงว่าในอนาคตคุณจะเป็นยังไงขึ้นมา แต่ว่ากลุ่ม 2PM ของคุณเป็นกลุ่มที่พูดจริง ทำจริง ทำอะไรจริงจัง ไม่มีอะไรต้องปกปิด คุณไม่หนักใจตรงนี้มากสักเท่าไหร่ครับ เพราะนี่คือตัวคุณ ถ้าคุณเริ่มอย่างนี้แล้วในอีก 10 ปีมาเห็นในแบบอื่นที่เค้าไม่เคยเห็นมาก่อน เค้าก็อาจจะผิดหวังกับคุณได้ คือสู้โชว์ไปตั้งแต่แรกเลยดีกว่าว่าคุณเป็นคนแบบนี้ อีก 10 ปีต่อไปถ้ารักคุณที่เป็นแบบนี้ได้ ก็ขอให้เป็นแฟนคุณตลอดไปครับ
มันทำให้คุณกังวลหรือเปล่าว่า ชีวิตจริงเนี่ยเราคงจะมีแฟนลำบาก ?
บางคนก็บอกนะครับว่าให้เป็นแฟนกับคนนั้นไปเลย ( หัวเราะ ) อยากให้คุณคบกับเค้าไปเลยก็ดี แต่คุณก็ไม่กังวลนะครับว่าจะมีแฟนลำบาก ก็คือถ้าคุณพร้อมมีแฟนตอนนั้นเมื่อไหร่ คุณคิดว่าแฟนๆ ก็คงจะเข้าใจดี เพราะว่าการที่คุณตั้งใจทำงานแบบนี้ แล้วถ้าวันหนึ่งคุณรักใครขึ้นมาจริงๆ คุณว่าแฟนๆ คงเข้าใจว่า มันเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ จะให้คุณขึ้นคาน แฟนๆ ก็คงไม่อยากให้คุณขึ้นคานหรอกครับ ( หัวเราะ )
สุดท้ายนี้คุณอยากฝากอะไรถึงแฟนๆ บ้าง ?
คุณก็ขอฝากอัลบั้ม Again & Again ไว้กับทุกคนด้วยนะครับ และสำหรับเมืองไทยก็จะเป็นแบบ Special Edition ออกมา ก็ขอฝากผลงานนั้นไว้ด้วยนะครับ และตอนนี้คุณและเพื่อนๆ กลุ่ม 2PM ก็พยายามพัฒนาตัวเองขึ้นมา ก็ขอให้แฟนๆ คอยติดตามมุมมองด้านใหม่ๆ ของ 2PM ด้วยในอัลบั้มหน้าที่จะออกมาอาจะอีกไม่นานนี้ ส่วนจะเป็นอัลบั้มเต็มหรือว่าซิงเกิ้ลก็ขอให้ติดตามกันต่อไป ขอบคุณมากครับ