Usher ทุ่มทั้งตัวและหัวใจในอัลบัมใหม่ Raymond V Raymond
Usher (อัชเชอร์) ศิลปิน R&B ชายที่ดังและขายดีที่สุดในยุคนี้ด้วยยอดขายกว่า 80 ล้านก๊อปปี้ เจ้าของ 5 รางวัลแกรมมี่ และ 15 รางวัล Billboard กลับมาแล้วกับผลงานชุดใหม่ Raymond V Raymond (เรย์มอนด์ เวอร์ซัส เรย์มอนด์) หลังจากห่างหายจากวงการไปถึง 2 ปี
Raymond V Raymond คืออัลบั้มลำดับที่ 6 ถัดจากอัลบั้มเปิดตัว Usher (1994), My Way (1997), 8701 (2001), Confessions (2004) ที่มีเพลงฮิตติดอันดับ 1 ชาร์ท Billboard ถึง 12 สัปดาห์อย่าง Yeah!, My Boo ที่ร่วมร้องกับสาว R&B ชื่อดัง Alicia Keys, Burn, Confessions และ Confessions Part II และ Here I Stand อัลบั้มชุดที่ 5 ที่มาของเพลงอันดับ 1 ติดปากติดหูอย่าง Love In This Club
Usher สร้างผลงานเพลงใน Raymond V Raymond โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตของเขาเองที่ผ่านอะไรมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้ฟังในซิงเกิ้ล Papers ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 บน Billboard R&B Chart ส่วนซิงเกิ้ลล่าสุด OMG (โอเอ็มจี) ที่ได้ will.i.am จากวง Black Eyed Peas มาร่วมร้องและเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ขึ้นถึงอันดับ 1 บน UK Singles Chart หากใครคิดถึงเพลงอย่าง Burn ก็จะไม่ผิดหวังกับแทร็กอย่าง Foolin’ Around และ Making Love (Into The Night) พร้อมกันนี้ Usher ยังได้นำซาวด์ R&B แบบโอลด์สคูลมาผสมกับซาวด์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว เช่นใน Monstar ที่เขาตั้งใจทริบิวท์ให้ Michael Jackson ไอดอลตลอดกาลของเขา
Raymond V Raymond คืออัลบั้มลำดับที่ 6 ถัดจากอัลบั้มเปิดตัว Usher (1994), My Way (1997), 8701 (2001), Confessions (2004) ที่มีเพลงฮิตติดอันดับ 1 ชาร์ท Billboard ถึง 12 สัปดาห์อย่าง Yeah!, My Boo ที่ร่วมร้องกับสาว R&B ชื่อดัง Alicia Keys, Burn, Confessions และ Confessions Part II และ Here I Stand อัลบั้มชุดที่ 5 ที่มาของเพลงอันดับ 1 ติดปากติดหูอย่าง Love In This Club
Usher สร้างผลงานเพลงใน Raymond V Raymond โดยได้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตของเขาเองที่ผ่านอะไรมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้ฟังในซิงเกิ้ล Papers ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 บน Billboard R&B Chart ส่วนซิงเกิ้ลล่าสุด OMG (โอเอ็มจี) ที่ได้ will.i.am จากวง Black Eyed Peas มาร่วมร้องและเป็นโปรดิวเซอร์ให้ ซึ่งตอนนี้ก็ได้ขึ้นถึงอันดับ 1 บน UK Singles Chart หากใครคิดถึงเพลงอย่าง Burn ก็จะไม่ผิดหวังกับแทร็กอย่าง Foolin’ Around และ Making Love (Into The Night) พร้อมกันนี้ Usher ยังได้นำซาวด์ R&B แบบโอลด์สคูลมาผสมกับซาวด์สมัยใหม่ได้อย่างลงตัว เช่นใน Monstar ที่เขาตั้งใจทริบิวท์ให้ Michael Jackson ไอดอลตลอดกาลของเขา