คิมฮีชอล เผยเรื่องความลำบากต่อข่าวลือ ถอนตัวจาก ซุปเปอร์จูเนียร์
คิมฮีชอล (Kim Hee Chul) เปิดเผยเรื่องราวความในใจ เกี่ยวกับข่าวลือการลาออกของเขาจากวง ซุปเปอร์จูเนียร์ (Super Junior) ในอดีตที่ผ่านมา
ในรายการ SBS Strong Heart คิมฮีชอล เผย .....ผมเป็นนักแสดงมาก่อนเป็นนักร้องน่ะครับ ในตอนนั้นพอผมเป็นซุปเปอร์จูเนียร์ เวลาที่กลับมารับงานแสดงผมก็จะเห็นแต่ข่าวแบบว่า 'นักร้องผันตัวรับงานแสดง คิมฮีชอล อะไรแบบนี้ และเนื่องจากผมมีงานทั้งด้านการแสดงและงานอื่นๆเยอะมาก ทำให้ผมรู้สึกกดดันต่อภาระหน้าที่ในการทำกิจกรรมนามของนักร้อง ซุปเปอร์จูเนียร์ มากเลยครับ เขาเปิดประเด็น
คิมฮีชอล กล่าวต่อ .....ผมพยายามปรับทุกข์กับเพื่อนๆในวงประมาณว่าผมเหนื่อยมากๆเวลาตอนอยู่บนเวที คือในตอนนั้นผมทำงานหลายอย่างมากครับ ถ่ายละคร ถ่ายมินิซีรีส์ ถ่ายซิทคอม ถ่ายรายการบันเทิง เป็นบลูชิพเลยนะครับ (หัวเราะ) ในวันเดียวทำหลายอย่างมากเลยครับ ความเหนื่อยมันทำให้ผมหงุดหงิดครับ
เขากล่าวต่อ ....แล้ววันนึงเพื่อนในวงมาบอกกับผมว่า ถ้าจะเป็นนักร้องอย่าหายไปจากเวทีเลยนะ คือพอผมได้ยินแบบนั้นก็แสดงว่าผมต้องทิ้งความฝันในการเป็นนักแสดงไป แล้วพอมีเรื่องราวแบบนี้พวกเราก็เรี่มห่างเหินกันมากขึ้นครับ จนสุดท้ายถึงขั้นที่ผมต้องออกมาจากหอพักและแยกตัวมาอยู่คนเดียวเลยด้วยครับ เสริม .....ผมยังทะเลาะกับเพื่อนๆในวงมากๆ ตอนนั้นทั้งอีทึก อีฮยอก ชินดง ทะเลาะกันหมดเลยครับ จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย เขากล่าว
คิมฮีชอล .....ตอนที่ผมทำกิจกรรมในเพลง U ผมร้องเพี้ยนด้วยครับ ตอนนั้นผมก็เศร้ามากอยู่แล้ว แต่ยังโดนแฟนๆโจมตีด้วยครับอย่าง ...พี่ฮีชอลจะไปทำกิจกรรมคนเดียว, ...พี่ฮีชอลร้องเพี้ยน, ..พี่ฮีชอลไม่ช่วยเพื่อนๆในวง ตอนนั้นพอผมได้ยินเรื่องแบบนี้แล้วเศร้ามากๆครับ เพราะผมก็เป็นซุปเปอร์จูเนียร์เหมือนกัน ตอนนั้นถึงขั้นที่ผมถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกแฟนคาเฟ่ของซุปเปอร์จูเนียร์เลยครับ หลังจากเขากล่าวจบผู้ร่วมรายการก็หัวเราะครืน ฮีชอล โต้กลับว่า ...นี่มันเป็นเรื่องเศร้าของนักร้องนะครับ เขากล่าว
เขากล่าวต่อ ....ตอนนั้นผมเหนื่อยมากทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับสมาชิกด้วยกันเอง เรื่องข่าวลือจากข้างนอกว่าผมถอนตัวออกจากซุปเปอร์จูเนียร์อะไรแบบนี้ เขากล่าวความในใจ
คิมฮีชอล เผยต่อ .....พอมาถึงตอนทำกิจกรรมในเพลง Sorry, Sorry ตอนนั้นผมได้ออกมาแค่ 4 วินาทีเองครับ แล้วเพลงแทบทั้งหมดไม่มีเสียงผมเลย เสริม ...ตอนนั้นผมเข้าไปคุยกับต้นสังกัดบอกว่าเพลงผมก็ร้องได้ไม่ดี เต้นก็เต้นได้ไม่ดี สิ่งทีผมมีดีอย่างเดียวคือหน้าตาหล่อๆครับ เขากล่าวจนทำทุกคนหัวเราะครืนอีกครั้ง คิมฮีชอล โต้กลับ ...ทำไมครับผมไม่หล่อเหรอครับ... เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง เขากล่าวต่อ ...สุดท้ายทำให้ผมถึงกับบอกต้นสังกัดว่าผมจะเลิกเป็นนักร้องและไปใช้ชีวิตในเส้นทางของนักแสดงแทนครับ พอต้นสังกัดได้ยินดังนั้น ทำให้อัลบั้มสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วมมีเสียงผมแค่ 4 วินาทีนั่นแหละครับ เขากล่าวจนทำทุกคนในต้องส่งตะลึง
คิมฮีชอล เผย .....ก่อนที่ผมจะเดินทางไปยังห้องซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายผมดื่มเข้าไปมากเลยครับ เศร้าน่ะครับ พอผมไปถึงห้องซ้อม อึนฮยอก ได้พูดคำที่กินใจผมมากๆเลยครับ ...ท่าเต้นของพวกเรายังคงมีที่ว่างสำหรับพี่เสมอ พี่กลับมาได้ตลอดเวลาเลยนะครับ (เขาเลียนเสียงอึนฮยอก) พอผมได้ยินแบบนั้นผมเสียใจมากเลยครับกินใจมาก เขากล่าว
คิมฮีชอล ยังพูดถึงเรื่องหัวหน้าวงอย่าง อีทึก ด้วยเช่นกัน .....สมัยก่อนผมเป็นคนที่ทำอะไรแบบไม่ค่อยคิดถึงภาพลักษณ์ของตัวเองครับ แต่พี่อีทึกก็คอยจัดการเรื่องต่างๆทั้งหมดเลยครับ ตอนที่ผมแนะนำตัวบางครั้งผมจะทำแบบไม่ค่อยตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ทำให้คนที่ได้รับการแนะนำตัวจากผมอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ครับ แต่เวลาพี่อีทึกแนะนำตัวเขาจะทำแบบเต็มไปด้วยความร่าเริงมากเลยครับ ขนาดเป็นรุ่นน้องเขายังเต็มที่เลยครับ ตอนนั้นที่ผมได้เห็นน้ำตาไหลเลยครับ เขากล่าว ในวันนี้ อีทึก ที่ได้ยินเรื่องราวของคิมฮีชอลก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อยู่จนต้องขอตัวออกไปนอกห้องส่งซึ่งก็ได้ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้มากยิ่งขึ้นไปอีก
ในรายการ SBS Strong Heart คิมฮีชอล เผย .....ผมเป็นนักแสดงมาก่อนเป็นนักร้องน่ะครับ ในตอนนั้นพอผมเป็นซุปเปอร์จูเนียร์ เวลาที่กลับมารับงานแสดงผมก็จะเห็นแต่ข่าวแบบว่า 'นักร้องผันตัวรับงานแสดง คิมฮีชอล อะไรแบบนี้ และเนื่องจากผมมีงานทั้งด้านการแสดงและงานอื่นๆเยอะมาก ทำให้ผมรู้สึกกดดันต่อภาระหน้าที่ในการทำกิจกรรมนามของนักร้อง ซุปเปอร์จูเนียร์ มากเลยครับ เขาเปิดประเด็น
คิมฮีชอล กล่าวต่อ .....ผมพยายามปรับทุกข์กับเพื่อนๆในวงประมาณว่าผมเหนื่อยมากๆเวลาตอนอยู่บนเวที คือในตอนนั้นผมทำงานหลายอย่างมากครับ ถ่ายละคร ถ่ายมินิซีรีส์ ถ่ายซิทคอม ถ่ายรายการบันเทิง เป็นบลูชิพเลยนะครับ (หัวเราะ) ในวันเดียวทำหลายอย่างมากเลยครับ ความเหนื่อยมันทำให้ผมหงุดหงิดครับ
เขากล่าวต่อ ....แล้ววันนึงเพื่อนในวงมาบอกกับผมว่า ถ้าจะเป็นนักร้องอย่าหายไปจากเวทีเลยนะ คือพอผมได้ยินแบบนั้นก็แสดงว่าผมต้องทิ้งความฝันในการเป็นนักแสดงไป แล้วพอมีเรื่องราวแบบนี้พวกเราก็เรี่มห่างเหินกันมากขึ้นครับ จนสุดท้ายถึงขั้นที่ผมต้องออกมาจากหอพักและแยกตัวมาอยู่คนเดียวเลยด้วยครับ เสริม .....ผมยังทะเลาะกับเพื่อนๆในวงมากๆ ตอนนั้นทั้งอีทึก อีฮยอก ชินดง ทะเลาะกันหมดเลยครับ จนกลายเป็นเรื่องใหญ่เลย เขากล่าว
คิมฮีชอล .....ตอนที่ผมทำกิจกรรมในเพลง U ผมร้องเพี้ยนด้วยครับ ตอนนั้นผมก็เศร้ามากอยู่แล้ว แต่ยังโดนแฟนๆโจมตีด้วยครับอย่าง ...พี่ฮีชอลจะไปทำกิจกรรมคนเดียว, ...พี่ฮีชอลร้องเพี้ยน, ..พี่ฮีชอลไม่ช่วยเพื่อนๆในวง ตอนนั้นพอผมได้ยินเรื่องแบบนี้แล้วเศร้ามากๆครับ เพราะผมก็เป็นซุปเปอร์จูเนียร์เหมือนกัน ตอนนั้นถึงขั้นที่ผมถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกแฟนคาเฟ่ของซุปเปอร์จูเนียร์เลยครับ หลังจากเขากล่าวจบผู้ร่วมรายการก็หัวเราะครืน ฮีชอล โต้กลับว่า ...นี่มันเป็นเรื่องเศร้าของนักร้องนะครับ เขากล่าว
เขากล่าวต่อ ....ตอนนั้นผมเหนื่อยมากทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นกับสมาชิกด้วยกันเอง เรื่องข่าวลือจากข้างนอกว่าผมถอนตัวออกจากซุปเปอร์จูเนียร์อะไรแบบนี้ เขากล่าวความในใจ
คิมฮีชอล เผยต่อ .....พอมาถึงตอนทำกิจกรรมในเพลง Sorry, Sorry ตอนนั้นผมได้ออกมาแค่ 4 วินาทีเองครับ แล้วเพลงแทบทั้งหมดไม่มีเสียงผมเลย เสริม ...ตอนนั้นผมเข้าไปคุยกับต้นสังกัดบอกว่าเพลงผมก็ร้องได้ไม่ดี เต้นก็เต้นได้ไม่ดี สิ่งทีผมมีดีอย่างเดียวคือหน้าตาหล่อๆครับ เขากล่าวจนทำทุกคนหัวเราะครืนอีกครั้ง คิมฮีชอล โต้กลับ ...ทำไมครับผมไม่หล่อเหรอครับ... เรียกเสียงหัวเราะได้อีกครั้ง เขากล่าวต่อ ...สุดท้ายทำให้ผมถึงกับบอกต้นสังกัดว่าผมจะเลิกเป็นนักร้องและไปใช้ชีวิตในเส้นทางของนักแสดงแทนครับ พอต้นสังกัดได้ยินดังนั้น ทำให้อัลบั้มสุดท้ายที่ผมจะเข้าร่วมมีเสียงผมแค่ 4 วินาทีนั่นแหละครับ เขากล่าวจนทำทุกคนในต้องส่งตะลึง
คิมฮีชอล เผย .....ก่อนที่ผมจะเดินทางไปยังห้องซ้อมเป็นครั้งสุดท้ายผมดื่มเข้าไปมากเลยครับ เศร้าน่ะครับ พอผมไปถึงห้องซ้อม อึนฮยอก ได้พูดคำที่กินใจผมมากๆเลยครับ ...ท่าเต้นของพวกเรายังคงมีที่ว่างสำหรับพี่เสมอ พี่กลับมาได้ตลอดเวลาเลยนะครับ (เขาเลียนเสียงอึนฮยอก) พอผมได้ยินแบบนั้นผมเสียใจมากเลยครับกินใจมาก เขากล่าว
คิมฮีชอล ยังพูดถึงเรื่องหัวหน้าวงอย่าง อีทึก ด้วยเช่นกัน .....สมัยก่อนผมเป็นคนที่ทำอะไรแบบไม่ค่อยคิดถึงภาพลักษณ์ของตัวเองครับ แต่พี่อีทึกก็คอยจัดการเรื่องต่างๆทั้งหมดเลยครับ ตอนที่ผมแนะนำตัวบางครั้งผมจะทำแบบไม่ค่อยตั้งใจ ด้วยเหตุนี้ทำให้คนที่ได้รับการแนะนำตัวจากผมอาจเกิดความเข้าใจผิดได้ครับ แต่เวลาพี่อีทึกแนะนำตัวเขาจะทำแบบเต็มไปด้วยความร่าเริงมากเลยครับ ขนาดเป็นรุ่นน้องเขายังเต็มที่เลยครับ ตอนนั้นที่ผมได้เห็นน้ำตาไหลเลยครับ เขากล่าว ในวันนี้ อีทึก ที่ได้ยินเรื่องราวของคิมฮีชอลก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาเอาไว้ได้อยู่จนต้องขอตัวออกไปนอกห้องส่งซึ่งก็ได้ยิ่งเพิ่มความเจ็บปวดให้มากยิ่งขึ้นไปอีก