รัก ณ สยาม กำลังใจล้นหลาม ศิลปิน คนดู ยกทัพ บอกรักสนั่นสกาล่า สนุก อิ่มบุญ ต่อเนื่องกว่า 9 ชั่วโมง
ผ่านพ้นไปแล้วด้วยความสำเร็จดีและประทับใจยิ่งสำหรับคอนเสิร์ต รัก ณ สยาม ซึ่งเหล่าศิลปิน พิธีกร กลุ่มเพื่อนจากหลายวงการผู้เคยจัดงาน Love Is Hear และผู้คนมากมายซึ่งรักและผูกพันกับสยามสแควร์ ได้มารวมตัวกันในอีกรูปแบบของการแบ่งปันน้ำใจร่วมฟื้นฟูสังคมไทย ณ โรงภาพยนตร์สกาลา เพื่อนำรายได้ทั้งหมด โดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบให้กับร้านค้าเล็กๆ ในสยามสแควร์ ที่หายไปในกองเพลิง
โดยบรรยากาศ ณ โรงภาพยนตร์สกาล่านั้น เต็มไปด้วยเสียงเพลงจากเหล่าศิลปินที่มากันด้วยใจ ไร้ค่าตัว แต่โชว์กันเต็มตัว เต็มใจ ทั้งเวทีเปิดหมวกที่มาต้อนรับคนฟังกันตั้งแต่หน้าบันไดทางขึ้นสกาล่า บรรเลงอคูสติกหรรษากันต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงหัวค่ำ โดยศิลปินกว่าสิบชีวิต อาทิ ลูกหว้า พิจิกา ( DooBaDoo), Magenta, Tony ผี, Yellow Fang, ชะเอม, Past Tales, The Papers, T-Six & เบลล์ สุพล, Elle, Greasy Café และไฮไลท์ศิลปินเปิดหมวกสุดกรี๊ดอย่าง เป้ สเลอ ที่โชว์เดี่ยวทั้งร้องเอง เล่นกีตาร์ และเป่าเม๊าท์ออร์แกนใน 3 เพลงรวด ปิดเวทีนี้ไปอย่างสุดประทับใจเรียกเงินบริจาคยอดกล่องได้อีกเป็นกระบุงโกย
ส่วนเวทีด้านในโรงภาพยนตร์สกาล่านั้นก็บรรเลงกันแบบมาราธอนตั้งแต่บ่ายสามถึงเที่ยงคืน เริ่มเปิดม่านด้วย Lipset’er วงดนตรีลูกผสมระหว่าง Lipta และ Jetset’er สองวงป๊อปชั้นดี ที่แจมกันได้ไพเราะและมีชีวิตชีวา ต่อด้วยการแจมกันของสองสาวศิลปินเดี่ยวเสียงเด่น โรส ศิรินทิพย์ และ แอน ธิติมา มาถึงการรวมตัวของ ลูกหว้า พิจิกา, เจี๊ยบ วรรธนา และคณะนักร้องนักดนตรีฝีมือดีจากโปรเจ็กต์ I You We They ระหว่างนั้นก็คั่นด้วย Babymime ละครใบ้แสนหรรษาที่พาคนดูสนุกและมีส่วนร่วมแบบถึงเนื้อถึงตัว ก่อนจะกรี๊ดสนั่นกับ Benja-Band วงเฉพาะกิจของ ก้อง สหรัถ ซึ่งประกอบด้วย เก็น น้องชาย และเพื่อนฝูงนักดนตรีที่ร่วมเล่นร่วมร้องได้ร็อกสะใจ โดย พี่ก้อง ร้องปิดท้ายด้วยเพลง ลึกสุดใจ ที่ทวีความซึ้ง ประกอบกับภาพสยามในความทรงจำจากสไลด์ที่ฉายขึ้นจอภาพยนตร์ด้านหลัง จากนั้นก็ถึงเวลาของโชว์แบบแพ็คสามจาก บีลีฟเรคคอร์ด โดยวงดนตรีรุ่นใหม่น่าจับตาทั้ง Ten To Twelve, Ewery และ 25 hours ซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับเสียงกรี๊ดต้อนรับและร้องเพลงตามกันกระหน่ำทั้ง ทำได้เพียง ถามจันทร์ พร้อมบรรยากาศราวโดนมนต์สะกดจาก บ้านเรา เพลงที่แหลม นักร้องนำ แต่งร่วมกับเพื่อนๆ หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจคนทั้งประเทศ
ช่วงต่อมาเป็นการแสดงสดแบบที่เห็นกันไม่บ่อยนัก ทั้งอคูสติกของวงร็อกลีลาเพี้ยนดุดันอย่าง พาราด็อกซ์ ที่หนนี้มาแบบละมุนแต่ก็ยังมีของเล่นและเพื่อนๆ มาเล่นกับคนดูอยู่กับเพลง นักมายากล, สามมิติ และ ฤดูร้อน ซึ่งทำให้ประโยค..ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย ฤดูร้อนไม่มีเธอเหมือนเก่า เข้ากับเรื่องราวของโรงหนังสยามที่หายไป..แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน การแสดงสดร่วมกันของศิลปินขวัญใจคนชอบเพลงเพราะ ฟังสบาย อย่าง โมโนโทน และ ปอย พอร์ตเทรต การแสดงสดแบบไพเราะแต่ไม่ขาดอารมณ์ขันของวง บาสเก็ตแบนด์ ที่กำลังมีเพลง คนน่ารักมักใจร้าย เป็นเพลงฮิต
และเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงใหม่ล่าสุดของ เพชร โอสถานุเคราะห์ ที่ร้อง เต้น เล่น ได้เต็มรัก กับเพลง เราเป็นคนไทย ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ไม่สงบที่ผ่านพ้นไป ต่อด้วยวงรุ่นใหม่ฝีมือแจ่มอย่างArtfloor และวงรุ่นพี่เพลงเพราะอย่าง ฟรายเดย์ ที่นอกจากพกเพลง ลืมแล้วหรือเปล่า มาเตือนใจว่าอย่าลืมที่เคยรัก เคยมีน้ำใจต่อกันแล้ว ยังเปลี่ยนเสื้อหลากสีกันกลางเวที ด้วยการเอาเสื้อทีมฟุตบอลมาใส่คนละสีคนละทีม เพื่อบอกว่า ขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากเห็นการเล่นกีฬาสี (ที่ไม่ใช่กีฬาจริงๆ) อีกแล้ว ต่ออารมณ์กันด้วยโชว์ของ กลอ์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และ ตระกูล 662 ศิลปินฮิปฮอปที่คัดกันมาแต่เพลงปลุกหัวใจอย่าง การเดินทาง, ไม่ว่าใครชนะ เราแพ้ และ ราตรีสวัสดิ์ ก่อนจะถึงช่วงของ 2 เพลงฮิต บ้านเล็ก และ ความคิด จาก แสตมป์
เข้าสู่ช่วงฮาเกินคาดกับ 1 เพลงของวงบอยแบนด์เฉพาะกิจ 3AM โดย Sunday (บอยด์ โกสิยพงษ์), BearHug (ตรัย ภูมิรัตน / บอย ฟรายเดย์) และ ถุงเท้าทาโร่ (แสตมป์ อภิวัชร์) ที่นอกจากแต่ละคนจะตั้งชื่อใหม่ รายงานตัวว่าเป็นศิลปินหน้าใหม่ ยังมาพร้อมท่าโพสต์แบบบอยแบนด์เกาหลียังแพ้ในทุกอิริยาบถ แถมยังประกาศทั้งสมาชิกใหม่ คือ ออลสตาร์ หรือ นิชคุณ (ฟักกลิ้งฮีโร่) ทั้งรียูเนี่ยน ทั้งสลายวงกันกลางเวที ที่สำคัญมีซีดีเพลง ถ้า มาให้แฟนเพลงที่ 3AM ตั้งชื่อกลุ่มว่า Warmest ประมูลเพื่อนำเงินสมทบทุน รัก ณ สยาม เริ่มต้นที่ 5 บาท โดยมี โดนัท-มนัสนันท์ พันธ์เลิศวงศ์สกุล เป็นผู้ร่วมปั่นหุ้นการประมูลครั้งนี้อย่างสนุกสนาน จนที่สุดแล้ว..ซีดีที่มีแผ่นเดียวในโลกแผ่นนี้ก็มีราคาสูงถึง 5,033 บาทเลยทีเดียว จากนั้นก็ถึงช่วงโชว์ของ Mild วงเจ้าของเพลงฮิตอย่าง เข้าใจแต่ทำไม่ได้, ผู้ป่วยความจำเสื่อม และ Unlovable ตามด้วย Ganesha วงเจ้าของรางวัลสีสันอวอร์ดหลายสาขาปีล่าสุด ปิดท้ายโชว์ด้วยสี่วงดนตรีหัวหอกจาก สมอลรูม ได้แก่ Lemon Soup, Lomosonic, Tattoo Colour และ The Richman Toy ขนเพลงฮิต เพลงเตือนใจ เพลงให้กำลังใจ มาพร้อมกับแรงกายแรงใจ ลีลาแบบแรงดีไม่มีตกแม้เข็มนาฬิกากำลังจะล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้วก็ตาม
รัก ณ สยาม นับเป็นคอนเสิร์ตจุใจที่ทุกศิลปินล้วนมากันด้วยใจ ไม่ต่างจากเหล่าพิธีกรที่มาร่วมดำเนินการแสดงทุกคนตั้งแต่ ปาล์ม-อุ๋ย-คาฟ จาก Fat Radio, คมสัน นันทจิต, เอก-วิชัย จงประสิทธิ์พร, ไก่-สมพล ปิยะพงศ์สิริ, ตุ๊ยตุ่ย-พุทธชาด พงษ์สุชาติ และ เต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ไปจนถึงผู้กำกับที่ส่งผลงานหนังสั้นหลากอารมณ์มาร่วมโชว์บนจอยักษ์ของสกาล่า คือ โน้ต อุดม, บุ๊ค อลงกต, ป๊อป อารียา และ นก นิสา, โดนัท มนัสนันท์ และเพื่อนกลุ่ม Step-Daughter Production ที่แต่ละเรื่องล้วนนำเสนอ ภาพ มุมมอง แนวคิดที่สะกิดใจคนดู เรื่องเล่าจากโรงหนังของ ป๋าเต็ด ยุทธนา ภาพโรงหนังสยามในความทรงจำที่คนดูช่วยกันเขียนคำบรรยาย โปสการ์ดจากภาพถ่ายที่ช่างภาพอิสระร่วมกันส่งมา เรื่อยไปถึงการคุยเปิดใจกับตัวแทนเจ้าของร้านที่ถูกเพลิงไหม้ ที่ขาดไม่ได้คือ คุณนันทา ตันสัจจา แห่ง APEX เจ้าของโรงหนัง สยาม สกาล่า และ ลิโด้ ใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า ขอขอบคุณจากใจ ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณไว้อย่างไพเราะว่า ในยามหม่นหมอง ท่านได้จุดประกายแห่งความหวัง ในยามอ้างว้าง ท่านได้มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
ทางผู้จัดเองก็หวังว่าความตั้งใจดีและรู้สึกดีจากทุกคนที่มีส่วนร่วมกับคอนเสิร์ต รัก ณ สยาม ครั้งนี้ ที่สามารถรวบรายได้ทั้งจากการจำหน่ายบัตรเข้างาน, ซีดี, ของที่ระลึก, ดนตรีเปิดหมวก และกล่องรับบริจาคในงานนี้ทั้งหมด เป็นจำนวนเงินร่วมหนึ่งล้านห้าแสนบาท ซึ่งจะนำไปมอบให้กับร้านค้าทั้ง 110 ร้านค้าเล็กๆที่หายไปในกองเพลิง อีกทั้งความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย....จะสามารถช่วยเยียวยา สร้างความหวัง และแรงบันดาลใจทั้งร้านค้าในสยาม คนสยาม และสยามประเทศได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
โดยบรรยากาศ ณ โรงภาพยนตร์สกาล่านั้น เต็มไปด้วยเสียงเพลงจากเหล่าศิลปินที่มากันด้วยใจ ไร้ค่าตัว แต่โชว์กันเต็มตัว เต็มใจ ทั้งเวทีเปิดหมวกที่มาต้อนรับคนฟังกันตั้งแต่หน้าบันไดทางขึ้นสกาล่า บรรเลงอคูสติกหรรษากันต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงบ่ายถึงหัวค่ำ โดยศิลปินกว่าสิบชีวิต อาทิ ลูกหว้า พิจิกา ( DooBaDoo), Magenta, Tony ผี, Yellow Fang, ชะเอม, Past Tales, The Papers, T-Six & เบลล์ สุพล, Elle, Greasy Café และไฮไลท์ศิลปินเปิดหมวกสุดกรี๊ดอย่าง เป้ สเลอ ที่โชว์เดี่ยวทั้งร้องเอง เล่นกีตาร์ และเป่าเม๊าท์ออร์แกนใน 3 เพลงรวด ปิดเวทีนี้ไปอย่างสุดประทับใจเรียกเงินบริจาคยอดกล่องได้อีกเป็นกระบุงโกย
ส่วนเวทีด้านในโรงภาพยนตร์สกาล่านั้นก็บรรเลงกันแบบมาราธอนตั้งแต่บ่ายสามถึงเที่ยงคืน เริ่มเปิดม่านด้วย Lipset’er วงดนตรีลูกผสมระหว่าง Lipta และ Jetset’er สองวงป๊อปชั้นดี ที่แจมกันได้ไพเราะและมีชีวิตชีวา ต่อด้วยการแจมกันของสองสาวศิลปินเดี่ยวเสียงเด่น โรส ศิรินทิพย์ และ แอน ธิติมา มาถึงการรวมตัวของ ลูกหว้า พิจิกา, เจี๊ยบ วรรธนา และคณะนักร้องนักดนตรีฝีมือดีจากโปรเจ็กต์ I You We They ระหว่างนั้นก็คั่นด้วย Babymime ละครใบ้แสนหรรษาที่พาคนดูสนุกและมีส่วนร่วมแบบถึงเนื้อถึงตัว ก่อนจะกรี๊ดสนั่นกับ Benja-Band วงเฉพาะกิจของ ก้อง สหรัถ ซึ่งประกอบด้วย เก็น น้องชาย และเพื่อนฝูงนักดนตรีที่ร่วมเล่นร่วมร้องได้ร็อกสะใจ โดย พี่ก้อง ร้องปิดท้ายด้วยเพลง ลึกสุดใจ ที่ทวีความซึ้ง ประกอบกับภาพสยามในความทรงจำจากสไลด์ที่ฉายขึ้นจอภาพยนตร์ด้านหลัง จากนั้นก็ถึงเวลาของโชว์แบบแพ็คสามจาก บีลีฟเรคคอร์ด โดยวงดนตรีรุ่นใหม่น่าจับตาทั้ง Ten To Twelve, Ewery และ 25 hours ซึ่งก็ไม่ผิดหวังกับเสียงกรี๊ดต้อนรับและร้องเพลงตามกันกระหน่ำทั้ง ทำได้เพียง ถามจันทร์ พร้อมบรรยากาศราวโดนมนต์สะกดจาก บ้านเรา เพลงที่แหลม นักร้องนำ แต่งร่วมกับเพื่อนๆ หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนใจคนทั้งประเทศ
ช่วงต่อมาเป็นการแสดงสดแบบที่เห็นกันไม่บ่อยนัก ทั้งอคูสติกของวงร็อกลีลาเพี้ยนดุดันอย่าง พาราด็อกซ์ ที่หนนี้มาแบบละมุนแต่ก็ยังมีของเล่นและเพื่อนๆ มาเล่นกับคนดูอยู่กับเพลง นักมายากล, สามมิติ และ ฤดูร้อน ซึ่งทำให้ประโยค..ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย ฤดูร้อนไม่มีเธอเหมือนเก่า เข้ากับเรื่องราวของโรงหนังสยามที่หายไป..แบบไม่เคยรู้สึกมาก่อน การแสดงสดร่วมกันของศิลปินขวัญใจคนชอบเพลงเพราะ ฟังสบาย อย่าง โมโนโทน และ ปอย พอร์ตเทรต การแสดงสดแบบไพเราะแต่ไม่ขาดอารมณ์ขันของวง บาสเก็ตแบนด์ ที่กำลังมีเพลง คนน่ารักมักใจร้าย เป็นเพลงฮิต
และเซอร์ไพรส์ด้วยเพลงใหม่ล่าสุดของ เพชร โอสถานุเคราะห์ ที่ร้อง เต้น เล่น ได้เต็มรัก กับเพลง เราเป็นคนไทย ซึ่งเขาได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์ไม่สงบที่ผ่านพ้นไป ต่อด้วยวงรุ่นใหม่ฝีมือแจ่มอย่างArtfloor และวงรุ่นพี่เพลงเพราะอย่าง ฟรายเดย์ ที่นอกจากพกเพลง ลืมแล้วหรือเปล่า มาเตือนใจว่าอย่าลืมที่เคยรัก เคยมีน้ำใจต่อกันแล้ว ยังเปลี่ยนเสื้อหลากสีกันกลางเวที ด้วยการเอาเสื้อทีมฟุตบอลมาใส่คนละสีคนละทีม เพื่อบอกว่า ขอให้นี่เป็นครั้งสุดท้าย ไม่อยากเห็นการเล่นกีฬาสี (ที่ไม่ใช่กีฬาจริงๆ) อีกแล้ว ต่ออารมณ์กันด้วยโชว์ของ กลอ์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่ และ ตระกูล 662 ศิลปินฮิปฮอปที่คัดกันมาแต่เพลงปลุกหัวใจอย่าง การเดินทาง, ไม่ว่าใครชนะ เราแพ้ และ ราตรีสวัสดิ์ ก่อนจะถึงช่วงของ 2 เพลงฮิต บ้านเล็ก และ ความคิด จาก แสตมป์
เข้าสู่ช่วงฮาเกินคาดกับ 1 เพลงของวงบอยแบนด์เฉพาะกิจ 3AM โดย Sunday (บอยด์ โกสิยพงษ์), BearHug (ตรัย ภูมิรัตน / บอย ฟรายเดย์) และ ถุงเท้าทาโร่ (แสตมป์ อภิวัชร์) ที่นอกจากแต่ละคนจะตั้งชื่อใหม่ รายงานตัวว่าเป็นศิลปินหน้าใหม่ ยังมาพร้อมท่าโพสต์แบบบอยแบนด์เกาหลียังแพ้ในทุกอิริยาบถ แถมยังประกาศทั้งสมาชิกใหม่ คือ ออลสตาร์ หรือ นิชคุณ (ฟักกลิ้งฮีโร่) ทั้งรียูเนี่ยน ทั้งสลายวงกันกลางเวที ที่สำคัญมีซีดีเพลง ถ้า มาให้แฟนเพลงที่ 3AM ตั้งชื่อกลุ่มว่า Warmest ประมูลเพื่อนำเงินสมทบทุน รัก ณ สยาม เริ่มต้นที่ 5 บาท โดยมี โดนัท-มนัสนันท์ พันธ์เลิศวงศ์สกุล เป็นผู้ร่วมปั่นหุ้นการประมูลครั้งนี้อย่างสนุกสนาน จนที่สุดแล้ว..ซีดีที่มีแผ่นเดียวในโลกแผ่นนี้ก็มีราคาสูงถึง 5,033 บาทเลยทีเดียว จากนั้นก็ถึงช่วงโชว์ของ Mild วงเจ้าของเพลงฮิตอย่าง เข้าใจแต่ทำไม่ได้, ผู้ป่วยความจำเสื่อม และ Unlovable ตามด้วย Ganesha วงเจ้าของรางวัลสีสันอวอร์ดหลายสาขาปีล่าสุด ปิดท้ายโชว์ด้วยสี่วงดนตรีหัวหอกจาก สมอลรูม ได้แก่ Lemon Soup, Lomosonic, Tattoo Colour และ The Richman Toy ขนเพลงฮิต เพลงเตือนใจ เพลงให้กำลังใจ มาพร้อมกับแรงกายแรงใจ ลีลาแบบแรงดีไม่มีตกแม้เข็มนาฬิกากำลังจะล่วงเข้าสู่วันใหม่แล้วก็ตาม
รัก ณ สยาม นับเป็นคอนเสิร์ตจุใจที่ทุกศิลปินล้วนมากันด้วยใจ ไม่ต่างจากเหล่าพิธีกรที่มาร่วมดำเนินการแสดงทุกคนตั้งแต่ ปาล์ม-อุ๋ย-คาฟ จาก Fat Radio, คมสัน นันทจิต, เอก-วิชัย จงประสิทธิ์พร, ไก่-สมพล ปิยะพงศ์สิริ, ตุ๊ยตุ่ย-พุทธชาด พงษ์สุชาติ และ เต็ด-ยุทธนา บุญอ้อม ไปจนถึงผู้กำกับที่ส่งผลงานหนังสั้นหลากอารมณ์มาร่วมโชว์บนจอยักษ์ของสกาล่า คือ โน้ต อุดม, บุ๊ค อลงกต, ป๊อป อารียา และ นก นิสา, โดนัท มนัสนันท์ และเพื่อนกลุ่ม Step-Daughter Production ที่แต่ละเรื่องล้วนนำเสนอ ภาพ มุมมอง แนวคิดที่สะกิดใจคนดู เรื่องเล่าจากโรงหนังของ ป๋าเต็ด ยุทธนา ภาพโรงหนังสยามในความทรงจำที่คนดูช่วยกันเขียนคำบรรยาย โปสการ์ดจากภาพถ่ายที่ช่างภาพอิสระร่วมกันส่งมา เรื่อยไปถึงการคุยเปิดใจกับตัวแทนเจ้าของร้านที่ถูกเพลิงไหม้ ที่ขาดไม่ได้คือ คุณนันทา ตันสัจจา แห่ง APEX เจ้าของโรงหนัง สยาม สกาล่า และ ลิโด้ ใส่เสื้อยืดสกรีนคำว่า ขอขอบคุณจากใจ ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณไว้อย่างไพเราะว่า ในยามหม่นหมอง ท่านได้จุดประกายแห่งความหวัง ในยามอ้างว้าง ท่านได้มาช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
ทางผู้จัดเองก็หวังว่าความตั้งใจดีและรู้สึกดีจากทุกคนที่มีส่วนร่วมกับคอนเสิร์ต รัก ณ สยาม ครั้งนี้ ที่สามารถรวบรายได้ทั้งจากการจำหน่ายบัตรเข้างาน, ซีดี, ของที่ระลึก, ดนตรีเปิดหมวก และกล่องรับบริจาคในงานนี้ทั้งหมด เป็นจำนวนเงินร่วมหนึ่งล้านห้าแสนบาท ซึ่งจะนำไปมอบให้กับร้านค้าทั้ง 110 ร้านค้าเล็กๆที่หายไปในกองเพลิง อีกทั้งความร่วมมือร่วมใจจากทุกฝ่าย....จะสามารถช่วยเยียวยา สร้างความหวัง และแรงบันดาลใจทั้งร้านค้าในสยาม คนสยาม และสยามประเทศได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
อัลบั้มภาพ 17 ภาพ