สิ้นลมหายใจเหลือไว้แต่ผลงาน รำลึกมรดกเพลงดัง สายัณห์ สัญญา | Sanook Music

สิ้นลมหายใจเหลือไว้แต่ผลงาน รำลึกมรดกเพลงดัง สายัณห์ สัญญา

สิ้นลมหายใจเหลือไว้แต่ผลงาน รำลึกมรดกเพลงดัง สายัณห์ สัญญา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สายัณห์ขายใจ ได้ยินไหม ไก่จ๋า วิวาห์สะอื้น ณ ห้องเบอร์ห้า สายัณห์ขอจูบลา ให้ติ๋มเยียวยารักษาแผลใจ

ลองคิดเล่นๆ ว่าหากเรานำชื่อเพลงหรือเนื้อร้องท่อนเอกในบทเพลงลูกทุ่งอมตะของ สายัณห์ สัญญา มาเล่นต่อเพลงก็น่าจะร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องราวได้หลายประโยค ขณะที่หลายคนเพียงแค่ได้ยินท่อนฮุคที่ติดหูดังแว่วมาก็เชื่อว่าน่าจะร้องคลอตามเพลงได้โดยไม่รู้ตัว ซึ่งก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ชื่อของ สายัณห์ สัญญา เป็นเสมือนสัญลักษณ์เหนือกาลเวลาของวงการเพลงลูกทุ่งในทุกยุคทุกสมัย

สายัณห์ สัญญา จากโลกนี้ไปเมื่อช่วงเที่ยงของวันนี้ (11 กันยายน) หลังจากต่อสู้กับอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับอ่อนระยะสุดท้าย เนื่องจากระบบการทำงานในร่างกายล้มเหลว สุดที่จะยื้อไว้ให้เขามีชีวิตอยู่จนพ้นวันที่ 14 กันยายน ซึ่งกำหนดให้เป็นวันแสดงคอนเสิร์ตอีกครั้งตามที่ได้ตั้งใจไว้

กระแสข่าวมากมายก็ตามติดออกมาไม่ขาดสาย เสียงวิจารณ์จากกรณีที่ สายัณห์ สัญญา เคยตกเป็นข่าวเมื่อครั้งที่กล่าวพาดพิงถึง ยอดรัก สลักใจ ในช่วงที่เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งตับก่อนจะเสียชีวิตเมื่อปี 2551 ถูกหยิบมาเป็นประเด็นให้ถกเถียงตามสื่อและสังคมออนไลน์ในช่วงแรกที่มีข่าวว่า สายัณห์ล้มป่วยด้วยโรคมะเร็งเช่นเดียวกับยอดรัก คู่ขนานไปกับกำลังใจจากแฟนเพลงที่หลั่งไหล ด้วยความหวังว่าจะเห็นสายัณห์หายป่วยและกลับมาแข็งแรง ขึ้นแสดงบนเวทีอีกสักครั้ง แต่ระหว่างทีสายัณห์ล้มป่วยและพยายามฝืนสังขารกลับมาแสดงคอนเสิร์ต ก็เกิดกระแสข่าวตามมาวันแล้ววันเล่า หลายคนไม่เห็นด้วยที่สายัณห์ฝืนคำสั่งหมอ ขอออกจากโรงพยาบาลเพื่อจะมาเล่นคอนเสิร์ตแต่ก็ถูกยกเลิกไปเมื่ออาการกำเริบก่อนขึ้นเวที กลายเป็นประเด็นที่หลายคนยอมรับว่า จากที่รู้สึกเห็นใจและสงสารตั้งแต่ต้น ก็เริ่มสับสนว่าทำไม คนป่วยหนักอย่างสายัณห์จึงต้องการรายได้จากการแสดงคอนเสิร์ตถึงขนาดนั้น

การฝืนคำสั่งหมอ ทำให้อาการของมะเร็งยิ่งทรุดหนัก กระทั่งวันที่ 9 สิงหาคม แพทย์ออกมาแถลงว่า สายัณห์อยู่ในภาวะวิกฤติ เริ่มไม่รู้สึกตัวและไม่ขับถ่าย ต้องดูอาการแบบวันต่อวัน และนั่นถือเป็นสัญญาณสุดท้ายก่อนที่ สายัณห์ สัญญา จะจากโลกนี้ไปด้วยวัย 60 ปี

เมื่อสิ้นลมหายใจ จึงเหลือไว้เพียงผลงานแต่หนหลัง ลองมา รื้อกรุเพลงเก่าของ สายัณห์ สัญญา กันดูว่า บทเพลงในยุครุ่งเรืองของเขาที่เราท่านคุ้นหูกันเป็นอย่างดี มีเพลงใดบ้างที่สร้างชื่อเสียงและยังเป็นที่จดจำ ซึ่งเราหยิบยกมาเพียงเสี้ยวเล็กๆ ของผลงานเพลงยอดนิยมทั้งหมดของเขา ตลอดระยะเวลากว่า 40 ปีที่ขับกล่อมผู้ฟัง ตั้งแต่ยุคที่ยังเป็นหนุ่มเสียงสูงกังวาน ผ่านมาจนถึงยุคแหบเสน่ห์

 รวมเพลงฮิต สายันห์ สัญญา

1. สายัณห์ขายใจ (2522)

"สายัณห์ขายใจใครจะซื้อ โปรดยื่นมือรับไว้จะได้ไหม ใครมีสตางค์แดงเดียวเอาไป ขอทุ่มใจขายให้อย่างเลหลัง"

ก่อนจะสร้างตำนานประโยคทองอมตะ "รักสายัณห์น้อยๆ แต่ขอให้รักนานๆ" สายัณห์มีบทเพลงออดอ้อนเว้าวอนแม่ยกแฟนเพลงอันเป็นเอกลักษณ์อยู่ไม่น้อย สายัณห์ขายใจ คือหนึ่งในบทเพลงนั้น เพลง สายัณห์ขายใจ ถือเป็นเพลงในยุคฟูเฟื่องของสายัณห์ สัญญา ยุคที่เรียกศรัทธาจากมหาชนจนทำให้มีตารางเดินสายชุกที่สุด

2. ไก่จ๋า

"ไก่จ๋า ได้ยินไหมว่าเสียงใคร มันเหมือนเสียงคนร้องไห้ แต่คล้ายชายเจ้าน้ำตา เสียงนี้คือเสียงคนปวดอุรา จึงร้องครวญหา ไก่จ๋าหลบหน้าไปไหน"

เพลงลูกทุ่งในอดีต หากเป็นเพลงรักเว้าวอน ออดอ้อน หรือตัดพ้อ เอกลักษณ์ที่ทำให้เนื้อร้องเป็นต่อก็คือการนำชื่อต่างๆ มาอ้างถึงในเชิงรำพัน ไก่จ๋า ก็เดินตามสูตรสำเร็จของเพลงลูกทุ่งติดตลาดในยุคนั้น เพลงนี้ผู้แต่งคำร้องคือ ปิยะ ตระกูลราษฎร์ อดีตดาราภาพยนตร์ผู้โด่งดังเมื่อกว่า 30 ปีก่อนและเป็นเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของ สายัณห์ สัญญา ด้วยเช่นกัน

3. กินอะไรถึงสวย

"กินอะไรเล่าเธอถึงได้งามแสนงาม งามล้ำเกินคน กินอะไรหน้ามนถึงได้งามแสนงาม งามเลิศวิไล ยามเมื่อเธอเมียงมองแล้วพี่ก็มองจ้องตา พี่ผวาใจลอย ใจพี่ลอยลางเลือนเหมือนดังคนละเมอ เผลอลืมหายใจ"

ครูชลธี ธารทอง ศิลปินแห่งชาติ เป็นผู้แต่งคำร้องในเพลงนี้ นำทำนองเพลงไทยเดิม ต้นวรเชษฐ์ มาประยุกต์ให้เข้ากับเครื่องดนตรีในวงลูกทุ่ง จนกลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงสร้างชื่อของสายัณห์ ความโด่งดังของเพลงนี้ถึงขนาดที่มีนักร้องลูกทุ่งรุ่นต่อมานำไปบันทึกเสียงออกอัลบั้มเดินตามความสำเร็จของสายัณห์อีกมากมาย อาทิ เช่น รุ่งเพชร แหลมสิงห์ ดอน สอนระเบียบ สุรชัย สมบัติเจริญ จนถึงลูกทุ่งสมัยใหม่อย่าง ก๊อต จักรพรรณ์ อาบครบุรี บทเพลงนี้มีเพลงแก้ที่แต่งให้นักร้องหญิงนำไปร้องแก้เป็นอันเอกลักษณ์ของแนวเพลงในยุคนั้นคือเพลง กินข้าวกับน้ำพริก ที่ต้นฉบับร้องไว้โดย ผ่องศรี วรนุช

4. ห้องนอนคนจน (2525)

"ห้องนอน ของคนจนๆ จะมีใครสน คนจนอย่างเรา มุ้งดำๆ หนำซ้ำก็เสื่อเก่าๆ สาวคนใด ที่ไหนจะสนใจเรา จึงต้องนอนหนาว ห้องเราไม่เอาไหน"

เพลงนี้แต่งเนื้อร้องโดย รุ่ง ทานตะวัน สร้างชื่อเสียงโด่งดังให้กับสายัณห์จนกระทั่งมีผลงานต่อยอดไปสู่งานภาพยนตร์เพลงเรื่อง นักร้องนักเลง ซึ่งสายัณห์แสดงร่วมกับนักร้องหญิงแถวหน้าของวงการเพลงไทย หนึ่งคือราชินีลูกทุ่ง พุ่มพวง ดวงจันทร์ และสองคือดาวรุ่งเสียงทองแห่งยุคนั้น นันทิดา แก้วบัวสาย ซึ่งก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง ในยุคที่ศิลปินนักร้องพาเหรดกันเล่นหนังภาพยนตร์เอาใจผู้ชม

5. คนอกหักพักบ้านนี้ (2522)

"อยากปักปัายแขวน ขึ้นแผ่นเท่าฝา ประกาศให้คนรู้ว่า บ้านนี้หนา มีชายอกหัก เผื่อมีสาวใด คนไหนโอนใจมอบรัก อ่านป้ายแล้วคงประจักษ์ ว่าคนอกหัก เกลียดนักคนลวง"

ครูเพลง ลพ บุรีรัตน์ คือผู้แต่งคำร้องในเพลงนี้ในยุคที่วงการเพลงลูกทุ่งกำลังเฟื่องฟูถึงขีดสุด ผลงานเพลงที่ ลพ บุรีรัตน์ แต่งไว้ในยุคนั้นยังรวมไปถึงผลงานของ ยอดรัก สลักใจ ศรเพชร ศรสุพรรณ และ ผ่องศรี วรนุช สร้างความสำเร็จและชื่อเสียงกันโดยถ้วนหน้า แต่หากจะหาเพลงฮิตติดหูของจริง ก็คงต้องยกเพลงนี้เข้าสู่ทำเนียบผลงานระดับทองของครูลพ บุรีรัตน์ เข้าไปด้วย

 

6. รักติ๋มคนเดียว

"ไม่เคยรักใครเท่าติ๋ม พี่รักติ๋มแทบบ้า ติ๋มเปรียบเสมือนดวงใจ ติ๋มนั้นดล้ายดวงตา สวรรค์ส่งมาประดับชีวี"

สมบูรณ์ สมพันธ์ หรือ ดอย อินทนนท์ ผู้แต่งคำร้องในเพลง รักติ๋มคนเดียว เคยให้สัมภาษณ์ถึงที่มาของเพลงนี้ว่า ติ๋ม ในบทเพลงนี้ มีตัวตนจริง และแต่งเพื่อรำลึกถึงอดีตรักเมื่อครั้งวัยหนุ่มกระทงของเขา ก่อนจะส่งผ่านมาให้สายัณห์เป็นผู้ถ่ายทอดบทเพลงจนโด่งดัง และหากคนรุ่นใหม่จะมองภาษาสละสลวยในเพลงนี้เป็นเรื่องขำขัน ก็ขอให้ระลึกไว้ว่าครั้งหนึ่ง โมเดิร์นด็อก ก็ยังเคยนำท่อนแรกของเพลงนี้ไปใส่ไว้ในเพลง ติ๋ม ในอัลบั้ม Cafe ผลงานชุดที่สองของพวกเขาจนฮอตฮิตเปรี้ยงปร้าง พิสูจน์ได้ดีในทุกครั้งที่โมเดิร์นด็อกมีคอนเสิร์ต เพลงนี้จัดว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงไฮไลท์ที่เล่นเมือ่ไหร่เป็นได้มีกระโดด นั่นคืออิทธิพลของบทเพลงที่เล่นได้ร่วมสมัยและอาศัยชั้นเชิงจนกลายเป็นอีกหนึ่งบทเพลงที่ไม่มีวันตาย ไม่ว่าจะเป็นในต้นฉบับหรือนำมาทำใหม่ก็ตาม

พลิกปูมประวัติ สายัณห์ สัญญา

สายัณห์ สัญญา มีชื่อจริงเดิมว่า สายัณห์ ดีเสมอ มีชื่อเล่นว่า "เป้า" เกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2496 ที่ ต. ป่าสะแก อ.เดิมบางนางบวช จ. สุพรรณบุรี สายัณห์เกิดในครอบครัวชาวนา จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนวัดป่าสะแกก่อนจะออกจากโรงเรียนมาช่วยพ่อแม่ทำนา

สายัณห์ชอบการร้องเพลงลูกทุ่งมาตั้งแต่เด็ก เคยประกวดร้องเพลงมามากมาย ต่อมาเขาไปสมัครเป็นนักร้องอยู่วงดนตรีเทียนชัย สมยาประเสริฐ (สามี ผ่องศรี วรนุช) แต่ยังไม่ได้ออกหน้าเวที จากนั้นได้ย้ายไปอยู่กับวงดนตรีผ่องศรี วรนุช (ซึ่งแยกตัวออกมาจากเทียนชัย) ตามคำชักชวนของ ราเชนทร์ เรืองเนตร ที่นี่สายัณห์เริ่มออกเวทีในฐานะหางเครื่อง ต่อมาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงด้วย ช่วงนี้เขาร้องเพลงแนว ศรคีรี ศรีประจวบ เป็นหลัก สายัณห์อยู่ที่นี่ได้ 3 ปีวงก็ยุบ จากนั้นว่าที่นักร้องดังแห่งยุค ก็ไปอยู่กับวงดนตรีอีกมากมายหลายวง อย่าง "รวมดาวกระจาย" ของครูสำเนียง ม่วงทอง, บรรจบ เจริญพร, ก้าน แก้วสุพรรณ และชินกร ไกรลาศ โดยในยุคนี้ สายัณห์ ใช้ชื่อว่า "กัมชัย ลูกราษฎร์บำรุง" ต่อมาสายัณห์มาอยู่กับวง "รวมพร" ของคุณเล็ก และคุณน้อยศรี อิงคะนันท์ และได้รับการสนับสนุนจากคนทั้งสองให้บันทึกเสียงเป็นครั้งแรก คือ "รักเธอเท่าฟ้า" ของครูฉลอง การะเกต ซึ่งทำให้เขาพอจะเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงอยู่บ้าง

วันหนึ่งขณะที่สายัณห์ ช่วยงานล้างรถอยู่ที่ปั๊มน้ำมัน ชลธี ธารทอง ครูเพลงชื่อดังที่ตอนนั้นยังเป็นนักร้องและนักแต่งเพลงที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง และตัดสินใจจะกลับไปใช้ชีวิตชาวไร่ที่บ้านนอกเพราะไม่ประสบความสำเร็จในวงการเพลง ได้แวะมาเข้าห้องน้ำที่ปั้มแห่งนี้ และได้ยินสายัณห์ร้องเพลงของศรคีรีได้ถูกใจ หลังได้คุยกัน สายัณห์บอกว่าเขาอยากเป็นนักร้อง และมีนายทุนซึ่งก็คือเจ้าของปั้ม ชลธี จึงมอบเพลง "ลูกสาวผู้การ" และ "แหม่มปลาร้า" ให้สายัณห์ฟรีๆ  โดยเดิมที 2 เพลงนี้ชลธีกะแต่งให้ศรคีรี แต่ศรคีรีโชคร้ายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิตไปก่อน และ 2 เพลงนี้นี่เองที่ทำให้สายัณห์ได้แจ้งเกิดในวงการเต็มตัว และนำหนุ่มชาวไร่ข้าวโพดอย่างชลธี ธารทองกลับมาโลดแล่นในวงการลูกทุ่งเมืองไทย หลังจาก 2 เพลงแรกโด่งดัง ก็ทำให้แพลงแรกของสายัณห์อย่าง "รักเธอเท่าฟ้า" โด่งดังตามไปด้วย จนกระทั่งปี 2516 มีการตั้งวงดนตรีสายัณห์ สัญญา และ นับตั้งแต่นั้น สายัณห์ ก็ผลิตผลงานออกมาประดับวงการลูกทุ่งเมืองไทยมากมาย (ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย)

ในยุคก่อตั้งวงดนตรีใหม่ๆ ทางวงต้องเผชิญกับอุปสรรคมากมายหลากหลายเหตุผล ก่อนจะก็โชคดีมีเพลงเด่นส่งให้ดังอีกถึง 2 เพลง คือเพลง สัญญา 5 ปี และเพลง ลารักจากสวนแตง แต่เหมือนโชคชะตาจะยังคงถูกกลั่นแกล้ง เพราะมีวงดนตรี สัญญา สายัณห์ เกิดขึ้นมาเป็นคู่แข่งด้วย วงดนตรีสองวงชื่อละม้ายคล้ายคลึงกันจนแยกแทบไม่ออกว่าใครเป็นใคร แถมเสียงร้องก็เกือบจะเหมือนกันอีก สายัณห์ตัดสินใจว่าถ้าขืนปล่อยไปอย่างนี้ ยิ่งเวลาเนิ่นนานไปความเสียหายก็จะเกิดขึ้น ดีไม่ดีอาจจะถึงขั้นล้มวง ในที่สุดสายัณห์ก็ตัดสินใจเข้าหาผู้ใหญ่ เพื่อให้ท่านเปลี่ยนชื่อวงจาก สัญญา สายัณห์ เป็น สัญญา พรนารายณ์ ต่างคนต่างทำมาหากินกันไปไม่สับสนเหมือนตอนแรก

ช่วงระยะปีที่สองของวงดนตรีสายัณห์ สัญญา เริ่มมีเพลงดังต่อเนื่อง ค่าตัวก็ขยับขึ้นจาก 8,000 บาท เป็น 12,000 บาท ต่อมา สมชาย ทองขาว นักเขียนหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่และโปรโมเตอร์งานเดินสายที่ได้ชื่อว่าทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงลูกทุ่ง ได้ก้าวเข้ามาดูแลบุ๊คการแสดงให้ จากค่าตัววง 12,000 บาท ก็ขยับขึ้นไปเป็น 20,000 บาท วงดนตรีสายัณห์ สัญญา ประสบความสำเร็จอย่างสูงเมื่อเข้าสู่ปีที่สามส่งให้ สายัณห์ สัญญา เป็นขวัญใจแฟนเพลงตัวจริงนับจากนั้นเป็นต้นมา

ในยุคที่เด่นดังของ สายัณห์ สัญญา น่าจะอยู่ในช่วงปี 2516 เป็นต้นมา จากนั้นมาเพลงของสายัณห์แทบทุกชุดก็ได้รับการต้อนรับจากแฟนเพลง ด้วยน้ำเสียงและลูกเอื้อนที่เป็นเอกลักษณ์ในลีลาลูกทุ่ง เสียงออกทางนาสิก ร้องเสียงสูงได้ดี ก่อนจะกลายมาเป็นแหบมหาเสน่ห์ในเวลาต่อมา แม้น้ำเสียงจะไม่ไพเราะดังเก่า แต่ทว่า ยุคทองของสายัณห์ สัญญา ได้รุ่งโรจน์ขึ้นจากจุดนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook