ตู่ ภพธร : เรียกเขาว่าความโรแมนติก | Sanook Music

ตู่ ภพธร : เรียกเขาว่าความโรแมนติก

ตู่ ภพธร : เรียกเขาว่าความโรแมนติก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตู่ ภพธร

 

ใครๆ ก็มองว่าเขาเป็นหนุ่มมาดเท่ห์ขวัญใจสาวๆ เป็นหนุ่มเสียงดีที่ร้องเพลงได้หลากหลาย และเป็นหนุ่มสมัยใหม่ที่มีความสามารถในด้านอื่นๆ อย่างล้นเหลือ แต่บทบาทหลักของเขาที่ภูมิใจนำเสนอและมีความสุขที่ได้ทำไม่ว่าเวลาไหน คงเป็นสิ่งใดไปไม่ได้ นอกจากการร้องเพลง ร้องเพลง และ ร้องเพลง

ปลายปีที่แล้ว (2012) ซิงเกิ้ล พูดทำไม กลายเป็นความสำเร็จอีกก้าวหนึ่งของเขา เมื่อพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าเขาไม่ใช่แค่นักร้องที่จับไมค์ได้-ร้องเพลงเป็น เพียงอย่างเดียว เขาเขียนเนื้อร้อง ทำทำนองเพลงเอง และโปรดิวซ์เพลงเอง และแน่นอน ร้องเอง

แล้วความสำเร็จจะไปไหนเสีย...

ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ ในวันนี้ถือว่าเข้าเป็นอีกหนึ่งศิลปินของค่าย Loveis ที่สะสมชั่วโมงบินไว้พอตัว แรกที่เห็นเมื่อปี 2008 เขามาพร้อมแว่นกรอบเหลี่ยม ดูมาดนิ่ง แถมเพลงแจ้งเกิดอย่าง โปรดอย่ามาสงสาร ยังตอกย้ำภาพผู้ชายจริงจังของตู่จนดูยากจะแตะต้อง จนกระทั่งปีที่แล้ว ลุคที่เปลี่ยนไป ดูสบายๆ ยิ้มง่าย อารมณ์ดี บวกกับเพลงของเขาก็มีสีสันของจังหวะสนุกๆ แทรกเข้ามามากขึ้น ก็ทำให้เขาดูเป็นกันเองผิดกับช่วงแรกที่ก้าวเข้ามาในวงการเพลง

แต่เขาบอกว่า ตู่ที่คุณเห็นอย่างทุกวันนี้นี่แหละ คือตัวตนของเขาจริงๆ

"ดีใจที่คนเริ่มชินกับเราในภาพใส่แว่นแล้วทำหน้ากวนๆ จากปกติที่จะทำมาดค่อนข้างนิ่งและขรึม ผมรู้สึกเบื่อแล้ว เบื่อที่จะทำหน้าเข้ม พยายามเก๊กหน้าหล่ออยู่ตลอดเวลา ผมว่าอย่างนี้มันสนุกกว่าและเหมาะกับเพลงของเราด้วย คือเพลงอื่นก็อาจจะเป็นอีกลุคหนึ่งหรืออะไรก็ตามแต่ แต่ถ้าเราจะนำเสนออารมณ์เพลงสนุกๆ ทั้งการแสดงบนเวทีและลูกเล่นอื่นๆ มันจะดีกว่ามากถ้าปล่อยให้ทุกสิ่งทุกอย่างมันพาไป มันก็เลยออกไปในทางสนุกสนานมากกว่าที่จะนั่งเก๊กขรึมเหมือนเดิม"

แนวเพลงของตู่ชัดเจนมากในการร้องสไตล์ อาร์แอนด์บี จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม มันก็ทำให้เขาถูกมองว่าเป็นเจ้าของบทเพลงโรแมนติกแห่งยุคนี้

"มันเหมือนเราได้ค้นพบตัวเอง ผมก็เหมือนเด็กวัยรุ่นที่นั่น (ตู่ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่สหรัฐอเมริกา) ฟังแร็ป ฟังฮิปฮอป ปรากฏว่าฟังไปฟังมาเราก็เริ่มรู้สึกว่า เราชอบฟังเพลงแร็พที่มีท่อนฮุคเป็นอาร์แอนด์บีมาก แล้วก็พยายามร้องตามอยู่บ่อยๆ และเริ่มไปหาเพลงของศิลปินเหล่านั้นที่ไปฟีจเจอริ่งในเพลงแร็พพวกนั้นมาฟัง แล้วพอฟังเยอะขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มไปหาของเก่ามาฟัง และเริ่มที่จะฟังลึกลงไปเรื่อยๆ ทำให้ผมติดใจในเพลงแนวนี้ และลองที่จะร้องดูบ้าง ซึ่งปรากฏว่าเราก็ทำได้เหมือนกัน มันเหมือนกับการเปิดประตูบานใหม่ขึ้นมาให้เรา แล้วก็เข้าไปอยู่ตรงนั้นอย่างเต็มตัว และค่อยๆ ตกหลุมรักมันมากขึ้นในที่สุด"

การตกหลุมรักนำมาซึ่งเพลงเพราะๆ ภายใต้ชายคา Loveis กับการทำงานร่วมกับ บอย โกสิยพงษ์ และศิลปินในค่ายที่ผลัดเปลี่ยนกันเข้ามาแจมเพิ่มความท้าทาย หากผลลัพธ์ที่เกิดจากความรักของเขาคือบทเพลง วันนี้ ก็ต้องถือว่ามันกำลังงอกงามสมบูรณ์ดี

"การที่รู้ว่าตัวเองมาตลอดว่าชอบอะไร ไม่ชอบอะไร มันก็มีข้อดีของมันครับ มันทำให้เราเลือกทางเดินของเราเองตลอด และทำให้เรามีความมั่นใจว่า เราต้องการอะไร จริงๆ ในทุกอย่างเลยนะ บางทีผมยังรู้สึกว่า ในบางเรื่องผมอาจจะมีความไม่แน่วแน่บ้างในเวลาที่ต้องตัดสินใจ แต่ว่าเรื่องดนตรีหรือการร้องเพลงนี่ไม่เคยเลย ไม่เคยสงสัยในสิ่งตัวเองทำเลย เพราะการร้องเพลงถือเป็นความสุขสำหรับผม

การที่ได้ขึ้นไปอยู่บนเวที ทำในสิ่งที่เรารัก และทำให้คนอื่นมีความสุข ผมไม่เรียกสิ่งเหล่านั้นว่างาน แต่ผมเรียกมันว่า ความสุข"

 

ตู่ ภพธร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook