หนุ่ย อำพล กับ 30 ปีตำนานร็อคมือขวา
หากเมื่อ 30 ปีก่อน มีใครบอกว่า ผู้ชายคนนี้จะยืนหยัดอยู่ในวงการเพลงที่เขารักไปอีกเป็นสิบๆ ปี คงมีหลายคนที่แอบหวังให้เป็นเช่นนั้น เพราะความสำเร็จของผู้ชายคนนี้ในยุคที่รุ่งเรืองถึงขีดสุดของเขาก็จัดได้ว่าเป็นเบอร์ 1 ของวงการในสายร็อค ไม่ว่าจะเป็นผลงานร่วมกับผองเพื่อนในวง ไมโคร หรือผันตัวมาเป็นศิลปินเดี่ยว อัลบั้มเดี่ยวทั้งสองชุดของเขาก็ไปได้สวย เรายังไม่นับผลงานการแสดงที่เขาเคยสร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้ "อิน" กับหลายบทบาทที่เขาได้รับ จนกระทั่งจู่ๆ เขาก็เริ่มขยับออกห่างจากการทำผลงานเพลง หลายปีที่เขาไม่มีผลงานใหม่ๆ ออกมาให้ได้ฟังหรือติดตามชม แม้จะยังมีคอนเสิร์ตให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้หายคิดถึง
เราอยู่กับเขา หนุ่ย อำพล ลำพูน ที่กลับมาอีกครั้งพร้อมกับความเป็น ตำนานร็อคมือขวา สิ่งที่ห่างหายไปและกลับมา คือความคิดถึงของแฟนเพลงในกลุ่มที่เคยติดตามอย่างเหนียวแน่น ยิ่งเมื่อมีคอนเสิร์ต มือขวาสามัคคี รียูเนี่ยน ออกมาตอกย้ำ ความผูกพันและความทรงจำที่เคยมีร่วมกันกับบทเพลงและบรรยากาศเก่าๆ ก็ช่วยยืนยันได้ว่า ผู้ชายคนนี้ เป็นตำนานไปแล้วจริงๆ
เมื่อ 23 ปีที่แล้ว สร้างตำนานคอนเสิร์ต "มือขวาฯ" ไว้ ปีนี้กลับมาอีกครั้งเป็นอย่างไรบ้าง
"สำหรับการกลับมาครั้งนี้ คำว่ารียูเนียนไม่ได้หมายถึงพวกเราศิลปิน แต่หมายถึง รียูเนียนแฟนๆ ของพวกเรามากกว่า เพราะในยุคมือขวาสามัคคี มันมีทั้งแฟนๆ ของพวกเรา ของนูโว "บิลลี่ โอแกน" "ใหม่ เจริญปุระ" "พี่แหวน" ฐิติมา สุตสุนทร เป็นการรียูเนียนคนดู แฟนเพลงของกลุ่มพวกเรา ไมโครเป็นหนึ่งในนั้น และครั้งนี้จะมีคนรุ่นใหม่เข้ามาดูด้วย"
รู้สึกอย่างไรที่ "มือขวา" กลายเป็น "ตำนาน" ไปแล้ว
"ดีใจที่มือขวาเป็นตำนาน ที่มีลมหายใจ และมีลมหายใจใหม่ๆ เกิดขึ้นมาด้วย เรารู้สึกว่าต้องกลับมาอีกครั้ง คือเราไปทัวร์ทั่วประเทศได้สัมผัสมือขวาใหม่ๆ หรือว่าที่เราเคยเจอเพื่อนร่วมรุ่น เขาบอกว่าวันนั้นผมอยู่ข้างลำโพงเลย พอไปเจอที่อุตรดิตถ์ สุโขทัย เขาบอกว่าสักวันเราจะกลับไปเจอกันในบรรยากาศแบบนั้นอีกสักครั้งจะได้ไหม เขาบอกว่าถ้าพี่จัดเมื่อไหร่ ผมมาทันที นี่คือความเป็นคนรุ่นเดียวกัน ที่เราเดินมาพร้อมๆ กัน รู้สึกว่ามันต้องมีวันนี้ วันนี้ผมหวังว่ารียูเนียนครั้งนี้ คือการกลับมาของมือขวาทุกคน ไม่ใช่ควงไมโคร เอามือขวากลับมาแสดงพลังด้วยกันอีกครั้ง"
เล่าถึงความประทับใจ ในคอนเสิร์ต "มือขวา" เมื่อ 23 ปีที่แล้ว ที่ยังอยู่ในความทรงจำให้ฟังหน่อย
"ผ่านไป 23 ปีแล้ว แต่คอนเสิร์ตนั้น ยังอยู่ในความทรงจำของผมตลอดเวลา เป็นคอนเสิร์ตที่คนยังพูดถึงอยู่จนทุกวันนี้ ผมยังจำภาพคอนเสิร์ตมือขวาสามัคคีครั้งแรกได้ ตอนนั้นคนเยอะมาก สนุกมาก เป็นอะไรที่ไม่นึกว่า คนจะมาเยอะขนาดนี้ ที่ประทับใจคือเวลาที่คนยกมือขวาพร้อมกันเยอะๆ มันดูมีพลังมาก มีพลังทั้งคนดู คนเล่น ตื่นเต้นมาก พวกเราไมโครใส่กันเต็มที่ เป็นงานที่เราร็อกกันสุดตัวจริงๆ เป็นช่วงของวัยรุ่น ที่เราจัดเต็ม แจ็กเก็ต เสื้อผ้า ทุกอย่าง ร้อนยังไงก็ใส่กันเต็มที่ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมยังประทับใจมาจนทุกวันนี้"
ตอนนี้ "มือขวา" เหมือนจะเป็นสัญลักษณ์ของ "ไมโคร" ไปแล้ว
"สำหรับผม ผมดีใจนะที่เวลาไปเล่นคอนเสิร์ตแล้ว แฟนๆ ยกมือขวาขึ้นมา เขาอยู่กับเพลงของเรา อยู่กับเรา เราสื่อสารกันได้ ซึ่งพลังมือขวาส่วนใหญ่ก็จะอยู่ข้างล่าง คือคนดูนับพันนับหมื่น ซึ่งบนเวทีมีกันอยู่แค่ 4-5 คนเอง เวลาคนยกมือขวาเรายังตกใจและประทับใจ ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกจริงๆ เราอยากให้คนมาสนุก ก็เลยเป็นความทรงจำที่ดี และตั้งแต่วันนั้นมา เวลาไมโครไปเล่นคอนเสิร์ต ไม่เคยมีคำว่าคนน้อย มีคนมากมายมาดูเราอยู่ตลอด"
ชีวิตตลอดเวลา 30 ปีที่อยู่ในวงการบันเทิงมาของ "หนุ่ย" อำพล เป็นอย่างไรบ้าง
"30 ปีที่อยู่วงการมา ผมว่าผมเห็นอะไรมาเยอะ และได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มาเยอะเหมือนกัน แต่ส่วนใหญ่สิ่งที่เราได้พบ ได้เห็น ได้เรียนรู้ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์กับเราทั้งนั้นเลย เพราะในตอนที่เราเข้าวงการมา เราเป็นแค่นักเรียน พอเราเข้ามาในวงการ ทำให้เราขาดชีวิตช่วงกลางวัยรุ่นไป จากนักเรียน เราก็เริ่มเป็นคนทำงานเลย ด้วยวัยที่ยังไม่โตมากในเวลานั้นด้วย พอเราเข้ามาทำงานตอนที่เรายังอยู่ในวัยที่ไม่โตมาก เราก้าวมาเป็นคนทำงานปุ๊บ เราก็ไปเบี้ยวเขาบ้าง ขาดวินัยไปบ้าง เรื่องของการรักษาเวลา ความรับผิดชอบอะไรต่างๆ ก็ยังไม่มี ในตอนนั้นเราค่อนข้างมีเป๋บ้าง แต่ก็ได้เรียนรู้"
มีข้อคิดที่ทำให้อยู่ในวงการนี้มาได้อย่างยาวนานบ้างไหม
"30 ปีที่ผ่านมาเรารู้เลยว่าถ้าจะยืนอยู่ในวงการนี้จริงๆ ต้องมีองค์ประกอบ 2-3 ข้อหลักๆ ที่ผมใช้มาจนถึงปัจจุบัน อย่างแรกที่สำคัญมาก คือเรื่องของการรักษาเวลา การรับผิดชอบงาน และการทุ่มเท ไม่ว่าจะทำงานอะไรก็ตามในวงการบันเทิง ทั้งนักแสดง นักร้อง ทีมเบื้องหลัง ทีมเบื้องหน้า ทั้งหมดต้องมี 3 ข้อนี้ หรือถ้ามีข้อ 4 ข้อ 5 ได้ยิ่งดี อย่างมีน้ำใจ มีความฝัน มีความพยายาม การทำงานในวงการนี้ เป็นการทำงานเป็นกลุ่ม เป็นทีม ถ้าเราไม่มีองค์ประกอบ 3 ข้อที่บอกไป อย่างเรื่องของการรักษาเวลา ถ้าเราขาดตรงนี้ เราก็จะเป็นภาระของคนอื่นๆ ในทีม สมมุติว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ มีทีมงาน 50 คน แบ่งเป็น 5-7 หน่วย แล้วหน่วยใดหน่วยหนึ่งไม่รักษาเวลา งานที่ออกมาก็จะไม่ค่อยดีแล้ว อย่างนัดกอง 6 โมงเช้ากันหมดทุกคน แต่เรามาสาย 5 นาที คนทั้งกอง 7 หน่วยรอเรา เท่ากับว่าหนึ่งหน่วยเสียเวลาไปแล้ว 5 นาที แล้วทั้งหมด 7 หน่วยก็เสียเวลาไป 35 นาที ซึ่งถ้าหากว่าสายเป็นชั่วโมง สองชั่วโมงทั้งกองจะเสียเวลาเท่าไหร่ การทำงานก็ล่าช้าไปอีก ซึ่งมันไม่ใช่ การทำงานกับคนส่วนมาก เรื่องเวลาสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้นถ้าจะอยู่ในวงการนี้ให้นาน ต้องเริ่มต้นจากตรงนี้ก่อน"
งานในวงการนี้ทำมาหมดทุกอย่างหรือยัง
"แทบหมดทุกอย่างแล้ว เหลือแค่ละครเวที ซึ่งยากสุด แล้วเราเองก็อยากนะ เรารู้สึกว่ามันเป็นศาสตร์ที่ยาก สำหรับผมรู้สึกว่าละครเวทีเป็นอะไรที่ยากสุดแล้ว ในใจถึงจะอยากเล่น แต่ด้วยเวลาของเรามันไม่ได้ เพราะตลอดเวลาไมโครทำงานไม่ได้หยุดอยู่แล้ว"
30 ปีกับการถูกเรียกว่าเป็น "ตำนาน" มันทำให้การใช้ชีวิตมันยากหรือง่ายขึ้นไหม
"เราไม่ได้รู้สึกว่ามันยากหรือง่ายขึ้น เรารู้สึกว่าเราใช้ชีวิตปกติ เพราะสำหรับการที่ถูกเรียกหรือมีคนจับให้เราเป็น "ตำนาน" มันเป็นเรื่องของการสร้างของหน่วย อย่างบริษัทเพลง หรือบริษัทแม่ อย่างคนดู หรือแฟนเพลงแฟนละคร แต่สำหรับตัวเราเอง เราไม่ได้รู้สึกว่าเราเป็น "ตำนาน" แต่เราก็ต้องยอมรับว่า เวลามีคนเรียกเราเป็นตำนาน เราก็แอบยิ้มๆ ดีใจ แต่ในใจเรารู้ว่าเราไม่ใช่ เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้ว่าเราเป็นอะไร ถามว่ามันมีความกดดันในสิ่งนี้ไหม เราบอกเลยว่าเราไม่กดดัน แต่การที่เราถูกยกย่องแบบนี้ มันยิ่งทำให้เราต้องยิ่งตั้งใจ"
การทำงาน 30 ปีที่ผ่านมา อะไรที่เป็นสิ่งที่ภูมิใจมากที่สุด
"ผมว่าเป็นเรื่องศรัทธาของคน เพราะมันเป็นสิ่งที่ซื้อไม่ได้ ไม่ว่าจะมีเงินมหาศาลแค่ไหน แต่มันไม่สามารถซื้อสิ่งนี้จากคนได้ และมันไม่มีสูตรสำเร็จว่าต้องทำแบบนั้น หรือแบบนี้ถึงจะมีคนศรัทธา สิ่งที่เราทำได้คือเราต้องจริงจัง จริงใจ ต้องทุ่มเทให้เขา เพราะเมื่อเขาศรัทธาแล้ว อะไรก็แกะออกไม่ได้ แล้วสิ่งนี้แหละ ที่เป็นแรงผลักดันให้เราต้องพยายามให้มากขึ้นไปอีก พยายามเพื่อความศรัทธาของเขา เพื่อให้เขาไม่ผิดหวังในตัวเรา ตลอดเวลาที่ผ่านมา วงไมโครมีงานโชว์อย่างต่อเนื่องมาตลอด แต่ผมไม่มีงานการแสดงมาเป็น 10 ปี คือการแสดงครั้งสุดท้ายคือหนังเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว หลังจากนั้นไม่ได้รับงานหนัง งานละครมาตลอด ออกสื่อก็ไม่ได้เยอะมาก แต่ทุกคนยังเชื่อมั่น และพร้อมสนับสนุนเราเสมอ เวลาไมโครไปเล่นคอนเสิร์ตที่ไหน บอกเลยว่าไม่มีคำว่าคนน้อย ไปเล่นตามผับ ขึ้นเล่น 5 ทุ่มเที่ยงคืน แต่มีคนมารอเราตั้งแต่ทุ่มหนึ่ง ยอมเสียตังค์มาเพื่อดูเรา ซึ่งถ้าเขาไม่รัก ไม่ศรัทธาในเรา เขาไม่ทำแบบนี้หรอก สิ่งนี้คือเหตุผลที่เราต้องรู้จักตัวเอง ต้องรู้จักวินัย ต้องมีความรับผิดชอบ เพื่อพวกเขาที่สนับสนุนเรามาตลอด 30 ปี"