วีรกรรมมารยาทสื่อที่ "ดื้อ" จนศิลปิน "เดือด"

จัสติน บีเบอร์

เสียงสะใจของชาวเน็ตและผู้ติดตามข่าวกรณีที่ จัสติน บีเบอร์ ปัดไมค์ผู้สื่อข่าวจากสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่เจ้าหนึ่งของไทยที่แทรกตัวไปปักหลักในกลุ่มแฟนคลับเพื่อหวังจะสัมภาษณ์นักร้องคนดังแบบเอ็กซ์คลูซีฟกว่าใคร (คลิ้กเพื่ออ่านข่าวและชมคลิป) กลายเป็นสิ่งสะท้อนว่าบทบาทการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยในปัจจุบันนั้น ล้ำเส้นเกินกว่าคำว่า "หน้าที่สื่อมวลชน" ไปไกลโข เห็นได้จากหลากหลายคอมเมนท์ที่แสดงความสะใจ สมน้ำหน้า ไปจนถึงขั้นตำหนิติติงอย่างรุนแรงว่า "ไร้มารยาท" และขาดความเป็น "มืออาชีพ"

การทำงานแบบไทยๆ ของสื่อมวลชนในปัจจุบัน ถูกมองว่า ใครทำข่าวเจาะลึกกว่าสำนักอื่นคือความเหนือชั้น หลายครั้งที่ล้ำเส้นเกินเลยไปถึงเรื่องส่วนตัวลับสุดยอดของศิลปิน และปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางครั้ง แม้แต่การ "เต้าข่าว" ให้ดูหวือหวาน่าสนใจ โดยไม่แคร์ว่าจะมีข้อเท็จจริงหรือไม่ ก็เริ่มจะทำกันบ่อยขึ้น เมื่อรวมกับแหล่งข่าวบ้านเราที่มักไม่ค่อยมีปากเสียงกับสื่อเพราะอ้างง่ายๆ ว่า "ไม่อยากมีปัญหา" ก็ยิ่งเข้าทางสื่อ

ทว่าหลายครั้ง สื่อก็ทำตัวให้กลายเป็นข่าวซะเอง อันเนื่องมาจากความล้ำเส้นอย่างที่กล่าวไว้ บางคนแค่โดนปฏิเสธ ชักสีหน้า แต่บางคนถึงขั้นเลือดตกยางออก เหล่านี้เป็นบทเรียนที่สื่อผู้ไร้มารยาทล้วนเคยประสบมาแล้วทั้งสิ้น

บียอร์ก (Bjork) ฟิวส์ขาด ตบตีทำร้ายร่างกายสื่อไทยกลางสนามบินดอนเมือง

วีรกรรมที่ถือว่าเป็นผลงานระดับ "คลาสสิค" ของสื่อมวลชนจากไทย ต้องยกให้เรื่องนี้เป็นที่หนึ่ง ซึ่งก็ยังถูกหยิบยกมาเป็นตัวอย่างหลายครั้งผ่านความคิดเห็นจากทั่วโลก เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่สนามบินดอนเมืองเมื่อปี 2539 เมื่อนักร้องสาวอินดี้ชาวไอซ์แลนด์เดินทางมาเปิดคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย แต่ในระหว่างการเดินทางครั้งนั้นเธอมาถึงประเทศไทยล่วงหน้าเป็นการส่วนตัวกับครอบครัว โดยไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ขณะที่กล้องถ่ายภาพหลายตัวกำลังจับจ้อง จู่ๆ นักร้องสาวก็เกิดอาการตบะแตก! หลุดเข้าไปทำร้ายสื่อมวลชนรายหนึ่งของไทยที่ถือไมโครโฟนดักรออยู่ข้างๆ สร้างความตกใจแก่บรรดากองทัพสื่อ เจ้าหน้าที่ และผู้โดยสารคนอื่นๆ ในสนามบินดอนเมืองอีกเป็นจำนวนมาก

บริทนีย์ สเปียร์ส

บริทนีย์ สเปียร์ส : บู๊นักข่าวจนเป็นเรื่องปกติ

เพราะเคยเป็นที่รักของนักข่าวมากมาย แต่เมื่อ บริทนีย์ สเปียร์ส ต้องการเวลาส่วนตัวบ้าง ระดับความอดทนของสาวคนนี้ต้องถือว่า เริ่มจาก 0 ไปจนถึงจุดที่เดือดสุดๆ กระทั่งแตกหักกับสื่อในช่วงที่เธอมีปัญหาชีวิตอย่างรุนแรง เช่นครั้งหนึ่งที่เธอฉุนจัดคว้าร่มลงจากรถ SUV ลงมาสู้กับปาปาราซซีที่ก่อกวนไม่เลิก แต่จะว่าไปเธอคือศิลปินที่น่าสงสาร เพราะจนถึงทุกวันนี้ เธอยังคงถูกสื่อตามขุดคุ้ยอยากรู้เรื่องราวชีวิตส่วนตัว ไม่นับบรรดาปาปาราซซี่ที่ซ่อกแซ่กแบกกล้องไปเก็บภาพของเธอที่เห็นแล้วชวนให้หดหู่ 

โคลด์เพลย์

เมื่อ คริส มาร์ติน "เย็น" ไม่อยู่

โคลด์เพลย์อาจมีเอกลักษณ์ตรงที่เป็นวงซึ่งชอบสร้างโลกสวยด้วยเสียงเพลง แต่บทจะไม่ "โลกสวย" ใครก็ช่วยไม่ได้ นักร้องคุณพ่อลูกสองมีวิธีจัดการกับสื่อมารยาทแย่ด้วยการรอให้ช่างภาพจอมจุ้นที่ติดตามระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตที่ประเทศออสเตรเลียเมื่อปี 2003 นั้นเสร็จภารกิจด้วยวิธี "เอาคืน" ที่ต้องอ้าปากค้าง เพราะเขาใจเย็นพอที่จะรอให้ช่างภาพเสร็จงานเพื่อมาเจอกับรถส่วนตัวที่ถูกทุบกระจกจนแหลกแถมยังโดนเจาะยางให้แตกซ้ำ แน่นอนว่า คริส มาร์ติน ถูกเจ้าหน้าที่ของออสเตรเลียดำเนินคดีในข้อหาทำลายทรัพย์สิน แต่ที่ฟินกว่านั้นคือ เขาถูกตัดสินให้พ้นผิดในทุกกรณีก่อนเดินทางกลับ!

คานเย เวสท์ "ผมอาจไม่ร้ายถ้าไม่เจอนักข่าว"

เราก็ไม่เข้าใจทำไมนักข่าวและปาปาราซซีชอบนักที่จะไปคอยดักทำข่าวศิลปินที่สนามบิน ซึ่งส่วนใหญ่ก็มักจะเจอดีคาสนามบินแทบทุกครั้ง แม้แต่แร็พจอมฉาวอย่าง คานเย เวสท์ ก็ยังไม่รอด

เหตุเกิดที่สนามบินลอส แองเจลิส เมื่อมีกลุ่มช่างภาพมาดักรอ คานเย จนทนไม่ไหวสวมบทโหดกระชากกล้องนักข่าวทุ่มลงกับพื้นอย่างเต็มแรงพร้อมแจกอาวุธอีกชุดย่อมๆ ไปยังตากล้องดวงซวย คานเยถูกจับกุมทันที และจากเหตุการณ์นี้ก็ทำให้เขาต้องขึ้นศาลลอสแองเจลิสเพื่อสู้คดีเป็นว่าเล่น

อาวริล ลาวีญ

อาวริล ลาวีญ สั่งสอนแบบชาวพังค์

เธอคือสาวพังค์ที่ถูกสร้างให้มีลุคขี้วีนติดตัวซึ่งอาจจะขัดแย้งกับตัวจริงของเธอออยู่สักหน่อย แต่เมื่อถูกก่อกวนจากปาปาราสซีอยู่บ่อยๆ แม้แต่ในขณะที่ขึ้นรถส่วนตัวกับอดีตสามี แม่สาวพังค์คนนี้ก็เลยต้องหาวิธีสั่งสอนแบบมีสไตล์ ด้วยการถ่มน้ำลายใส่หน้าซะให้รู้แล้วรู้รอด

น่าสังเกตว่า เหตุการณ์ที่นักข่าวถูกปฏิเสธ ไปจนถึงถูกทำร้ายร่างกาย ทำลายอุปกรณ์ทำข่าวนั้น มักเกิดขึ้นในขณะที่ศิลปินอยู่ใน "เวลาส่วนตัว" ไม่ได้อยู่ในระหว่างออกสื่อให้สัมภาษณ์เตรียมพร้อมใดๆ ซึ่งเมื่อย้อนดูเหตุและผลเหล่านี้ เราคงจะไปตำหนิศิลปินไม่ได้ว่าไม่มีความเป็นกันเองบ้าง ทำตัวหยิ่งบ้าง เพราะนั่นคือเวลาส่วนตัว ซึ่งคนที่มีสติปัญญาปกติย่อมเข้าใจได้ว่า ไม่ใช่เวลาที่จะมาหาข่าวอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

เส้นบางๆ ระหว่างคำว่า "มารยาท" และ "หน้าที่" ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนทั้งหลายข้ามเส้นหมิ่นเหม่อยู่หลายครั้ง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผู้สื่อข่าวไทยกรณีของ จัสติน บีเบอร์ ยังถือว่า เป็นระดับเบา ไม่มีใครเจ็บตัว นอกจากเจ็บใจเล็กๆ

แต่หากมีเหตุการณ์ในกรณีนี้เกิดขึ้นกับศิลปินคนอื่นๆ สักวันหนึ่ง นักข่าวของไทยที่ไม่รู้มารยาทอาจจะเจอเรื่อง "ไม่เล็ก" เข้าสักวันก็เป็นได้