ยอดคุณพ่อ อี๊ด ฟลาย สอนลูกๆ ตามรอยพระราชดำรัส

อี๊ด วงฟลาย

เนื่องในเดือนแห่งวันพ่อ กวาดตามองเห็นคนดนตรีที่เป็นคุณพ่อก็มีหลายราย แต่หนึ่งในคุณพ่อตัวอย่างที่อยากจะให้ทุกๆ คนได้สัมผัสในอีกแง่มุมหนึ่งของการใช้ชีวิต คือคุณพ่ออดีตขาร็อค ที่ปัจจุบันผันตัวมาทำงานเบื้องหลังรายการโทรทัศน์นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับ พระราชกรณียกิจของในหลวงและอีกหลายโครงการ ซึ่งก่อหน้านี้ก็ได้เคยทำงานเพื่อสังคมกับมูลนิธิพระดาบส มูลนิธิในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ก่อตั้งมากว่า 30 ปี และในฐานะคุณพ่อ สำราญ ช่วยจำแนก หรือ อี๊ด วงฟลาย จึงบ่มเพาะลูกชายและลูกสาววัย 18 ปี และ 11 ปี ด้วยการปลูกฝังให้คิดดี ทำดี โดยมีพระราชดำรัสของพระองค์ท่านเป็นแบบอย่าง

สอนลูกตามแนวพระราชดำรัส เข้าวัด สวดมนต์

หลังผันตัวเองจากสิ่งที่รักมากกับการร้องเพลงมามุ่งมั่นทำรายการสารคดีถ่ายทอดพระราชกรณียกิจในหลวงในชื่อรายการ MY WAY ทางททบ.5 คุณพ่ออี๊ดเผยว่า นำเรื่องราวที่ถ่ายทอดในรายการมาใช้เป็นแนวทางในการสอนลูกๆ ได้เป็นประโยชน์ไม่น้อยทีเดียว

"ทุกวันนี้พี่ก็มีความสุขอยู่ แม้ว่าพี่ไม่ได้ออกไปร้องเพลงบนเวทีคอนเสิร์ต ไม่ได้โด่งดังแล้ว เราคิดอีกมุมหนึ่งเวลาที่เหลืออยู่ทำยังไงให้เกิดประโยชน์ เราเป็นแขนงหนึ่งที่จะช่วยให้สังคมนั้นน่าอยู่ได้ เราทำตรงนั้นดีกว่า และการร้องเพลงของพี่ พี่มองว่ามันเป็นงานอดิเรกแล้ว

ซึ่งสุขในที่นี้ไม่จำเป็นต้องสุขบนกองเงินกองทอง หรือชื่อเสียง ความสุขนั้นหาได้หลายทางจากวิธีคิดของเราเอง จริงๆ แล้วเราเป็นตัวกำหนดเองว่าเราจะไปทางไหน เรากำหนดเองได้ แต่ในบางครั้งเราตั้งอะไรสูงเกินไปหรือเปล่า แล้วเราอยากให้มันสูงอยู่อย่างนั้นตลอดหรือไม่ มันเลยทำให้เกิดทุกข์ ซึ่งอันที่จริงแล้วไม่ใช่หรอก ทุกอย่างมันเปลี่ยนแปลงได้ อยู่ที่ว่าเราจะปรับตัวกับมันยังไงต่างหาก"

อี๊ด วงฟลาย
       
เราเกิดมาในแผ่นดินไทย อย่างน้อยเราก็ต้องทำอะไรก็ได้ที่รู้สึกว่า ให้มันมีคุณค่ากับแผ่นดินไทย พี่และภรรยามีความเหมือนกันอีกอย่างหนึ่งคือ เราสองคนไม่ชอบคนโกงกินประเทศชาติ คนประเภทนี้เป็นบุคคลที่น่ารังเกียจมาก ครอบครัวเราจึงเป็นครอบครัวที่อยากทำงาน สร้างประโยชน์ ภรรยาพี่เป็นคนที่รักและเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมากๆ ยินดีทำทุกอย่างทั้งชีวิตเพื่อพระองค์ท่าน พี่มีเพื่อนร่วมทางที่ดี เขาเหมือนพี่ เพื่อน น้อง และทุกอย่างที่คอยแนะ คอยตักเตือน ในเส้นทางที่จะเดินไป เขาตักเตือนพี่ได้หลายอย่าง เพราะว่าเขามีจุดยืนที่ค่อนข้างจะเข้มแข็ง เขาเป็นคนที่ทำอะไรก็ได้โดยที่ไม่ต้องหวังเรื่องสตางค์เสมอไป ทำอะไรก็ตามที่เกิดประโยชน์แก่คนรอบข้าง เขาเป็นคนแบ่งปัน เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ซึ่งเราสองคนมีความคิดเหมือนกันว่า เราไม่สามารถเอาอะไรไปได้ในตอนตาย ดังนั้นเราควรสร้างประโยชน์ เราจะเมตตากับทุกคน และสัตว์ด้วย ไม่ว่าใครที่ด้อยกว่าเรา เราจะช่วยเหลือเขาเท่าที่เราทำได้ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด หรือการกระทำ"

"ตอนนี้ห่างหายจากวงการเพลงไป 6 ปีกว่า ก็ทุ่มเททำงานทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลัง รายการโทรทัศน์ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจของในหลวง ติดตามโครงการในพระราชดำริของท่าน เพื่อนนำเสนอให้กับทุกคนได้รู้อย่างลึกซึ้ง  ถึงสิ่งท่านทำเพื่อชาวไทย ซึ่ง เมื่อก่อนผมห่างไกลความรู้เรื่องนี้มาก เราทำงานอีกสายงานที่แทบจะไม่มีเวลาได้รับรู้ในทุกๆ ด้านของท่าน แต่วันนี้ได้ทราบได้เข้าไปสัมผัสในทุกๆ โครงการแล้วต้องบอกว่าทุกสิ่งที่คิดท่านทำ เป็นประโยชน์ต่อชาวไทยมาก หลาย สิ่งผมนำมาใช้ในการดำเนินชีวิต การเลี้ยงลูก ครอบครัว ได้นำมาสอนลูกๆ ด้วย อย่างเช่นครอบครัวเราชอบทำบุญ ชอบสวดมนต์ เข้าวัด เราก็จะพาเขาไปด้วย ทำเป็นตัวอย่างให้เขาเห็น ว่ามนุษย์ต้องรู้จักเสียสละ รู้จักการให้ เราก็หวังว่าจะให้เขาได้ซึมซับไปจนถึงตอนโตเป็นผู้ใหญ่"

ส่วนอนาคตของ ลูกๆ คุณพ่ออี๊ดบอกว่า เป็นเรื่องที่ลูกๆ จะตัดสินใจว่าอยากจะเป็นอะไร ที่บ้านไม่ได้บังคับหรือปิดกั้น หากสนใจงานด้านดนตรีแบบคุณพ่อ หรือเป็นอย่างอื่นตามที่เขาอยากเป็น

"ลูกๆ ก็มีแววบ้างในเรื่องดนตรี แต่ก็ไม่ได้บังคับเขา อนาคตของเขาเขาต้องเลือกเอง เราเป็นเพียงผู้ให้และชื่นชมกับความสำเร็จของเขาในอนาคต ผมสอนลูกก็ได้แต่บอกกล่าวตักเตือนเขา และพยายามเป็นตัวอย่างที่ดีให้เขา ส่วนเขาจะเลือกส่วนไหนไปใช้ต่อก็เป็นที่ตัวเขาแล้ว"

คลิกฟังเพลง  ต้นกล้าของพ่อ - รวมนักกีฬาและตัวแทนทีมชาติไทย