ดราม่าจนได้ เสียงวิจารณ์หลากหลายใน The Voice Thailand Season 2 รอบไฟนัล
ควันหลงจากรอบไฟนัลของ The Voice Thailand Season 2 กำลังเป็นที่ถกเถียงในหมู่ชาวเน็ตอย่างเข้มข้น หลังจากผลการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศซึ่งได้แชมป์ The Voice Thailand คนที่สอง เป็น สงกรานต์ รังสรรค์ ปัญญาเรือน ซึ่งเป็นการเทคะแนนจากผู้ชมทางบ้านที่กด SMS โหวตให้คะแนนล้วนๆ ไม่มีคำตัดสินของโค้ชเป็นเครื่องชี้ขาดเหมือนในรอบที่ผ่านๆ มา
โดย 4 ผู้เข้าแข่งขันจาก 4 ทีม ที่ผ่านเข้าสู่รอบไฟนัล ประกอบด้วย นัท กฤษดา พิเศษพัฒนกุล จากทีมโคช้ เจนนิเฟอร์ คิ้ม โชว์เพลง I Believe I Can Fly, กิต กิตตินันท์ ชินสำราญ จากทีมโค้ช โจอี้ บอย โชว์เพลง บทเรียน, แตงโม วัลย์ลิกา เกศวพิทักษ์ จากทีมโค้ช ก้อง สหรัถ โชว์เพลง ราชิแห่งท้องทุ่ง/นักร้องบ้านนอก และ สงกรานต์ รังสรรค์ ปัญญาเรือน จากทีมโค้ช แสตมป์ อภิวัชร์ โชว์เพลง รักคงยังไม่พอ
สงกรานต์คร่อมคีย์-เนื้อร้องหาย
ประเด็นแรกที่ถูกพูดถึง คือโชว์ของสงกรานต์ในรอบไฟนัลดูจะไม่ใช่โชว์ที่ดีที่สุดของเขาเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา เมื่อเกิดความผิดพลาดในจุดเล็กๆ หลังจากที่เจ้าตัวร้องท่อนฮุคท่อนแรกจบ อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่า บางจุดของเสียงร้อง ก็มีอาการผิดเพี้ยนไปบ้าง ซึ่งผิดกับรอบที่ผ่านๆ มาที่สงกรานต์พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จากเพลง Sweet Child O' Mine จนถึงเพลง Apologize และเพลง ฉันไม่ใช่ ที่ถือว่าเป็นโชว์มาสเตอร์พีซของ สงกรานต์ บนเวทีนี้
"ต้องยอมรับว่าวันนี้น้องยังมีผิดพลาดอยู่ มีเพี้ยนๆ อยู่นิดนึง แต่เราเห็นความตั้งใจของเขาตั้งแต่ตอนซ้อม อยู่กับเขาตลอด ก็ต้องขอชื่นชมในความพยายามของเขาที่มีให้เรามาตั้งแต่ต้น" โค้ช แสตมป์ อภิวัชร์ เผยถึงผลงานของลูกทีมที่เพิ่งจะค้าแชมป์ The Voice Thailand คนใหม่ ซึ่งเป็นการวิเคราะห์วิจารณ์ลูกทีมแบบตรงๆ ตามสไตล์ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ต้องยอมรับว่า คะแนนเสียงจากมหาชนที่โวหตเข้ามาในรอบไฟนัลคือตัวตัดสินแชมป์ ไม่ใช่การตัดสินของโค้ช แต่อีกด้านหนึ่งการที่ทางรายการไม่ได้โชว์ผลโหวต ก็อาจทำให้หนีไม่พ้นคำครหาจากผู้ชมบางส่วนด้วยก็เป็นได้
โชว์รอบสุดท้าย วัดกันที่คะแนนโหวต
ขณะที่โชว์ของทั้ง 4 ผู้เข้าแข่งขันในรอบสุดท้าย สร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างท่วมท้น เพราะไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายทอดสดการประกวดร้องเพลง แต่ทีมงานฯ ยังสร้างสรรค์เวทีให้มีเรื่องราวน่าติดตาม มีฉากที่สวยงาม และมีเซอร์ไพรส์มอบให้ผู้ชมเป็นระยะๆ อีกด้านหนึ่งของการวิเคราะห์ว่า ใครทำโชว์ได้ติดตาตรึงใจกว่า ผู้ชมรายการบางส่วนยังมองว่า แตงโม ทำโชว์ของตัวเองได้ดีที่สุดในรอบนี้ และเป็นโชว์สะกดอารมณ์ด้วยการแสดงสีหน้าแววตาและการร้องที่ไม่มีผิดพลาดแม้แต่จุดเดียว อาจส่งให้เธอได้รับคะแนนโหวตตีตื้นขึ้นในรอบสุดท้ายก็เป็นได้ ขณะที่โชว์ของ นัท และ กิต กลับแทบไม่มีองค์ประกอบใดๆ ส่งเสริมกันอย่างสมดุลนัก โชว์ของนัทคือโชว์ของนักร้องเสียงคุณภาพแต่ขาดความตื่นตาตื่นใจ ส่วนโชว์ของกิตแม้จะมีการจัดฉากอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ความที่บทเพลงไม่ส่ง และไม่ใช่เพลงที่ดึงพลังออกมาอย่างที่สุด ก็ทำให้ กิต ยังไม่เข้าตาเท่าที่ควรในรอบไฟนัลนี้
รู้จัก สงกรานต์ สักนิด ก่อนคิดจะดราม่า
หนุ่มหนวดงามพื้นเพเดิมจากจ.ลำปาง หาทางเผชิญโชคด้วยการปักหลักทำมาหากินที่จ.นครราชสีมา เริ่มต้นจากการรับจ้างเล็กๆ น้อยๆ ตั้งแต่เป็นเด็กเสริ์ฟ ก่อนจะขยับไปขายลูกชิ้นจนกระทั่งก่อนจะมาแข่งขันเวที The Voice Thailand
ก่อนหน้านี้ สงกรานต์เคยมีวงดนตรีของตัวเองชื่อ The Bantam เป็นวงที่รวมตัวกันตั้งแต่ม.ปลาย ที่จ.นครราชสีมา และได้รวมตัวกันเล่นดนตรีภายใต้ชื่อวงแรก คือ Dog Dream ต่อมาเมื่อต้องแยกย้ายกันไปเรียนต่อที่ ม. ขอนแก่น และ ม. ราชภัฏนครราชสีมา ทั้ง 4 คนก็ยังไม่เลิกล้มที่จะสานฝัน โดยมีการทำเดโมกันอย่างต่อเนื่องจนกระทั่ง Third World Music ค่ายเล็กๆ ที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นในจ. นครราชสีมา ซึ่งเป็นค่ายที่ดูแลกันอย่างพี่น้อง และ ผลักดันศิลปินที่มีฝันของเมืองโคราชและจังหวัดใกล้เคียง แล้วก็ได้ร่วมกันทำผลงานเพลง และได้ปล่อยเพลง "ยังคงอยู่" ออกมาสู่สาธารณะชนบน Youtube ด้วยแนวเพลงที่เล่น Blues, Rock n' Roll, Psychedelic,Alternative
“วงเราเป็นวงดนตรีเล็ก ตั้งขึ้นมาตั้งแต่อยู่สมัยม.6 แล้ว แต่ปัจจุบันสมาชิกในวงแยกกันอยู่คนละที่ มือกลองกับมือเบส อยู่ที่จังหวัดขอนแก่น ส่วนผม สงกรานต์ และเพื่อนอีกคนหนึ่ง อยู่ในโคราช รับจ้างเล่นดนตรีตามร้านอาหารทั่วไป แต่พอจะทำเพลงกันที พวกเราก็จะมาร่วมตัวกันเป็นทางการ ” เพื่อนร่วมวงของสงกรานต์เล่าถึงที่มาก่อนจะกลายเป็นคนดังชั่วข้ามคืน รวมถึงเรื่องราวส่วนตัวที่เพื่อนๆ ยังยอมรับว่า สงกรานต์เป็นคนสู้ชีวิตตัวจริง
"สงกรานต์เขาเป็นคนสู้ชีวิต อยู่ตัวคนเดียว ต้องทำงานช่วยเหลือตัวเองมาตลอด เด็กเสิร์ฟก็ทำมาแล้ว จนกระทั่งเมื่อ3-4 เดือนก่อน ที่จะเข้าประกวดเดอะวอยซ์ เขาขายลูกชิ้นทอด ตั้งอยู่หน้าร้านเกมส์ที่ชื่อ p.2 ในชุมชนหนองไผ่ล้อม อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ส่วนที่หลายคนอยากรู้ว่า ขายลูกชิ้นทอดทำไมแต่งตัวดี เพราะสงกรานต์เขาก็แต่งตัวแบบนั้นแหละครับ เพราะเขาขายของเสร็จ ก็ต้องไปเล่นดนตรีต่อเลย ชีวิตเขาเป็นแบบนั้นแหละ แต่วันที่ประกวดร้องเพลงอาจจะเต็มยศมากกว่าปกติ แต่ตอนนี้สงกรานต์เขาหยุดขายไปแล้วนะ เพราะไม่มีเวลาเลย ต้องเข้ามากรุงเทพ เพื่อเก็บตัว ซ้อมร้องเพลง กับเพื่อนคนอื่นในทีมโค้ชแสตมป์"
เพื่อสนิทยังเปิดเผยอีกว่า การมาเป็น The Voice คือสิ่งที่ไกลเกินฝัน เพราะแค่ทำตามที่ใจอยาก แต่หากจะหวังคงยาก เพราะภาษีที่มีติดตัวกูค่อนข้างด้อยกว่าคนอื่นๆ
"ตอนแรกที่สงกรานต์และผมเดินทางเข้ามาในกรุงเทพเพื่อสมัครประกวดไม่คิดว่าจะผ่านเข้ารอบมาได้นะ เพราะคู่แข่งคนอื่นเขาเก่งๆ กันหมด แถมยังดูมีฐานะดีๆ กันอีก เรามันเด็กต่างจังหวัดดูด้อยกว่าเขาเยอะ แต่พอสงกรานต์เขาผ่านเขารอบมาได้ เราดีใจกันมาก เพราะไม่คิดว่าจะมาไกลกันถึงขนาดนี้ได้ พวกเราก็เอาใจช่วยเชียร์สงกรานต์กันเต็มที่ ขอให้เขาผ่านเข้าไปได้ในรอบลึกๆ เพราะสงกรานต์มันเป็นคนเก่งคนหนึ่ง และเพลงของพวกเราส่วนใหญ่ สงกรานต์ ก็เป็นคนแต่งด้วยนะ บางเพลงเคยขึ้นไปติดชาร์ทอันดับสูงๆ มาแล้วนะครับ"
และดูเหมือนว่าเวทีเล็กๆ ในโคราช อาจไม่พอสำหรับสงกรานต์และเพื่อนไปแล้วในวันนี้และในอนาคตอันใกล้
ผลงานเพลงของ สงกรานต์ กับเพื่อนสมาชิกวง The Bantam ที่โคราช
โชว์ตรึงใจจากรอบ Live ที่สะสมฐานแฟนคลับคอยส่งคะแนนโหวตจนมีวันนี้
รอบไฟนัล กับข้อผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำให้แฟนรายการบางส่วนจับกลุ่มวิจารณ์
อัลบั้มภาพ 38 ภาพ