เจาะเส้นทาง! ตู่ ภพธร จากนักร้องกลางคืนสู่นักร้องอาชีพ
หากพูดถึงชื่อ "ตู่ ภพธร สุนทรญาณกิจ" หลายๆ คนคงนึกถึงภาพผู้ชายอบอุ่นแถมยังร้องเพลงเสนาะหูและเพราะจับใจ และแน่นอนถ้าพูดถึงเรื่องงานเพลงของ "ตู่ ภพธร" ด้วยแล้วการันตีได้เลยว่าผลงานแต่ละซิงเกิ้ลของเขาเป็นที่รู้จักและคุ้นเคยไม่ว่าจะเป็น โปรดอย่ามาสงสาร,ถ้าหาก,ที่เดิมของหัวใจ,พูดทำไม,เพื่อนกันทุกที และอีกมากมายที่สร้างชื่อให้เขาได้ก้าวสู่ "นักร้องอาชีพ"
แต่เส้นทางการมาถึง "นักร้องอาชีพ" ในทุกวันนี้นั้นต้องบอกว่าใจที่รักในการร้องเพลง "ตู่ ภพธร" นั้นต้องผ่านการสั่งสมประสบการณ์มากกว่า 9 ปี ซึ่งเส้นทางนักร้องของเขานั้นเป็นมาอย่างไรบ้างนั้น Sanook! Music เลยขอนำตัวหนุ่ม "ตู่ ภพธร" มาเปิดใจแบบหมดเปลือกที่นี้ที่แรก!
ที่ไปที่มาของจุดเริ่มต้นบนเส้นทางนักร้องของ ตู่ ภพธร?
"จริงๆ แล้วเริ่มจากที่ผมชอบร้องเพลงเป็นหลัก ร้องในงานของครอบครัวเริ่มตั้งแต่เด็กๆ งานญาติๆ ผมก็จะไปร้องเพลง ใครมาเที่ยวที่ บ้านเพื่อนคุณแม่อะไรอย่างเนี่ย เขาก็จะให้ผมโชว์ ผมก็จะเล่นดนตรีไปแล้วก็จะร้องอะไรแบบนี้"
จุดพลิกผันชีวิตนักเรียนนอกจบด้านคอมพิวเตอร์เอนิเมชั่นกลายเป็นนักร้อง?
"ก็คือร้องเพลงผมก็ไม่ได้คิดว่าจะเป็นอาชีพอยู่แล้วแต่แค่ใจชอบที่จะร้อง แต่เรื่องของเอนิเมชั่นคือเราคิดว่าเราอยากทำงานด้านนี้เพราะชอบวาดรูปวาดการ์ตูน ผมก็จะจับตรงนั้นมาตลอดตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม จนต่อยอดมาเรียนด้านนี้ แต่พอจบมาก็ยังไม่ได้เป็นศิลปินเลย เริ่มจากที่ผมเป็นนักร้องร้องเพลงกลางคืน เพราะว่าตอนที่เรียนจบมาแล้วตอนนั้นก็เป็นช่วงที่กำลังค้นหาด้วยว่าเราพร้อมหรือยังที่จะออกไปทำงานที่เราเรียนมา และก็คิดว่าจะกลับไปเรียนต่อดีหรือเปล่า และก็ไปเที่ยวได้เข้าไปในร้านที่มีวงคนไทยเขาเล่น ก็ได้ขึ้นไปขอแจมขึ้นไป เขาก็เลยเริ่มชวนให้ไปร้องนั้นก็คือจุดเริ่มต้นๆ จริงๆ ที่ชีวิตเริ่มไปร้องเพลงเป็นนักร้อง ซึ่งก็ร้องอยู่หลายปีครับ"
จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ที่เข้าสู่วงการนักร้องเต็มตัว?
"เริ่มจากมีคนมาเจอที่ร้านที่ผมทำงานร้องเพลงอยู่ พอมาเจอเสร็จเขาก็มาชวนไปทำงานกับเขาคนนั้นเขาเป็นนักแต่งเพลงและก็เป็นเพื่อน พี่บอย โกสิยพงษ์ ก็ได้มีการแนะนำให้รู้จักกันกัน ระหว่างนั้นก็ทำเพลงกับพี่คนนั้นด้วยและก็มารู้จักพี่บอยด้วยครับ"
ชีวิตหลังเข้าสู่การเป็นนักร้องเต็มตัว มีอัลบั้มแรกขอตัวเองเปลี่ยนไปอย่างไร?
"ก็ดีครับ ช่วงนั้นก็ยอมรับว่าเป็นช่วงที่เริ่มมีงานเข้ามาเยอะ ประกวดหนุ่มคลีโอด้วยและได้รางวัล ซึ่งผมก็ไม่เคยได้รางวัลอะไรมาก่อนแล้วมีอัลบั้มตอนนั้นก็มีโปรโมทเพลง โปรดอย่ามาสงสาร และเพลง ถ้าหาก ที่ติดชาร์ทอยู่ตอนนั้น แล้วก็หลังจากนั้นงานมันก็ค่อยๆ เยอะขึ้นครับเพราะเพลงติดคนเขาก็จ้างไปเล่นที่นั้นที่นี้ครับ"
จากนักร้องร้านอาหารสู่นักร้องอาชีพเคยคิดมั้ยว่าตัวเองจะมาถึงจุดนี้?
"ผมก็ไม่เคยคิดว่าจะถึงจุดนี้เหมือนกัน แต่แค่มีความรู้สึกว่าอยากประสบความสำเร็จแต่ไม่ได้มองว่าความสำเร็จของเรานั้นคือขั้นไหน แต่ว่าจุดนึงที่เรามองว่ามันคือความสำเร็จของนักร้องคือการได้มีคอนเสิร์ตเดี่ยวเป็นของตัวเองและมันก็ใกล้จะเกิดขึ้นแล้วอีกเพียงกี่วันครับ"
โปร์ไฟล์ผลงานเพลงก็มีเยอะแต่ทำไมเพิ่งจะมีคอนเสิร์ตเดี๋ยวครั้งแรกของตัวเอง?
"9 ปีแล้วตั้งแต่เข้าวงการมาตั้งแต่ซิงเกิ้ลจะทำยังไงมา มันก็น่าจะถึงเวลาแล้วและหลายๆ ปีที่ผ่านมาน้องๆ แฟนคลับก็จะบอกเยอะมากว่าอยากจะดูคอนเสิร์ตเดี่ยวของพี่ตู่ซักที พี่ตู่ไปแจมกับศิลปินอื่นเยอะมากบนเวทีคนอื่น และก็รู้สึกว่าตัวเราก็พร้อมแล้ว เรื่องของการเอ็นเตอร์เทน เรื่องของโชว์ การร้องทุกๆ อย่างและเพลงที่เราเคยร้องที่ผ่านมาเรารู้สึกว่าเรามีเยอะพอที่จะจัดคอนเสิร์ตของตัวเองแล้ว"
เมื่อพร้อม เวลาใช่ คอนเสิร์ตชื่อเก๋ๆ ก็เลยเกิดขึ้น TWO POPETORN L1VE ! #ครั้งแรกมีได้แค่ครั้งเดียว?
"คือตรงนี้ผมอยากจะเน้นย้ำว่าครั้งแรกมีได้แค่ครั้งเดียว เพราะฉะนั้นเลยไม่อยากให้พลาด และอีกอย่างที่ตั้งชื่อนี้เพราะว่าความทรงจำหลายๆ อย่างที่มันเป็นครั้งแรก ไม่ว่าจะเป็นครั้งแรกที่มีแฟน ทุกอย่างที่เป็นครั้งแรกมันคือความประทับใจเสมอ ผมก็เลยรู้สึกว่าครั้งแรกของ ตู่ ภพธร คอนเสิร์ต ผมว่ามันน่าจะเป็นสิ่งที่น่าประทับใจแฟนเพลงและผมเองด้วย"
พูดถึงครั้งแล้วอยากรู้ความรู้สึก ณ ตอนนั้นที่รู้ว่าตัวเองจะมีคอนเสิร์ตของตัวเอง?
"ตื่นเต้นครับ และก็กังวลเยอะเหมือนกันครับ กังวลว่าโชว์มันจะออกมาเป็นยังไง เราจะต้องเรียบเรียงตรงไหนอย่างไร ภาพมันเริ่มมาต้องทำการบ้านเยอะสมควร"
ทิ้งท้ายความฟินที่จะเกิดขึ้นบนคอนเสิริ์ตของ ตู่ ภพธร ที่ต้องบอกว่าใครพลาดเสียดายแน่นอน?
"แน่นอนครับ ก็คือคอนเซ็ปต์นึงที่เรามีบอกไปตอนแถลงข่าวเราบอกทุกคนว่าเรามีแจกหมอนข้าง และอยากให้เอาหมอนเข้าไปเพราะอยากจะให้ทุกคนฟินแล้วจะได้มีที่จิก ส่วนแขกรับเชิญเราบอกได้ว่าที่ผ่านมา 9 ปีผมไม่ได้ทำแค่ร้องเพลงอย่างเดียว ผมผ่านงานหนังบ้าง ละครบ้าง บางทีอาจมีแขกรับเชิญจากในหนังที่ผมเล่น หรืออาจจะเป็นเพื่อนที่เคยร่วมงานกันมาก่อนคือทุกคนมีความสำคัญกับผมแน่นอนครับ"
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ