โน้ส อุดม ขอเล่าย่อๆแต่กินใจ ถึง ตูน บอดี้สแลม
เจ้าพ่อเดี่ยวไมโครโฟน โน้ส อุดม แต้พานิช ล่าสุดได้โพสข้อความในเพจ เดี่ยว 9 เขาได้พูดถึง ตูน บอดี้สแลม อย่างย่อๆ (แต่ยาวมาก) ให้ลูกเพจได้ติดตามอ่านกัน ลองไปติดตามอ่านเรื่องเล่าแบบย่อๆ ของ โน้ส อุดม ส่งถึง ตูน บอดี้สแลม กันเลย ขอบอกว่าซึ้งกินใจเชียวละ
ศิลปินเจ้าของคอนเสิร์ตครบรอบ 13 ปี โทรชวนผมให้มาชมคอนเสิร์ต แค่เห็นเบอร์โชว์ขึ้นมาผมก็รู้สึกดีแล้ว แม้ยังไม่พูดคุยอะไร ศิลปินคนนั้นคือ ตูน บอดี้สแลม ผมขออนุญาตเล่าย่อ ๆ อีกครั้งล่ะกัน เพราะว่าค่อนข้างง่วง ผมพูดได้เต็มปากว่า ผมเป็นแฟนของบอดี้สแลม ผมอาจจะร้องไม่ได้ทุกเพลงเหมือนอย่างที่แฟนเพลงควรจะเป็น
แต่ผมเป็นแฟนตูน ตูนเป็นศิลปินที่ผมชอบท่าทีของเขา เขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตน เป็นมิตร มีบรรยากาศรอบตัวที่คนอยู่ใกล้ไม่อึดอัด ไม่เกร็ง ไม่ได้รู้สึกว่าเขาแสดงอยู่ มีครั้งหนึ่งหลังจากเตะบอลเสร็จ ผมแวะกินข้าวต้มแสงชัยกับเขา เด็กเสิร์ฟชาวพม่ามาเสิร์ฟน้ำให้ตูน ตูนไหว้ขอบคุณเขาครับ จะมีซูเปอร์สตาร์ที่ไหนไหว้ขอบคุณเด็กเสิร์ฟ ซึ่งไม่ใช่แค่ผมคนเดียวใครที่ได้คลุกคลีกับตูน ก็จะพูดถึงตูนในลักษณะนี้ คนที่มีบุคลิกภาพที่น่ารักกับคนทุกระดับ
ตูนเป็นร็อคสตาร์เบอร์ 1 ของประเทศไทยที่ออกกำลังกายหนักมาก ผมไม่เคยเห็นร็อคสตาร์คนไหนจะออกกำลังกายขนาดนี้ ว่ากันตรง ๆ คนมักจะเชื่อว่า ร็อคสตาร์นี่ต้องไปสายเมาสายยาสายหญิง ตูนเป็นคนที่ไม่มีเรื่องพวกนี้ เท่าที่รู้มีดื่มแค่บ้างบางคราว
ผมว่าเขาน่าจะเป็นร็อคสตาร์คนเดียวในโลกที่ไปแข่งปิงปองเป็นเรื่องเป็นราว นี่ไม่ใช่ไปแข่งกับเพื่อนนักวงดนตรีวงอื่น เพื่อหาเงินการกุศล หรือว่าแข่งในรายการเกมโชว์เหมือนรายการของเกาหลีที่เอาดารามาแข่ง นี่เขาฝึกเพื่อไปแข่งระดับจังหวัด ระดับประเทศ
ผมไม่เคยถามตูน แต่ผมรู้ว่าเขารู้ว่ามันมีโอกาสแพ้สูง เพราะเขาไม่ใช่นักกีฬาอาชีพ คือ การเป็นนักกีฬามันต้องมีเก็บตัว ดูแลโภชนา มีวิทยาศาสตร์การกีฬา มีเพาะกล้ามเนื้อ แต่ตูนที่ผมรู้จักมีคอนเสิร์ตเกือบทุกวัน นอนยังไม่ค่อยจะพอ การไปแข่งกีฬาโดยรู้ว่าตนจะแพ้ และสามารถรับมือกับความพ่ายแพ้ของตนเองได้อย่างภาคภูมิ นี่เป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายหรือ ตูน บอดี้สแลม เผยความในใจ กลางคอนเสิร์ต Bodyslam13 ผมมีโอกาสได้เล่นบอลกับตูนหลายครั้ง มนุษย์คนนี้ยืดกล้ามเนื้อไม่เป็นครับ ท่านผู้ชมที่เคารพ
“คุณไม่คิดจะวอร์มเลยเหรอคับ ไม่ยืดกล้ามเนื้อหน่อยเหรอ” ผมเป็นห่วง
“เอ่อ เขาต้องยืดกันด้วยเหรอครับ”
“ใคร ๆ เขาก็ยืดกันทั้งนั้น อย่ามาทำเป็นไม่รู้”
“เอ่อ ผมไม่ถนัดอะครับ ผมชอบลงแล้วเล่นเลย”
“เอิ่ม…ตามใจ”
ถึงเวลาลงสนาม ตูนที่ไม่ได้ยืดกล้ามเนื้อ กลับเล่นได้ดีมาก วิ่งพล่านเติมเกมทั้งสนาม ทำประตูลูกแล้วลูกเล่า ผมซึ่งยืดมาอย่างดี ยืดจนเส้นมันย้วย เล่นไม่เป็นกระบวยหมาอะไรเลย ส่วนมากเราจะอยู่ทีมเดียวกัน (ผมเลือกอยู่ทีมเดียวกับตูน เพราะทีมเขาเป็นแชมป์ผมก็พลอยได้หน้าไปด้วย) พอเตะบอลกันเสร็จ ตูนกลับบ้านเลย ไม่มียืดกล้ามเนื้อวอร์มอัพ วอร์มดาวน์ตูนไม่เลย ผมบอก เฮ้ย กลับไปแล้วมันไม่ตึงเหรอ ผมกลับไปนี่ต้องไปกินยาคลายกล้ามเนื้อ ไม่งั้นก้าวยาว ๆ ขึ้นกระไดนี่ตะคริวกินขาลูกหนงลูกหนูวิ่งเข้าง่ามก้นกันขวักไขว่ ตูนบอกเขาก็เป็นบ้าง จากนั้น 2-3 วันมันจะหายเอง
ผมไม่ลดละ พยายามจะไปช่วยยืดกล้ามเนื้อเขาได้ให้ ตูนตอบมาด้วยเสียงนุ่ม ๆ สุภาพ ๆ ว่า ปล่อยมันหายเองดีกว่าครับ เป็นวิธีพูดปฏิเสธที่นุ่มนวล พอผมเริ่มรู้ตัวว่าเสือก ก็จึงเพลา ๆ การยืดกล้ามเนื้อให้เขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมชอบวิถีของเขา จากฟุตบอล ไปปิงปอง ไปปั่นจักรยาน ไปวิ่งมาราธอน ล่าสุดได้ข่าวว่า ตูนไปแข่งไตรกีฬา ไปกันใหญ่ละทีนี้
แล้วดันไปเจอคู่หูเป็น คุณโป้ง โมเดิร์นด็อกอีก ผมถามโป้งว่า เฮ้ย เดี๋ยวนี้คุณมาสายกีฬาแล้วเหรอ เขาบอกเพราะเมธีกับป๊อดไปสายอาร์ตกันหมดแล้ว ไม่เหลือทางให้เขาเดิน ไม่อยากทับไลน์ เลยฉีกมาสายกีฬาดีกว่า เพราะพวกนั้นมันไม่มาแน่นอน แล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ชัดเจน โป้งกับพี่ตูนนี่ฟิตแอนด์เฟิร์มมาก ไขมันไม่มี (ลีน) สวนทางกับพี่เมธีพี่ป๊อด (หลาม)
ตูนแข่งกีฬาอย่างค่อนข้างเอาจริง มีแพ้มีชนะ ถึงแม้จะแพ้ค่อนข้างบ่อย แต่เขาชนะใจผมตรงที่เขาข้ามความเป็นซุปตาร์ออกไปได้ ตูนเคยโพสต์ไว้ว่า เขาแพ้ เขาก็อายนะ เหมือนคนทั่วไปไม่มีใครอยากอาย แต่แพ้แล้วก็เริ่มใหม่ ชีวิตมันก็เป็นอย่างนั้นแหละครับ
คนที่อยู่ระดับในท็อป ๆ มักจะมีโรคประจำตัวโรคหนึ่ง คือ looking good โรคห่วงภาพพจน์ อยากให้ตัวเองดูดี ประสบความสำเร็จ อยู่บนหิ้งอยู่เสมอ ไม่ไปข้องเกี่ยวกับสิ่งที่ทำให้ตัวเองดูแย่ วางตัวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง
อันนี้เราก็เห็นตัวอย่างได้ในบรรดาซุปตาร์หลายคน แต่ตูนเนี่ยเป็นซุปตาร์ที่ดูเป็นมนุษย์ เพราะในทัศนคติของผม ซูเปอร์สตาร์ไม่มีจริง คุณเป็นซุปตาร์แค่ตอนอยู่บนเวทีเท่านั้นแหละ พอลงจากเวที คุณก็คือชาวบ้านปกติ กินเหมือนกัน นอนเหมือนกัน นอนกับกางเกงในขาบานย้วย ๆ ตัวเดิม มันโกหกตัวเองไม่ได้ อยากจะโชว์รูปกินอาหารฝรั่งเศส อิตาเลียน ญี่ปุ่น มันหลบไปได้กี่มื้อ สุดท้ายหลังกล้องก็มาจบที่อาหารเดิม ๆ ที่กินมาตั้งแต่เด็ก ๆ อยู่ดี
หนีอะไรก็หนีได้ แต่หนีตัวเองไม่ได้ ซุปตาร์เวลาขี้แตกก็วิ่งหาห้องน้ำเหมือนกัน ห้องน้ำไม่มีทิชชู ไม่มีสายฉีดก้น เจอแต่ขันก็ ตัก-จวัก-วัก-โปะ-แปะ-ป้าย เหมือนคนทั่วไป สุดท้ายชีวิตคนเรามันก็เท่ากันที่ความเป็นมนุษย์ ความไม่สมบูรณ์แบบคือของจริง คนที่พยายามจะทำตัวสมบูรณ์แบบนั้นเหนื่อย
คอนเสิร์ตวันนั้นผมไปยืนเกะกะอยู่ข้างเวที ชื่นชมความสำเร็จของตูน เอามือถือถ่ายรูปคนที่กระโดด คนที่ชูมือไปบนอากาศนับหมื่น เห็นแฟนเพลงที่ศรัทธาในตัวเขา เรียกว่า นาทีนั้นพี่ตูนให้ทำอะไรก็ทำ ไม่ใช่แค่กระโดด ถ้าพี่ตูนบอกเลขบัญชีแล้วให้โอนเงินคนละ 200 ก็พร้อมใจกันโอน ณ บัดนั้น
สิ่งนี้มันเป็นพลังที่เงินซื้อไม่ได้ มันเป็นสิ่งที่เกิดจากการบ่มเพาะผลงานของเขา คือถ้าบอกว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน นี่คือ ราคาของตูน รวมถึงทั้งวงบอดี้สแลม เขาสร้างงานสร้างสรรค์ ทำในสิ่งที่เชื่อเชื่อในสิ่งที่ทำ ใส่ความรักลงไป จนคนดูสัมผัสได้
สิ่งที่ดีใจในวันนั้นนอกจากจะได้เจอตูนแล้ว ผมยังได้เจอแขกรับเชิญมากมายที่ไม่คิดว่าจะเจอ เช่น พี่ปุ๊ อัญชลี ผมเห็นแกนี่แทบพุ่งเข้าไปกราบ พี่ปุ๊บอกอยากจะเจอผมมานาน ล่าสุดที่เราเจอกันคือ 20 ปีที่แล้ว แล้วเขาก็ไม่ได้เจอผมอีกเลย พี่ปุ๊อยากขอบคุณที่ผมไปคอนเสิร์ตพี่เขาตอนนู้นนนนน (อัญชลี จงคดีกิจ เพราะคิดถึงจึงมีเธอ) ผมไปเป็นแขกรับเชิญร้องเพลงพัดลม เล่นสดเป็นครั้งแรกด้วยกัน แล้วเวลาผ่านไป 20 ปีไม่เจอกัน ใครจะคิดมาเจอกันอีกทีหลังเวทีของคอนเสิร์ตบอดี้สแลม
ผมฟังแล้วปลื้มปริ่มสุขล้นจนจำอะไรไม่ได้ จำได้แค่ว่า ผมถามพี่ปุ๊ พี่กินอะไร ทำไมพี่ไม่เปลี่ยนเลย พี่ปุ๊จะ 60 หน้าเขาหุ่นเขาเหมือนถูกสตาฟไว้เหมือน 20 ปีที่แล้ว ถ้าพี่ปุ๊เปิดเผยสูตรอาหารเหมือนพวกดีเจที่ทำเมนูอาหาร คนต้องไปตามกินเหมือนพี่ ทำอาหารขายเลย อาหารแบบอัญชลี จงคดีกิจ คนสนิทของพี่ปุ๊บอก จริง ๆ ไม่มีอะไรมาก เคล็ดลับของพี่ปุ๊คือ กินไม่เป็นเวลา ตามนั้นผมจะกินไม่เป็นเวลามั้ง แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ทัศนคติและจิตใจผ่องใสของพี่ปุ๊นี่แหละ ที่ทำให้เขาไม่แก่ เขาเป็นคนที่ใครอยู่ด้วยแล้วจะรู้สึกมีชีวิตชีวา สบายใจ อนุมูลอิสระที่ไหนมันจะกล้ามาก่อตัว
อีกคนคือ เมธี โมเดิร์นด็อก ผมคุยกับเมธีหลังเวทีเรื่องงานอาร์ต ผมชอบงานของเมธี ผมว่างานเพ้นท์เขาน่าสนใจมาก ถ้าให้ผมวิจารณ์ บอกได้เลยว่างานเขาเหมือนเสียงกีตาร์ที่เขาเล่น มือกีตาร์ขั้นเทพท่านหนึ่งเคยบอกว่า เมธีไม่ใช่คนเล่นกีตาร์เก่ง แต่เสียงกีตาร์ของเมธีเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก มันเป็นสำเนียงของเขาคนเดียว ผมว่ามันมีค่ามากกว่าพวกเล่นเก่ง ๆ แล้วไม่เจอเสียงของตัวเอง
เมธีเคยไปค้างบ้านผมที่เชียงใหม่อยู่หลายคืน ตอนเช้าและตอนก่อนนอนเมธีจะเกากีตาร์อยู่ในห้องข้างล่าง เป็นเสียงกีตาร์ฟังดูจะรู้เลยว่าเมธีเล่น แล้วงานอาร์ตเมธีก็เป็นอย่างนั้น เมธีไม่ใช่คนมีทักษะการวาดขั้นเทพ แสงเงาเหมือนจัด นึกออกมั้ยพวกวาดดอกเป็นดอก วาดหยดน้ำเป็นหยดน้ำ หน้าพระซ้ายขวาเท่ากัน เมธีมีสไตล์ที่ผมชอบ สีที่เขาใช้มันแตกต่าง มันมีเสน่ห์ เหมือนเสียงกีตาร์เขา เรียกว่าเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ผมตั้งใจจะซื้องานเขาเก็บไว้ คนเรามันไม่ต้องวาดเก่ง ทักษะเป็นเลิศ แค่วาดด้วยเสียงตัวเองเท่านั้น ร้องเพลงมันไม่ต้องร้องเก่งแบบชนะประกวด KPN แต่ร้องด้วยวิธีของตัวเอง เอื้อนในแบบตัวเอง เสน่ห์มันอยู่ตรงเรากล้าที่จะเป็นตัวเองนั่นแหละ ผมเบื่อเวลาดูประกวดร้องเพลง แล้วพยายามร้องให้เหมือนต้นฉบับ แล้วมันจะมีประโยชน์อะไร เหมือนเป๊ะ มันก็แค่เซเว่นอีกสาขาหนึ่งที่เปิดอยู่ใกล้กันแค่นั้น
หลังเวทีผมได้เจอศิลปินมากมาย ตั้งแต่พี่ปุ๊ วงโมเดิร์นด็อก ลาบานูน บุดด้าเบลส ฟักกลิ้งฮีโร่ ได้ถ่ายรูปกับนักร้องหมอลำ ตำนานที่ยังมีชีวิตอยู่ พี่ศิริพร อำไพพงษ์ ให้เกียรติเดินออกจากตู้คอนเทนเนอร์มาถ่ายรูปด้วย จริง ๆ ผมควรจะพุ่งเข้าไปขอเขาถ่ายแทนมากกว่า เพราะผมกรี๊ดเขามาก ฟังมาตั้งแต่อยู่สุรินทร์
พี่ศิริพรเดินมาถ่ายรูปพร้อมกับบอกผมว่า ครั้งหนึ่งในชีวิตขอไปดูเดี่ยวสด ๆ ให้ได้ พูดย้ำอยู่ 3 รอบ ผมเลยไปคุยกับผู้จัดการเขา งั้นผมจะจัดบัตรให้ดีมั้ยคับ เขาบอกขอไปจองเอง ผมบอกว่าถ้าจองไม่ทันให้โทรหาผมได้เลย เขาบอกไม่ได้ เขาจะทำทุกอย่างให้มันทัน ชื่นใจนะ เขาให้เกียรติให้ความเมตตาต่อผม จะอุดหนุนเองไม่ต้องอำนวยความสะดวก
วันนั้นก็เป็นค่ำคืนที่ดีอีกคืนหนึ่ง คุ้มค่ากับการนอนดึกมาก ๆ กลับถึงบ้านเกือบเที่ยงคืน ก่อนจะหลับไปยังรู้สึกถึงความสะเทือนจากงานศิลปะของศิลปิน ที่อยู่หน้าและหลังเวทีเหล่านั้น มันปลุกอะไรบางอย่างในตัวให้เราอยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรที่สร้างสรรค์จรรโลงขึ้นมาบ้าง อยากจะหลับแต่กลับตื่น ภาพเหตุการณ์หลังจากเดินเตะปลั๊กหลังเวทีเขาหลุดไปอัน ปัญหาคือมันหลุดมาจากตรงไหนล่ะทีนี้
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เดี่ยว9 , เฟซบุ๊ก Bodyslam