นายกป้องอธิปไตย ไม่แปลกใจพธม.ยกระดับ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ปะทะกัน บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน จ.ศรีสะเกษ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ ทั้งสองฝ่าย พร้อมย้ำ กัมพูชาเป็นฝ่ายยิงโจมตีเข้ามาในดินแดนไทยก่อน กองทัพจึงจำเป็นต้องยิงตอบโต้ ยืนยันไม่มีเจตนาจะรุกรานใครก่อน และไม่มีเจตนาตอบโต้ไปยังเป้าหมายที่พลเรือน
โดยไทยดำเนินตามหลักสากล เคารพกฎบัตรสหประชาชาติ พร้อมมอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงบรรดาทูตานุทูต ซึ่งในขณะนี้สถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นตัวชี้วัดได้ว่า รัฐบาลไม่ได้ละเลย ไม่ได้ยินยอมให้ใครมารุกล้ำอธิปไตยของไทย ส่วนการยกระดับการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ และมีการขับไล่รัฐบาลนั้น เป็นสิ่งที่มีการคาดการณ์ไว้แล้ว แต่ขอให้ประชาชนเปิดใจกว้างรับฟังข้อมูลจากทุกด้าน
พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังได้ชี้แจงว่า เรื่องมรดกโลก รัฐบาลต้องเข้ามาตามแก้ปัญหาของรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้ ที่ไปเซ็นยินยอมให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยรัฐบาลได้เดินหน้าคัดค้านมาตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา และก็ประสบความสำเร็จที่ทำให้กัมพูชาไม่สามารถเสนอแผนจัดการบริหารพื้นที่ข้อพิพาทได้ ซึ่งเป็นผลจากการทำ MOU 2543 ซึ่งเป็นการผูกมัดให้กัมพูชาไม่สามารถดำเนินการได้ ดังนั้นตนจึงรู้สึกแปลกใจที่กลุ่มพันธมิตรฯ ต้องการให้ ยกเลิก MOU และถอนตัวจากคณะกรรมการมรดกโลก จะเป็นประโยชน์กับเราจริงหรือไม่ ขณะที่ตนมองว่า นอกจากไม่ถูกต้องแล้ว ยังเป็นอันตรายต่อการเกิดความเสี่ยงให้เกิดการปะทะกันได้ การถอนตัวจะเป็นการทำให้นานาประเทศฟังความจากกัมพูชาฝ่ายเดียว และผลักดันให้ประเทศเหล่านั้น มาเป็นปฏิปักษ์กับประเทศไทย ทั้งนี้รัฐบาลนี้ เป็นรัฐบาลแรกที่เดินสายคัดค้านปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก
พร้อมยืนยันที่จะต่อต้านแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน หากตนมีผลประโยชน์แม้แต่นิดเดียว สมควรถูกไล่ออกจากประเทศไทย พร้อมวอนทุกฝ่ายรวมพลังสามัคคีเพื่อปกป้องอธิปไตย อย่าใช้เวลานี้เล่นการเมืองกัน พร้อมมอบ รมต.ที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ดูแลประชาชนแล้ว