เหยื่อซานติก้าอ่วม2วัน3แสน!!วอนรัฐช่วย-มท.1ตื่นล้อมคอก
มท.1 ขู่พักกิจการหากสถานบันเทิงไม่ได้มาตรฐาน สั่งสุ่มตรวจเป็นระยะ ขณะที่ตำรวจตั้งข้อหาเจ้าของกิจการซานติก้าผับปล่อยเด็กต่ำกว่า 20 ปีเข้าใช้บริการ โทษปรับไม่เกิน 5 หมื่น เตรียมออกหมายเรียก กก.ผจก.ผับเข้าให้ปากคำ ขณะที่ เฮียขาว ขอเลื่อนให้ปากคำ ญาติเหยื่อวอนรัฐช่วยหลังค่ารักษา 2 วันพุ่ง 3 แสนบาท พ่อสุดรันทดรับศพลูกชายเรียนปี 4 วิศวะจุฬาฯ เสียดายอนาคต
ยังคงเป็นปมปริศนาที่รอการคลี่คลายถึงสาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ในซอยเอกมัย 9 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กทม. ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีผู้เสียชีวิต 58 คน บาดเจ็บอีกกว่าร้อยคน ล่าสุดวันที่ 2 มกราคม น.ส.เดือนเพ็ญ พรหมทอง อายุ 24 ปี ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลรามคำแหง เนื่องจากถูกไฟไหม้เกือบทั้งตัว เสียชีวิตแล้วเมื่อเวลา 02.40 น. ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 59 คน
ตั้งข้อหาปล่อยเด็กต่ำกว่า20ปีใช้บริการ
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ที่ห้องปฏิบัติการจราจร สน.ทองหล่อ พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงภายหลังการประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร่วมประชุมวางแนวทางการสอบสวนหาสาเหตุของเพลิงไหม้ ซึ่งได้ติดต่อผู้อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำแล้ว 25 ปาก และแจ้งข้อกล่าวหาเจ้าของกิจการ เบื้องต้นในข้อหาความผิดฐานให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เข้าไปในสถานบริการ ซึ่งเป็นความผิดร้ายแรงตาม พ.ร.บ.สถานบริการ พ.ศ.2509 ฉบับแก้ไขมาตรา 16/1 ห้ามมิให้ผู้รับอนุญาตตั้งสถานบริการยินยอมหรือปล่อยปละละเลยให้ผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ซึ่งมิได้ทำงานในสถานบริการนั้นเข้าไปในสถานบริการระหว่างเวลาทำการ ผู้ใดฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 5 หมื่นบาท ส่วนนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเฮียขาว หุ้นส่วนใหญ่ของซานติก้าผับ ตำรวจได้ติดต่อเพื่อมาให้ปากคำ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะมาให้ปากคำเมื่อไหร่
"ซานติก้าผับเคยยื่นขออนุญาตเปิดร้านจากเจ้าหน้าที่ตำรวจมาแล้วเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 แต่เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาต เพราะสถานที่ยังสร้างไม่เสร็จเรียบร้อย ต่อมาในปี 2547 เจ้าของร้านยื่นร้องต่อศาลปกครองเพื่อขอความคุ้มครองชั่วคราว ทำให้ผับดังกล่าวเปิดบริการได้ตามปกติ" พล.ต.อ.จงรักกล่าว
มีรายงานว่า นายวิสุขได้ติดต่อมายังผู้กำกับการ สน.ทองหล่อ ขอเลื่อนการเข้าให้ปากคำ โดยอ้างว่าไม่สบาย ไม่สามารถเข้ามาให้ปากคำในวันนี้ได้ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมออกหมายเรียก นายสุริยา ฤทธิ์ระบือ กรรมการผู้จัดการซานติก้าผับ เพื่อมาให้ปากคำในฐานะพยาน ในวันที่ 5 มกราคมนี้
พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตัดประเด็นการวางเพลิงเพื่อหวังเอาประกันทิ้งไป เพราะจากการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องในบริษัท ไวท์ แอนด์ บราเธอร์ ซึ่งเป็นบริษัทดูแลซานติก้าผับ พบว่าบริษัทหมดสัญญาประกันภัยไปแล้วเมื่อ 4 เดือนที่ผ่านมา และไม่ได้ต่อสัญญาอีก เนื่องจากนายนายวิสุข หุ้นส่วนใหญ่ เห็นว่าผับจะหมดสัญญาเช่าในวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นจะเป็นอุบัติเหตุหรือไม่ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด ต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ก่อน ส่วนนายวิสุขนั้นทราบว่ามีอาการสำลักควัน ยังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ไม่ทราบว่าเป็นที่ใด
ใบอนุญาตไม่ผ่านเพราะอยู่นอกโซนนิ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานประวัติการขอใบอนุญาตเปิดสถานบริการของซานติก้าผับ พบว่ามีการยื่นขออนุญาตต่อผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ในปี 2547 โดยยื่นขอเปิดสถานบริการตามพระราชบัญญัติสถานบริการ ประเภท 3 (4) ที่เป็นสถานที่ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้บริการโดยหวังประโยชน์ในทางการค้า สถานที่ที่มีอาหาร สุรา หรือเครื่องดื่มอย่างอื่นจำหน่ายหรือให้บริการ โดยมีรูปแบบอย่างหนึ่งอย่างใด เช่น ดนตรี การแสดงดนตรี หรือการแสดงอื่นใดเพื่อการบันเทิง แต่ ผบช.น.ไม่อนุญาตให้เปิดสถานบริการ เนื่องจากเป็นพื้นที่นอกโซนนิ่งสถานบริการ และอาคารที่ก่อสร้างที่ได้ไปยื่นขอในขณะนั้นก็ยังสร้างไม่เสร็จ ต่อมาซานติก้าผับได้ยื่นอุทธรณ์ไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ปรากฏว่า ผบ.ตร ไม่อนุญาตเช่นกัน ผู้ประกอบการจึงได้ยื่นขอเปิดสถานบริการต่อศาลปกครองชั้นต้น เป็นผลให้มีการเปิดได้ ทั้งนี้ศาลปกครองได้ส่งเรื่องให้พนักงานอัยการดำเนินการส่งเรื่องไปยังศาลปกครองสูงแต่ก็ยังไม่มีการพิจารณาลงมา ในที่สุดก็เกิดเหตุเพลิงไหม้เผาผลาญไปก่อน
เสรี เตือน ตร.อย่าตั้งข้อหาซูเอี๋ย
นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตเลขาธิการสภาทนายความ และอดีต ส.ว.กทม. กล่าวถึงเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ที่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนเตรียมแจ้งข้อหาตามความผิด พ.ร.บ.สถานบริการ ฐานปล่อยให้เยาวชนอายุไม่ถึง 20 ปี เข้าไปใช้บริการในสถานบันเทิง ว่า ในการแจ้งข้อกล่าวหาต้องดูความเหมาะสมด้วย เพราะสังคมกำลังจับตามองอยู่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองได้ว่าเป็นการตั้งข้อหาช่วยเหลือกัน เพราะข้อหาเพียงแค่สั่งปิดสถานประกอบการกับเสียค่าปรับ แต่ในเหตุการณ์มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากก็ดูไม่สมควรแก่เหตุ และคดีนี้สามารถเอาผิดผู้ที่เกี่ยวข้องในข้อหาประมาทเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเสียชีวิต มีโทษจำคุก 10 ปี
"เรื่องนี้นอกจากเจ้าของผับแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่ กทม. ฝ่ายโยธาฯ ก็ต้องร่วมกันรับผิดชอบ เพราะมีหน้าที่ต้องตรวจสอบดูแลโดยตรง ต้องดูว่าตัวอาคารสถานที่ปลอดภัยหรือไม่ ต้องดูเรื่องอายุผู้เข้าไปเที่ยว ต้องเข้มงวดเรื่องยาเสพติด มาตรฐานทางสาธารณสุข เรื่องสถานที่สูบบุหรี่ แต่ส่วนใหญ่สถานประกอบการบ้านเราจะทำเหมือนวัวหายล้อมคอก เกิดเหตุแล้วค่อยมาเข้มงวดเรื่องการออกมาตรการป้องกัน แต่สักพักก็จะปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบจนเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยขึ้น" อดีตเลขาธิการสภาทนายความ กล่าว
มท.1 ขู่พักกิจการสถานบันเทิง
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวหลังนำกระเช้าผลไม้ไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ซานติก้าผับนับว่าค่อนข้างโชคร้าย เพราะเหตุเกิดในสถานที่คับแคบ มีคนแออัดเป็นพัน ส่วนสาเหตุอาจเกิดจากความประมาท หรือความคะนอง ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าใครเป็นต้นเหตุทำให้เพลิงไหม้ แต่คาดหวังว่าต่อไปจะไม่เกิดขึ้นอีก เพราะความเสียหายไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ จากนี้ไปจะมีการพูดคุยกับ กทม. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องในกระทรวงมหาดไทย เพื่อหามาตรการควบคุมเหตุให้รัดกุมกว่านี้
ส่วนมาตรการที่รัดกุมเพื่อดูแลสถานบริการต่อจากนี้นั้น รมว.มหาดไทยกล่าวว่า ต้องประชุมร่วมหน่วยงานเพื่อให้ครอบคลุม โดย กทม. ฝ่ายควบคุมอาคาร จะต้องดูเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ต่อไปอาจมีการสุ่มเลือกสถานบริการจากใบอนุญาตที่ออกไป โดยให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบว่า โครงสร้างสถานที่ กับที่ขออนุญาตมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เช่น ถ้าขออนุญาตในโครงสร้างที่รองรับได้ 10 คนต่อตารางเมตร มีการใช้เกินหรือไม่ โดยเฉพาะประตูทางออกกรณีฉุกเฉินมีเพียงพอหรือไม่ การตรวจสอบดูแลอย่างใกล้ชิดจะเริ่มตั้งแต่หลังปีใหม่
"ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่สุ่มออกตรวจเป็นระยะ หากพบว่าสถานบันเทิงใดผิดระเบียบหรือไม่ได้มาตรฐานอาจต้องให้พักกิจการชั่วคราว ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการป้องปราม ส่วนกรณีที่มีนักท่องเที่ยวอายุไม่ถึงเข้ามาใช้บริการสถานบริการนั้น มีระเบียบที่บังคับใช้อยู่แล้วแต่ความเข้มงวดอาจจะน้อยไป ดังนั้นต้องกำชับให้มีความเคร่งครัดมากยิ่งขึ้น" นายชวรัตน์กล่าว
นายชวรัตน์พร้อมคณะยังเดินทางไปตรวจสอบที่สถานบันเทิงซานติก้าผับ พร้อมกล่าวว่า ได้นำแบบแปลนโครงสร้างของสถานบันเทิงดังกล่าวมาตรวจสอบ พบว่าโครงสร้างเป็นเหล็กทั้งหมด เมื่อเกิดความร้อนจึงทำให้วัสดุอื่นๆ ติดไฟได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่าได้มาตรฐานหรือไม่ และยังพบว่าสถานบันเทิงแห่งนี้มีทางเข้าออกหลายทาง แต่ร้านไม่ได้ติดป้ายสัญลักษณ์ให้นักเที่ยวได้รู้ว่าคือทางออก ทำให้ไม่มีใครรู้ ส่วนเรื่องการช่วยเหลือครอบครัวผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต จะต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนในทางคดีก่อนว่าเจ้าของร้านมีความผิดหรือไม่ ถ้าหากพบว่ามีความผิดเจ้าของร้านก็จะต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่เหยื่อทุกราย
ทั้งนี้ ที่บริเวณซานติก้าผับ มีญาติผู้เสียชีวิตมาไว้อาลัยผู้เสียชีวิตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งนางสิรินยา เบอร์บริดจ์ หรือซินดี้ อดีตมิสไทยแลนด์เวิลด์ และนางแบบชื่อดัง นายไบรอน บิชอพ สามี และน.ส.โอซา แวง นางแบบชื่อดัง นำดอกไม้มาวางเพื่อไว้อาลัยด้วย โดยมีสีหน้าเศร้าโศก และไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
ผลสอบถึงมือปลัด กทม.5 ม.ค.
นางวรรณวิไล พรมลักขโณ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในฐานะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ กล่าวว่า เขตวัฒนาเจ้าของพื้นที่กำลังเร่งทำรายงานสรุปข้อมูลทั้งหมด ประกอบด้วย เรื่องการอนุญาตก่อสร้างอาคาร โครงสร้างอาคารมีการต่อเติมหรือไม่ รวมถึงการให้ความช่วยเหลือเหยื่อเพลิงไหม้ คาดว่ารายงานจะส่งถึงมือคณะกรรมการในวันอาทิตย์ที่ 4 มกราคม ก่อนที่จะนำเสนอนายพงศ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. พิจารณาในวันจันทร์ที่ 5 มกราคม ซึ่งเป็นไปตามกรอบเวลาที่ปลัด กทม.สั่งการให้ดำเนินการสรุปข้อเท็จจริงภายใน 3 วัน จากการรายงานเบื้องต้นทราบว่ามีการขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารถูกต้อง และมีการก่อสร้างในปี 2546 ส่วนการอนุญาตเปิดกิจการเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีรายงานแจ้งว่า นายประกิต สัตยาอภิธาน หัวหน้าฝ่ายโยธา เขตวัฒนา ได้ออกคำสั่งเมื่อวันที่ 1 มกราคม ให้เจ้าของซานติก้าผับรื้อถอนอาคารหลังเกิดเหตุเพลิงไหม้
วอนรัฐช่วยค่ารักษา2วันพุ่ง3แสน
น.ส.มาลี ถนอมปัญญารักษ์ พี่สาวของ น.ส.วิภาวรรณ ถนอมปัญญารักษ์ หนึ่งในผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ กล่าวว่า หลังจากน้องสาวถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ตั้งแต่คืนเกิดเหตุ โดยมีบาดแผลถูกไฟไหม้มากถึงร้อยละ 80 ของร่างกาย และยังคงพักรักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู ล่าสุดทางโรงพยาบาลแจ้งค่าใช้จ่ายในการรักษาในช่วง 2 วัน ที่ผ่านมาแล้วกว่า 3 แสนบาท และญาติได้สำรองจ่ายไปแล้วเป็นเงิน 6 หมื่นบาท แต่ไม่มีหน่วยงานใดแสดงความรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาล ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อมวลชน ส่วนศูนย์ช่วยเหลือที่ตั้งขึ้นที่เขตวัฒนา เมื่อไปติดต่อก็ยังไม่ได้คำตอบ ขณะที่เจ้าของซานติก้าผับก็ไม่ได้ติดต่อมาว่าจะช่วยค่ารักษาพยาบาลแต่อย่างใด ทำให้นอกจากจะกังวลกับอาการบาดเจ็บของน้องสาวแล้ว ยังต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วย เพราะยังไม่สามารถย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลรัฐได้ เนื่องจากน้องสาวอาการหนักมาก หากย้ายในขณะนี้อาจถึงขั้นเสียชีวิต ขณะที่ทางโรงพยาบาลมีกำหนดเวลาในการจ่ายเงินทุก 3 วัน
อยากให้ภาครัฐช่วยเหลือ เพราะ ณ ตอนนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดมาดูแล จึงอยากถามว่า การให้ข่าวที่ออกไปทำเพื่ออะไร แค่ต้องการให้ญาติสบายใจแค่นั้นใช่หรือไม่ หากไม่มีการช่วยเหลือจริงอย่าออกมาให้ข่าวดีกว่าน.ส.มาลี กล่าว
เช่นเดียวกับ นายชัยรัตน์ สินไพบูลย์ผล พี่ชายของ นายยุทธนา สินไพบูลย์ผล ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เดียวกัน และยังคงพักรักษาตัวที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า น้องชายถูกไฟไหม้ตามร่างกายมากถึงร้อยละ 60 ขณะนี้ค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลมากถึง 2.7 แสนบาทแล้ว แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ จึงอยากวอนให้ตั้งหน่วยงานมาช่วยรับผิดชอบด้วย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ของโรงพยาบาลกรุงเทพ ปฏิเสธที่จะชี้แจงกรณีดังกล่าว และบอกว่าอาจจะมีการเปิดแถลงข่าวในวันที่ 5 มกราคมนี้
สธ.เตรียมชงครม.ช่วยค่ารักษาเหยื่อ
นพ.ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (ศูนย์นเรนทร) กล่าวถึงเรื่องค่าใช้จ่ายสำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บว่า แต่ละคนจะได้รับการช่วยเหลือมากหรือน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับสิทธิที่แต่ละคนพึงมี เช่น บางคนใช้สิทธิข้าราชการ บัตรประกันสุขภาพ บัตรทอง 30 บาท หรือกรมธรรม์ประกันชีวิตที่ทำไว้ แต่ในรายของผู้ป่วยที่ร้องเรียนเข้ามาได้ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการเตรียมย้ายผู้ป่วยจากโรงพยาบาลกรุงเทพ ไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี พร้อมกับจะออกค่าใช้จ่ายให้ส่วนหนึ่ง แต่ค่าใช้จ่ายที่เหลืออีกกว่า 3 แสนบาท คาดว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข จะนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะถึงนี้ เพื่อขอความเห็นชอบเรื่องช่วยเหลือค่ารักษาพยาบาลต่อไป กรณีดังกล่าวจะพิจารณาเป็นรายๆ ไป ทั้งนี้ ต้องการให้ซานติก้าผับ สถานที่เกิดเหตุ แสดงความรับผิดชอบเรื่องให้การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต เพราะหากเกิดเรื่องดังกล่าวกับสถานที่อื่น ทางเจ้าของสถานที่ปัดความรับผิดชอบ และโยนมาให้รัฐบาลดูแลทั้งหมด ก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง
สรุปยอดตาย59เหลือรักษารพ.86
เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ยังกล่าวถึงตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์เพลิงไหม้ซานติก้าผับ ว่ามีผู้เสียชีวิตทั้งสิ้น 59 คน ส่วนผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวกระจายในโรงพยาบาลหลายแห่ง จำนวน 86 คน เป็นชาย 35 คน หญิง 51 คน ในจำนวนนี้ รักษาตัวอยู่ห้องไอซียู 38 คน ส่วนชาวต่างชาติที่ได้รับบาดเจ็บมี 41 คน ออกจากโรงพยาบาลแล้ว 20 คน ที่เหลือรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลต่างๆ หลายแห่ง ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะนำรายชื่อผู้บาดเจ็บทั้งหมด และผู้เสียชีวิต 59 คน ขึ้นเว็บไซต์ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ประชาชนสามารถตรวจสอบที่ http://narendhorn.moph.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
พ่อรันทดรับศพนศ.วิศวะจุฬาฯ
เมื่อเวลา 11.00 น. นายพลสิทธิ์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 53 ปี กล่าวขณะเดินทางมารับศพลูกชาย คือ นายชาญวิทย์ วุฒิเลิศอนันต์ อายุ 22 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 คณะวิศวกรรมศาสตร์ยานยนต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ว่า รู้สึกเสียดายอนาคตของลูกชาย ซึ่งกำลังจะเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ย 3.5 ปกติลูกเป็นเด็กเรียนเก่ง ชอบเล่นกีฬา เมื่อคืนวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา พยายามชวนลูกไปเที่ยวต่างจังหวัด แต่ลูกไม่ยอมไป กลับขออนุญาตไปเที่ยวปีใหม่กับเพื่อนๆ แต่ไม่บอกสถานที่ พอทราบข่าวไฟไหม้ที่ซานติก้าผับ จึงทดลองโทรศัพท์ไปที่มือถือลูกชาย ปรากฏว่าโทรศัพท์ไปอยู่ในกระเป๋าของแฟนสาว ซึ่งได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ครั้งนี้
พ่อฝ่ายหญิงเป็นคนรับสายบอกผมว่าลูกชายตายแล้ว จึงรีบเดินทางไปที่ สน.ทองหล่อ เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจ ปรากฏว่า พบกระเป๋าและบัตรประชาชนของลูกชายอยู่กับพนักงานสอบสวนจริงๆ เลยมาที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ เพื่อติดต่อขอรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศล ที่วัดหัวลำโพง ก่อนนำไปฝังในสุสานที่ จ.ชลบุรี ในวันที่ 5 มกราคมที่จะถึงนี้ นายพลสิทธิ์กล่าว
สำหรับศพผู้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลจุฬาฯ ยังเหลือศพหญิงไม่ทราบชื่อจำนวน 9 ราย ศพชายไม่ทราบชื่อ 2 ราย ทราบชื่อผู้ตาย 2 ราย คือ นายยศธร กุภาพันธ์ อายุ 25 ปี และนายสุรศักดิ์ สุขกะนวิเศษกุล อายุ 40 ปี ญาติรับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลแล้วทั้งสิ้นจำนวน 17 ราย ส่วนที่โรงพยาบาลตำรวจ ยังเหลือศพนายศุภฤกษ์ พัฒนสิน ที่เหลือเป็นศพหญิงไม่ทราบชื่อ 6 ราย ศพชายไม่ทราบชื่อ 4 ราย และศพไม่สามารถระบุเพศได้ 1 ราย ญาติรับศพไปแล้ว 16 ราย
พ.ต.อ.พรชัย สุธีรคุณ รอง ผบก.สถาบันนิติเวชวิทยา กล่าวว่า ตอนนี้สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาฯ ได้ส่งมอบศพนิรนามมาให้ 5 ศพ เท่ากับว่าขณะนี้เรามีศพที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้รวมทั้งสิ้น 21 ศพแล้ว อย่างไรก็ตาม ผู้เสียชีวิตทั้ง 21 คนนี้ ได้ผ่านการเก็บหลักฐานการพิสูจน์ดีเอ็นเอ เอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว รอเพียงญาตินำเอกสาร และข้อมูลสำคัญมายื่นขอพิสูจน์เอกลักษณ์เปรียบเทียบลักษณะทางพันธุกรรมดีเอ็นเอเท่านั้นก็จะสามารถนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลได้
พล.ต.ท.ดนัยธร วงศ์ไทย ผู้บัญชาการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์ตำรวจ (ผบช.สนว.ตร.) กล่าวถึงการพิสูจน์ศพที่ยังไม่สามารถระบุได้ว่า การดำเนินงานพิสูจน์หลักฐานในครั้งนี้ค่อนข้างเป็นอุปสรรคมากกว่าการพิสูจน์ศพช่วงเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เนื่องจากหลักฐานที่มีไม่เพียงพอ จึงประสานงานกับพนักงานสอบสวน เพื่อจะติดตามหาบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้น และวัตถุพยานที่พบในวันเกิดเหตุมาประกอบ เพื่อให้ผลออกมาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
ป่อเต็กตึ๊งช่วยค่าทำศพ5พันบาท
นางสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบเหตุบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ที่ซานติก้าผับ ว่า มีพระราชบัญญัติช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้เสียหาย และดำเนินคดีทางอาญา เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ แต่คงต้องรอให้เสร็จสิ้นขั้นตอนการรักษาพยาบาลและคดีความก่อน โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะจัดทีมลงไปแจ้งสิทธิแก่ผู้บาดเจ็บและญาติของผู้เสียชีวิตได้รับทราบว่า มีสิทธิได้รับความช่วยเหลือตามพระราชบัญญัติดังกล่าว และจะจัดทีมที่ปรึกษากฎหมายไปให้ความรู้แก่ผู้เสียหาย หากจะมีการฟ้องร้องเจ้าของกิจการสถานบันเทิงซานติก้าผับ หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป
นอกจากนี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ประชาสัมพันธ์ให้ความช่วยเหลือค่าทำศพ จำนวน 5,000 บาทต่อผู้เสียชีวิต 1 คน ให้แก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ โดยให้นำเอกสารหลักฐาน เป็นใบมรณบัตร สำเนาบัตรประชาชนของญาติ และสำเนาทะเบียนบ้าน ไปติดต่อที่แผนกสังคมสงเคราะห์ ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ในวันที่ 6 มกราคม เวลา 09.30 น.
นร.นอกช่วย20ชีวิตรอด
วันเดียวกัน นายสกล การพจน์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/288 แขวงบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย กทม. นำนายชลสิทธิ์ การพจน์ อายุ 24 ปี บุตรชาย ประกอบอาชีพอาจารย์สอนถ่ายภาพ และกราฟฟิกดีไซน์ ที่สถาบันศิลปะ แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ที่อยู่ในเหตุเพลิงไหม้ พร้อมกับขอตรวจสอบทรัพย์สินที่เจ้าหน้าที่เก็บได้จากที่เกิดเหตุ โดยพบกล้องถ่ายภาพยี่ห้อแคนนอน อีโอเอส 10ดี พร้อมแฟลชในสภาพเสียหายถูกไฟไหม้เกรียม
นายสกลกล่าวว่า ลูกชายเข้าไปเที่ยวซานติก้าผับพร้อมพี่ชาย คือ นายเมธี การพจน์ อายุ 30 ปี อาชีพครูสอนภาษาอังกฤษที่สถาบันภาษาแห่งหนึ่งที่ห้างเซ็นทรัล สาขาปิ่นเกล้า ลูกชายเล่าให้ฟังว่าก่อนเกิดเหตุอยู่หน้าเวทีแสดงดนตรี โดยนายชลสิทธิ์กำลังถ่ายภาพบรรยากาศภายในผับ ขณะนั้นเห็นว่าบทเวทีมีการใช้เอฟเฟกท์ประกอบการแสดงเป็นลูกไฟพุ่งขึ้นไปลักษณะเป็นสะเก็ดไปโดนของตกแต่งภายในร้านที่ห้อยอยู่ด้านบน นอกจากนี้ยังมีเอฟเฟกท์บางส่วนที่อยู่หลังวงดนตรีทำให้เกิดสะเก็ดไฟติดผ้าม่านของตกแต่งเช่นกัน
พ่อของเหยื่อไฟไหม้เล่าต่อว่า หลังผ่านไปประมาณ 30 วินาทีไฟก็ลามไปทั่ว คนในร้านก็แตกตื่น ส่วนนายชลสิทธิ์และพี่ชายก็พยายามหาทางหนี แต่ถูกฝูงชนผลักดันจนแยกกันไปคนละทาง โดยนายชลสิทธิ์มาทางบันไดลงชั้นใต้ดิน เห็นผู้หญิงหกล้มกองกันอยู่หลายคนจึงทิ้งกล้องแล้วเข้าไปช่วยเหลือแต่ก็ถูกดันลงไปตามบันได ช่วงนั้นก็ได้ยินเสียงดังขึ้นคล้ายของชิ้นใหญ่หล่นจากเพดาน ลูกชายเลยคิดว่ากลับขึ้นไปไม่ได้แล้ว จึงพากลุ่มแขกที่หลงมาด้วยกันเป็นชาย 5 คน หญิง 15 คนช่วยกันหาทางออกที่ชั้นใต้ดินแต่ก็ไม่พบ จึงนำพวกเขาเข้าไปในห้องน้ำ ปิดประตูกันไฟลามเข้า โดยลูกชายแนะนำให้ทุกคนช่วยกันเอาน้ำในชักโครกออกมาราดที่พื้น และให้นำเสื้อไปชุบน้ำมาปิดจมูกไว้เพื่อกันควัน จากนั้นทั้งหมดนั่งรออยู่ในห้องน้ำกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเข้ามาช่วยเหลือออกไปได้
นายสกลกล่าวอีกว่า บุตรชายคนโตรอดชีวิตมาได้ แต่อาการสาหัส ตามร่างกายถูกไฟไหม้ไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา ตนดีใจที่เห็นลูกชายทั้งสองคนรอดชีวิตมาได้ โดยเฉพาะลูกชายคนเล็กซึ่งเกิดและศึกษาอยู่ที่สหรัฐ ซึ่งเขาบอกว่าในชั้นเรียนที่สหรัฐนั้นเขาจะสอนวิธีการเอาตัวรอดจากภัยพิบัติต่างๆ เช่น ถ้าเกิดแผ่นดินไหวต้องทำอย่างไร ถ้าไฟไหม้ต้องคลานต่ำ เพราะควันจะลอยสูง หรือถ้าเข้าที่อับให้เอาผ้าชุบน้ำปิดจมูกช่วยการหายใจ ซึ่งจุดนี้ทำให้ลูกชายนำมาใช้เอาตัวรอดและช่วยเหลือคนอื่นๆ จากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งนี้มาได้
โวยสร้อยทอง5บาทหายจากศพ
ขณะเดียวกันได้เกิดเรื่องยุ่งขึ้นที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อ นางพนิดา โกศรี อายุ 28 ปี พร้อมลูก ร้องเรียนต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อวันที่ 1 มกราคม ขณะมาติดต่อขอดูศพนายอาทิตย์เทพ ปัทมานุรักษ์ อายุ 35 ปี สามี เห็นทรัพย์สิน ได้แก่ สร้อยคอทองคำน้ำหนัก 5 บาท พระเลี่ยมทอง 2 องค์ กระเป๋าสตางค์ และบัตรเครดิต ซึ่งเป็นของสามี อยู่ในความดูแลของเจ้าหน้าที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถขอรับทรัพย์สินดังกล่าวกลับมาได้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่มูลนิธิอ้างว่าให้ไปติดต่อพนักงานสอบสวนที่ สน.ทองหล่อ จึงเดินทางไปพบพนักงานสอบสวนเพื่อขอรับทรัพย์สินคืน แต่ปรากฏว่าสร้อยคอทองคำกับพระเลี่ยมทองสูญหายไป โดยหาผู้รับผิดชอบไม่ได้
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ นายสหชาติ ประถิ่น เจ้าหน้าที่กู้ภัยของมูลนิธิร่วมกตัญญู ออกมาแถลงโต้ว่า เรื่องนี้ขอยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องกับทางมูลนิธิแต่อย่างใด ซึ่งระหว่างที่พวกตนนำศพนายอาทิตย์เทพออกจากซานติก้าผับ มาถึงสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ ก็ไม่พบทรัพย์สินตามที่นางพนิดากล่าวอ้าง พวกตนทำงานอย่างเป็นระบบ เวลานำศพลงจากรถก็จะทำทีละศพเพื่อป้องกันการสับสน ส่วนตอนถอดทรัพย์สินออกจากศพก็จะมีเจ้าหน้าที่นิติเวชมายืนเป็นพยาน มีการถ่ายรูป และบันทึกรายละเอียดไว้ในแบบฟอร์มด้วย ซึ่งแบบฟอร์มที่ว่านี้จะมี 2 ชุด สำหรับให้มูลนิธิและสถาบันนิติเวช เป็นผู้เก็บรักษาเอาไว้ เรื่องนี้น่าจะเกิดจากความเข้าใจผิด คาดว่านางพนิดาคงสับสน เพราะมีทรัพย์สินของผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ที่มีสร้อยคอทองคำและพระเลี่ยมทอง ซึ่งลักษณะคล้ายกับของนายอาทิตย์เทพ เช่นกัน และขอยืนยันแทนเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูทุกคนด้วยว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่รายใดกล้าแตะต้องทรัพย์สินของผู้ประสบภัยอย่างแน่นอน
กุ๊กกิ๊ก ดาราช่อง3เผยติดในห้องน้ำ
น.ส.อินทร์กรแก้ว ศิรวัชรินทร์ หรือ กุ๊กกิ๊ก อายุ 23 ปี ดารานักแสดงสาวที่รับบททอมบอย ในละครเรื่อง ผู้การเรือเร่ ทางช่อง 3 ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับ เปิดเผยถึงนาทีเฉียดตายว่า ออกไปเคานท์ดาวน์ฉลองปีใหม่กับเพื่อนๆ กว่า 10 คนที่ผับดังกล่าว และนั่งที่โต๊ะรอบนอกใกล้ประตูทางออก ภายหลังร่วมนับเวลาถอยหลังส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่เรียบร้อยแล้ว จึงเดินไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงเดินออกมา แต่ยังไม่ทันพ้นประตูห้องน้ำ พบว่าไฟฟ้าเกิดดับ ทำให้ในร้านมืดสนิท และมีกลุ่มควันจำนวนมาก โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรวดเร็ว จากนั้นมีพนักงานเสิร์ฟวิ่งมาบอกว่า ประตูด้านหน้าออกไม่ได้ เนื่องจากผู้คนแออัด จึงตัดสินใจเข้าไปในห้องน้ำหญิง
"ขณะนั้นมีนักเที่ยวทั้งหญิงและชายติดอยู่ในห้องน้ำประมาณ 20 คน บางคนถึงกับล้มหมดสติไปต่อหน้าต่อตา ตนจึงถอดเสื้อตัวนอกออกแล้วนำไปชุบน้ำมาปิดจมูก และตักน้ำมาราดตัวจนเปียก นอกจากนี้ยังนำผ้าชุบน้ำมาอุดรูประตูห้องน้ำที่มีควันไฟทะลักเข้ามาอยู่ตลอดเวลา กระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที จึงมีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ แต่ขณะเดินออกไปถึงบริเวณห้องโถง ถึงกับต้องช็อก เมื่อพบศพคนนอนตายเกลื่อนพื้นในสภาพถูกไฟคลอกอย่างสยดสยอง จนเกิดภาพหลอนติดตามาถึงทุกวันนี้ จึงตัดสินใจเดินทางมาหาเพื่อนที่เมืองพัทยา และตั้งใจว่าจะตระเวนทำบุญตามวัดต่างๆ เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้เสียชีวิต ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ถึงกับเข็ดขยาด ไม่กล้าไปเที่ยวสถานบันเทิงไปอีกนาน น้องกุ๊กกิ๊กกล่าว
จีนส่งเวชภัณฑ์ช่วยเหลือเหยื่อไฟไหม้
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จากเหตุไฟไหม้สถานบันเทิงซานติก้าผับ นายจาง จิ่วหวน เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ได้ส่งสารแสดงความเสียใจมายังกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมประสานส่งเวชภัณฑ์รักษาแผลที่ถูกความร้อน มาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ โดยส่งผ่านทางสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน คาดว่าเวชภัณฑ์จะมาถึงในวันที่ 3 มกราคมนี้
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์แถลงว่า ยังมีชาวสิงคโปร์ที่ไปเที่ยวซานติก้าผับสูญหาย 2 คน โดยสถานทูตสิงคโปร์ในกรุงเทพฯ กำลังพยายามติดตามกับเจ้าหน้าที่ไทยอย่างใกล้ชิดเพื่อค้นหาว่าทั้งคู่อยู่ที่ใด รวมทั้งตรวจสอบด้วยว่ายังมีชาวสิงคโปร์คนอื่นที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้หรือไม่ โดยยอดสรุปขณะนี้คือ มีชาวสิงคโปร์เสียชีวิต 1 คน บาดเจ็บอีก 1 คน
วันเดียวกัน นาย ลี เซียน ลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ ได้ส่งสาสน์ถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่ซานติก้าผับ โดย นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์หวังเป็นอย่างยิ่งว่า นายกรัฐมนตรี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง จะให้ความช่วยเหลือครอบครัว หรือญาติมิตรของผู้เคราะห์ร้ายเหล่านั้นเป็นอย่างดี และรัฐบาลสิงคโปร์ขอแสดงความเสียใจ ต่อครอบครัวของผู้เคราะห์ร้ายด้วย
บช.น.ตื่นสั่งทุกท้องที่ตรวจผับ
เหตุการณ์ไฟไหม้ซานติก้าผับที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 59 ราย ทำให้ตำรวจออกตรวจสถานบันเทิงเพื่อป้องกันเหตุสลดเกิดขึ้นซ้ำซ้อน เมื่อเวลา 23.00 น. วันที่ 1 มกราคม พ.ต.ท.สถิตพร บุณยรัตพันธุ์ รองผกก.ป.สน.มักกะสัน นำกำลังตำรวจเข้าตรวจความเรียบร้อยที่สลิมผับ ย่านอาร์ซีเอ โดย พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. สั่งการให้ทุกท้องที่ตรวจสอบสถานบันเทิงเพื่อความปลอดภัย ซึ่งนายสยาม กุลตังค์วัฒนา เจ้าของผับดังกล่าวก็ได้พาตำรวจและคณะสื่อมวลชนตรวจสอบระบบการรักษาความปลอดภัย พร้อมกับกล่าวว่า ทุกเดือนจะมีเจ้าหน้าที่เขตและตำรวจเข้ามาตรวจสอบ และยังได้รับความร่วมมือจากหน่วยบรรเทาสาธารณภัยมาอบรมและสาธิตมาตรการรักษาความปลอดภัยให้แก่พนักงานในร้าน
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 2 มกราคม เกิดเหตุเพลิงไหม้รอว์ไฮด์ผับ เลขที่ 4/12 สุขุมวิท 23 หรือซอยคาวบอย แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กทม. เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำ ใช้เวลาประมาณ 15 นาที ก็สามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นายเอเรียน เชลเบอร์ อายุ 46 ปี ชาวสวิส กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุตนยืนสูบบุหรี่อยู่หน้าร้าน เห็นดีเจดึงปลั๊กไฟประดับต้นคริสต์มาสแล้วมีประกายไฟตกบนพื้น จากนั้นพนักงานในร้านก็รีบนำถังดับเพลิงมาฉีดแต่ไม่สามารถควบคุมเพลิงได้ จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ระหว่างนั้นก็เห็นคนปีนหนีลงทางบันไดหนีไฟออกจากอาคาร ไม่นานก็มีรถดับเพลิงมาควบคุมเพลิงเอาไว้ได้