เศร้า! อัฐิหฤทยาถึงไทยแล้ว แม่-ญาติรอรับ

พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ที่ปรึกษา (สบ 10) เปิดเผยระหว่างการเดินทางมารับ พล.ต.ท.จรัมพร สุระมณี ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ พร้อมคณะทีมงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคล ซึ่งจะมีการนำอัฐิของ น.ส.หฤทยา เหลืองสุรภีสกุล 1 ใน 6 นักเรียนพยาบาลไทย ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์แผ่นดินไหว ในประเทศนิวซีแลนด์ เดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้เพื่อส่งมอบให้กับญาติ คือ นางดารุณี เหลืองสุรภีสกุล มารดา และพี่สาว ที่บริเวณห้องผู้โดยสารขาเข้า ชั้น 2 อาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดย พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า สำหรับอัฐิของ น.ส.หฤทยา เหลืองสุรภีสกุล นั้น ได้มีการส่งมอบให้กับญาติ เพื่อจะได้นำกลับไปทำพิธีบำเพ็ญกุศล และลอยอังคารให้กับผู้ตาย สำหรับกรณีนักเรียนพยาบาลไทยอีก 5 คน ที่เสียชีวิต นั้น ทาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มีการประสานงานกับกระทรวงการต่างประเทศ อย่างใกล้ชิด รวมถึงประสาน
เรื่องว่า ญาติประสงค์จะให้ดำเนินการอย่างไรต่อไป หากญาติประสงค์จะให้ส่งกลับ ก็แจ้งความประสงค์ดังกล่าวกับ กรมการกงสุล เพื่อจะได้ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้อง ในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็จะสนับสนุนให้การช่วยเหลืออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามบรรยากาศล่าสุดที่บริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใน
ขณะนี้ มารดาของ น.ส.หฤทยา

ด้าน นางดารุณี เหลืองสุรภีสกุล มารดาของ น.ส.หฤทยา เหลืองสุรภีสกุล 1 ใน 6 พยาบาลไทย ที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ที่ ประเทศนิวซีแลนด์ เปิดเผย ความรู้สึกขณะเดินทางมารับอัฐิของบุตรสาว ว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และบางครั้งก็ยังทำใจไม่ได้ แต่ในวันนี้ก็ดีใจที่ได้มารอรับบุตรสาว กลับบ้าน โดยหลังจากได้รับมอบอัฐิ กับ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะนำกลับไปไว้ที่บ้านก่อน วันที่ 17 มี.ค. จะนำไปประกอบพิธีบำเพ็ญกุศล ที่ วัดแถวบ้าน ส่วนวันที่ 18 มี.ค.จะนำอัฐิของบุตรสาวไปลอยอังคาร ที่สัตหีบ จ.ชลบุรี

ทั้งนี้ นางดารุณี ยังได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถค้นพบศพของบุตรสาว ซึ่งหลังเกิดเหตุนั้นก็ไม่ได้ฝันร้าย หรือ มีลางบอกเหตุ แต่คิดว่าบุตรสาวไปสบายแล้ว ทางด้านนางเขมฤทัย พี่สาวระบุว่า ในวันพรุ่งนี้จะเดินทางไปกรมการกงสุล เพื่อรอรับฟังสิทธิประโยชน์และเรื่องประกันว่าจะได้รับสิทธิ์อะไรบ้าง จากการช่วยเหลือจากประเทศนิวซีแลนด์

ในเบื้องต้นทางกาชาด รวมถึงรัฐบาลนิวซีแลนด์ให้การช่วยเหลือรวม 15,000 เหรียญ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลไทย ช่วยเจรจาให้ได้รับเงินประกันที่น้องสาวได้ทำไว้กับประเทศมาเลเซีย อีก 50,000 เหรียญ