มท.เล็งแก้ไขกม.สถานบริการ เผยใช้วัสดุติดไฟง่ายแต่งร้าน

มท.เล็งแก้ไขกม.สถานบริการ เผยใช้วัสดุติดไฟง่ายแต่งร้าน

มท.เล็งแก้ไขกม.สถานบริการ เผยใช้วัสดุติดไฟง่ายแต่งร้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ญาติเศร้าแห่รับศพที่รพ.จุฬาฯ ตรวจพิสูจน์ 7 รายยังไม่รู้ว่าเหยื่อเป็น ใคร สธ.พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลเหยื่อซานติก้าผับ ปลัดมท.เล็งแก้ก.ม.สถานบริการจำกัดจำนวนนักเที่ยวชี้สถานบันเทิงส่วนใหญ่ใช้วัสดุติดไฟง่ายแต่งร้าน ปลัดมท.เล็งแก้ก.ม.สถานบริการจำกัดจำนวนนักเที่ยว นายพีรพล ไตรทศาวิทย์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งได้เดินทางมาตรวจสถานที่เกิดเหตุที่ซานติก้าผับ เปิดเผยว่า จะมีการเสนอแก้ไขพระราชบัญญัติสถานบริการ เพื่อให้มีการจำกัดนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะหนาแน่น และเป็นปัญหาหากเกิดเหตุฉุกเฉิน ชี้สถานบันเทิงส่วนใหญ่ใช้วัสดุติดไฟง่ายแต่งร้าน แหล่งข่าวจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. กล่าวว่า จากการตรวจสภาพโครงสร้างซานติก้าผับ เบื้องต้นพบว่ามีปัญหาในเรื่องกายภาพ เนื่องจากทางเข้าด้านหน้ามีผนังปูน และหน้าต่างลูกกรงอยู่ทางขวามือ ทำให้นักท่องเที่ยวต้องเดินอ้อมเข้าออก นอกจากนี้วัสดุกันเสียงที่ใช้ก็เป็นวัสดุที่ติดไฟง่าย มีลักษณะเป็นโฟม ทำให้เพลิงลุกไหม้อย่างรวดเร็ว สถานบันเทิงที่ผุดขึ้นใหม่ในช่วงนี้ล้วนใช้วัสดุแบบเดียวกันนี้ทั้งสิ้น เนื่องจากมีต้นทุนน้อย ส่วนสถานบันเทิงที่เกิดขึ้นมานานแล้วจะไม่ค่อยมีปัญหา เพราะใช้ผนังยิปซั่ม หรือใยสังเคราะห์ เป็นต้น ทั้งนี้สถานบันเทิงต่างๆ ควรเลิกใช้วัสดุที่ติดไฟง่าย ควรคำนึงถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมากกว่าคิดถึงกำไรเป็นสำคัญ แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า สำหรับสถานบันเทิงในพื้นที่ กทม. ที่มีคนเข้าไปมากกว่า 200 คน และมีวงดนตรีแสดง ทั้งผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด คาดว่าน่าจะมีประมาณ 4,000-5,000 แห่ง ซึ่งตำรวจเป็นผู้ออกใบอนุญาตสถานบริการ แต่ที่ผ่านมาข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบพบว่ามีสถานบันเทิงกว่าครึ่งที่เป็นสถานบันเทิงเถื่อนไม่มีใบอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เมื่อ กทม.เข้าไปตรวจหากพบว่าไม่ปลอดภัยก็ไม่สามารถสั่งปิดได้ อีกทั้งยังสามารถเปิดบริการได้โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ดังนั้นควรมีการทบทวนให้ท้องถิ่นเป็นผู้ออกใบอนุญาตแทน ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าสถานบริการที่ไม่มีความปลอดภัยส่วนใหญ่อยู่ในย่านถนนข้าวสาร ซอยพัฒนพงษ์ ถนนสีลม ดังนั้นสิ่งสำคัญอยากย้ำเตือนไปยังนักเที่ยว และอยากปลุกสังคมให้ตื่นตัวว่าอย่าเที่ยวในสถานบันเทิงที่ไม่ปลอดภัย เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 1 ม.ค. 51 ที่บริเวณหน้าห้องนิติเวช รพ.จุฬาฯ พ.ต.ท.นิติธร ยุกตะเสวี รองผกก.กลุ่มงานพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับกล่าาว่า ขณะนี้ทราบชื่อผู้เสียชีวิตแล้วจำนวน 23 รายมีญาติรับศพผู้เสียชีวิตไปแล้วจำนวน 7 ราย เหลืออีก 7 รายที่ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใครเนื่องจากว่าสภาพศพถูกไฟไหม้เกรียมจึงอาจจะต้องใช้การพิสูจน์ทางดีเอ็นเอ และจากการชันสูตรผู้เสียชีวิตทั้งหมดสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการขาดอากาศหายใจสำลักควัน และถูกไฟคลอก ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่จะได้ทำการชันสูตรพิสูจน์อย่างละเอียดเพื่อหาหลักฐานมายืนยันว่าผู้เสียชีวิตเป็นใคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณหน้าห้องนิติเวชมีญาติผู้เสียชีวิตมารอรับศพจำนวนมาก บางรายเมื่อรู้ว่าเป็นญาติตัวเองที่เสียชีวิตต่างก็ร้องไห้กันระงม "รมว.ยุติธรรม"ตรวจ"ซานติก้าผับ" ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงบ่าย ที่ สน.ทองหล่อ มีญาติพี่น้องของผู้เสียชีวิตและหายสาบสูญหลังจากไปเที่ยว ซานติก้า ผับเมื่อคืนที่ผ่านมา เดินทางเพื่อแจ้งความลงบันทึกประจำวัน และตรวจสอบรายชื่อผู้เสียชีวิตที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำมาแปะที่บอร์ด พร้อมรูปภาพผู้เสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีนักท่องเที่ยวที่บาดเจ็บเล็กน้อยและหนีออกมาจากจากเหตุการณ์ไฟไหม้ผับ เดินทางมาแจ้งความลงบันทึกประจำวัน เมื่อเวลา 12.30 น.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาคย์ รมต.ยุติธรรม เดินทางไปที่แซนติก้า ผับ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดที่เกิดขึ้น และกล่ว่า จะเข้าไปดูแลในเรื่องของกฎหมายต่างๆ ทั้งเรื่องใบอนุญาตให้เปิดสถานประกอบการและอื่นๆ ซึ่งหากพบว่าไม่ได้มาตรฐานเจ้าหน้าที่ที่ออกใบอนุญาตต้องรับผิดชอบด้วย และหากออกใบอนุญาตแล้วเคยกลับมาตรวจสอบหรือไม่ว่ามีการดัดแปลงหรือไม่ นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า หากพบว่ามีการละเลย จะมีความผิดทั้งทางอาญาและละเมิดทั้ง 2 เรื่อง ซึ่งถือว่าผิดทั้งเจ้าของและเจ้าหน้าที่ ซึ่งหากมีการละเมิดผู้เสียหายสามารถเรียกค่าเสียหายได้ ส่วนชาวต่างชาติจะติดต่อกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อประสานให้ความช่วยเหลือต่อไป ต่อมาเวลา 13.00 น. น.ส.ทิพรัตน์ อาจรอด อายุ 28 ปี นักเที่ยวที่รอดมาได้และผู้ได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าทั้ง 2 ข้างได้เดินทางมาที่ สน. พร้อมกับเปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนมาที่ผับดังกล่าวกับเพื่อน ประมาณ 5-6 คน เพื่อมาฉลองวันเกิดเพื่อน ขณะเกิดเหตุตนและเพื่อนๆอยู่บริเวณกลางลานของผับ ซึ่งตนเข้าไปเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้นก็เกิดไฟไหม้ ตนและเพื่อนๆจึงพยายามวิ่งเอาตัวรอดแต่คนจำนวนมากก็เบียดกันหาทางออกเพื่อหนีตาย ตนนึกถึงหน้าแม่พยายามกัดฟันเบียดออกมา ถูกเหยียบแต่ลุกขึ้นมาต่อ ตนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณเข่าทั้ง 2 ข้าง เนื่องจากถูกเศษกระจกบาด ตนและเพื่ออีก 5 คนหนีออกมาได้แต่มีเพื่อนหายไป 1 คน ต่อมานายพงษ์ศิริ วงษ์เซ็ง อายุ 28 ปี ลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์ กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุมีแขกที่ไปเที่ยวประมาณ 1 พันกว่าคน ช่วงใกล้เคาท์ดาวน์ทางร้านได้แจกไฟเย็นให้แขกจุดประกอบ เพื่อเพิ่มความสนุกสนาน ซึ่งช่วงนั้นบนเวทีมีการแสดงดนตรี แต่ไม่ได้มีศิลปินดังขึ้นเวที โดยมีดีเจภูมิ กับดีเจเพชรจ้าดำเนินรายการ หลังจากเคาท์ดาวน์เสร็จประมาณ 10 นาที บนเวทีมีการจุดเอ็ฟเฟ่กต์ประกอบการแสดงดนตรี ลักษณะคล้ายโอ่งไฟที่จุดเล่น ออกเป็นประกายไฟพวยพุ่งขึ้นไป ซึ่งจุดที่จุดอยู่ตรงกลางเวทีและสะเก็ดไปติดบนโดมที่คาดว่าน่าจะเป็นพลาสติก และลามเร็วมาก พอเห็นไฟลามก็ตะโกนว่าไฟไหม้ จากนั้นแขกก็อลหม่านวิ่งหนีเอาตัวรอดและทางร้านก็ไม่มีใครช่วย ตนเมื่อถูกเบียดมากก็พลัดกับแฟนสาวที่ไปด้วย ชื่อน.ส.เบญจรัตน์ อินทยากร อายุ 25 ปี โดยตนพยายามหนีเอาตัวรอด แต่แฟนติดอยู่ในผับประมาร 40 นาที เจ้าหน้าที่จึงสามารถช่วยออกมาได้ มีแผลถูกเพลิงไหม้บริเวณหลังและถูกเหยียบ และช่วยออกมาได้ ตอนนี้เพิ่งรู้สึกตัวตอนเวลา 11.00 น. ยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลพญาไท 3 ด้าน พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทยอยสอบปากคำพยานไปแล้ว ซึ่งมีประมาณ 100 ปาก ส่วนใหญ่ยังรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ 17 แห่ง เท่าที่สอบเบื้องต้นเป็นพยานที่เป็นพนักงานของร้าน โดยเท่าที่สอบทราบว่าเห็นไฟลุกจากยอดโดมและตกลงมา โดยยังไม่ได้แจ้งข้อหากับผู้ใด หากตรวจสอบพบผิดจะแจ้งข้อหาประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยเรื่องนี้ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมว่าผิดที่เจ้าของเป็นคนทำ หรือผิดที่นักเที่ยวเป็นคนทำ เรื่องนี้ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญดูอีกครั้ง คาดว่าประมาณ 2-3 สัปดาห์จะสามารถสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้ ส่วน พล.ต.ต.โชคชัย ดีประเสริฐวิทย์ ผบก.น.5 กล่าวว่า คดีอยู่ระหว่างทำการสอบสวน โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ขจรศักดิ์ ปานสาคร รอง ผบก.น.5 เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน เข้ามาดูแลในส่วนของคดี เบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบทราบว่าสาเหตุเกิดจากประกายไฟพุ่งไปติดเพดาน ส่วนมาจากสาเหตุใดก็ต้องให้ทาง พฐ.ตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งข้อหากับผู้ใด และยังไม่สามารถติดต่อนายวิสุข เสร็จสวัสดิ์ หรือเสี่ยขาว เจ้าของได้ ซึ่งทางกลุ่มงานตรวจพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลและการส่งกลับเริ่มต้นขึ้นสมัยมีเหตุการณ์สึนามิ สธ.พร้อมดูแลค่ารักษาพยาบาลเหยื่อซานติก้าผับ นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้บาดเจ็บจากเหตุไฟไหม้ซานติก้าผับ เขตวัฒนา กทม. ในเวลาประมาณ 00.40 น. ของวันที่ 1 มกราคม 2552 ว่า สถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน (ศูนย์นเรนทร) รายงานว่า ในเบื้องต้นมีผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งชาวไทยและต่างชาติ 243 ราย เสียชีวิต 59 ราย อาการสาหัสนอนในไอซียู 13 ราย ได้กำชับให้ทีมแพทย์ของโรงพยาบาลต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชน ให้การดูแลรักษาผู้บาดเจ็บทุกคนอย่างเต็มที่ และดีที่สุด ไม่ต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่าย และพร้อมประสานงานรับผู้บาดเจ็บมารักษาต่อในโรงพยาบาลในสังกัด ซึ่งมีหน่วยดูแลผู้บาดเจ็บจากไฟไหม้เป็นการเฉพาะคือ ที่โรงพยาบาลราชวิถี และโรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โดยกระทรวงสาธารณสุขจะรับผิดชอบเรื่องค่ารักษาพยาบาลเป็นกรณีพิเศษ และมอบหมายให้นายแพทย์ชาตรี เจริญชีวะกุล เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ดูแลติดตามอาการผู้บาดเจ็บ และประสานงานอำนวยความสะดวกต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด นายแพทย์ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ได้รับรายงานล่าสุด (1 มกราคม2552 เวลา 12.30 น.) หน่วยกู้ชีพได้นำผู้บาดเจ็บที่รอดชีวิต ส่งโรงพยาบาล 19 แห่ง ทั้งหมด 184 ราย ส่วนใหญ่สำลักควันไฟ และมีบาดแผลถูกเศษกระจกบาด ถูกไฟไหม้ตามร่างกาย แต่จำนวนผู้บาดเจ็บอาจเปลี่ยนแปลงได้ ในเบื้องต้นอาการสาหัสอยู่ในไอซียู 13 ราย ทั้งนี้ ผู้บาดเจ็บที่เข้ารักษาตัวในรพ. 19 แห่งดังนี้ 1. รพ.คลองตัน 1 ราย เสียชีวิตแล้ว 2. รพ.สมิติเวช 5 รายเสียชีวิต 1 ราย อยู่ในไอซียู 2 ราย 3. รพ.ปิยเวช 9 รายอาการสาหัส 4 ราย 4. รพ.รามาธิบดี 6 ราย 5. รพ.พระมงกุฎเกล้า 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย 6. รพ.ราชวิถี 6 ราย 7. รพ.กรุงเทพ 21 ราย กลับบ้านแล้ว 6 ราย 8. รพ.กล้วยน้ำไท 9 ราย 9. รพ.สุขุมวิท 11 ราย 10. รพ.จุฬาลงกรณ์ 13 ราย 11. รพ.พระรามเก้า 15 ราย อยู่ไอซียู 1 ราย 12. รพ.เทพธารินทร์ 2 ราย กลับบ้านแล้วทั้ง 2 ราย 13. รพ.รามคำแหง 20 ราย อยู่ ไอซียู 1 ราย กลับบ้านแล้ว 9 ราย 14. รพ.คามิลเลียน 33 ราย เสียชีวิต 2 ราย อยู่ไอซียู 2 ราย กลับบ้านแล้ว 20 ราย 15. รพ.วิภาวดีราม 19 ราย 16. รพ.แพทย์ปัญญา 8 รายอยู่ไอซียู 2 ราย 17. รพ.นครธน 1 ราย 18. รพ.เปาโลฯ 2 ราย และ19. รพ.เวชธานี 2 ราย กลับบ้านแล้ว 1 ราย ในส่วนโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข รับผู้บาดเจ็บเข้ารักษา 7 ราย คือที่ รพ.พระนั่งเกล้า 1 รายและที่รพ.ราชวิถี 6 ราย โดยที่รพ.ราชวิถีมีผู้บาดเจ็บยังพักรักษาตัว 1 ราย คือ น.ส.ทิพย์รัตน์ อาจรอด อายุ 24 ปี สำลักควัน และถูกกระจกบาดที่แขนทั้ง 2 ข้าง แพทย์ทำแผลแล้ว รอส่งต่อที่โรงพยาบาลวิภาวดีตามคำขอของผู้ป่วย และส่งไปรักษาต่อ 3 ราย คือที่รพ.กรุงเทพ 2 รายเป็นชาวญี่ปุ่นถูกไฟไหม้ ได้แก่ นายชิเกรุ ทซึโนบะ อายุ 41 ปี และนายโคจิ คิมูระ อายุ 28 ปี และที่รพ.บำรุงราษฎร์ 1 ราย คือ น.ส.วรดนูน เชษฐภักดีจิตร อายุ 24 ปี กลับบ้านแล้ว 2 ราย ได้แก่น.ส.ยุภาวดี คำไชยมหา อายุ 34 ปี มีบาดแผลที่เท้า และน.ส.มนวาริน ธรรมบุตร อายุ 33 ปี มีแผลที่นิ้วเท้าขวา ส่วนที่โรงพยาบาลพระนั่งเกล้า รับผู้ป่วยส่งต่อจากโรงพยาบาลคามิลเลียน 1 ราย คือนายชวิน มัสโอดี สำลักควันไฟ และมีแผลไฟไหม้ที่ใบหน้า แพทย์ทำแผล และให้ยาฆ่าเชื้อแล้ว อาการขณะนี้รู้สึกตัวดี ยังแสบคอ อาการปลอดภัยแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook